โรคตาแดง conjuntiva เยื่อบุตาอักเสบ มี 2 แบบ ตาแดงเฉียบพลัน และ ตาแดงเรื้อรัง เกิดจากอาการป่วยไข้ อดนอน ร้องไห้อย่างหนัก การไออย่างรุนแรง การขยี้ตา รักษาอย่างไรโรคตาแดง ดวงตาอักเสบ โรคตา โรคติดต่อ

โรคตาแดงเป็นโรคตาชนิดหนึ่ง เกิดจากเยื่อบุตาอักเสบ ( conjuntiva ) โรคตาแดงที่พบมี 2 แบบ คือ โรคตาแดงเฉียบพลัน และ โรคตาแดงแบบเรื่อรัง โรคตาแดง คือ ภาวะตาขาวเป็นสีแดงผิดปรกติ ซึ่งมีสาเหตุของการเกิดโรคหลายสาเหตุ เช่น อาการป่วยไข้  อดนอน ร้องไห้อย่างหนัก การไออย่างรุนแรง การขยี้ตา เป็นต้น สาเหตุที่ทำให้อาการต่างๆเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดอาการตาแดง คือ เยื่อตา บริเวณตาขาว เกิดการอักเสบ จากการติดเชื้อโรค

สาเหตุของโรคตาแดง

สาเหตุของภาวะตาแดง เกิดจากปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น โดยสาเหตุที่ทำให้เยื้อตาอักเสบ คือ เกิดจากติดเชื้อ แต่เชื้อเหล่านี้ร่างกายสามารถรักษาตัวเองได้ และจะหายไปเองภายใน 14 วัน  ส่วนสาเหตุอื่นๆ เช่น การเป็นหวัด การใช้ยาหยอดตา การใช้น้ำตาเทียม การใช้เครื่องสำอาง โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ประจำ ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัส

อาการของโรคตาแดง

สำหรับอาการของโรคตาแดง  อาการที่เห็นชัด คือ คันตา ขี้ตาใสเหมือนน้ำตา ขี้ตาเป็นเมือกขาว ขี้ตาเป็นหนอง ตาแดง หากพบว่าตาเป็นสีแดง มีอาการคัน และมีขี้ตาลักษณะดังกล่าวมาในข้างต้น สันนิฐานได้เลยว่าเป็นตาแดง โดยเราจะแยกอาการของการเกิดโรคตาแดงเป็นข้อๆ เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา ดังนี้

  • อาการคันที่ตา ซี่งมักจะเกิดจากการเกิดโรคภูมิแพ้ โดยการคันตานั้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอาการแพ้ว่าจะมากหรือน้อย  และ สาเหตุหนึ่งของอาการคันตาที่ไม่ใช่สาเหตุของภูมิแพ้ จะเกิดจาก โรคหอบหืด หรือ อาการผื่นคัน
  • ขี้ตามีลักษณะใส จะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือ โรคภูมิแพ้
  • ขี้ตามีลักษณะเป็นเมือกขาว จะเกิดจากตาแห้ง หรือ อาการของโรคภูมิแพ้
  • ขี้ตามีลักษณะเป็นหนอง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • อาการตาแดงที่เกิดขึ้นกับตาทั้ง 2 ข้าง หรือ ข้างใดข้างหนึ่ง ลักษณะอาการเช่นนี้จะเกิดกับอาการของโรคภูมิแพ้
  • อาการปวดตา หรือ มีอาการสายตาสู้แสงแดดจ้าไม่ได้ เป็นอาการตาแดงที่มีสาเหตุจากโรคอื่นๆ เช่น โรคต้อหิน อาการม่านตาอักเสบ เป็นต้น หากพบว่ามีอาการปวดที่ตา ให้รีบพบแพทย์ด่วน
  • อาการสายตาพล่ามัว หากแม้ว่ากระพริบตาแล้วก็ยังมัวอยู่ โรคตาแดงมักจะเห็นปกติหากมีอาการตามัวร่วมกับตาแดงต้องปรึกษาแพทย์

การรักษาโรคตาแดง

สำหรับโรคตาแดง นั้นโดยปรกติแล้วร่างกายจะรักษาตัวเอง อาการตาแดงจะหายไปได้เองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ หากไม่มีปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคตาแดงมากระทบซ้ำ โดยแนวทางในการรักษาโรคตาแดง มีดังนี้

  1. ในกรณีโรคตาแดงที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเชื้อแบคทีเรีย จะใช้ยาปฏิชีวนะ ประกอบด้วย ยาหยอดตา หรืออาจจะมียาป้ายตา ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องยาแบบฉีดและรักปรทานร่วมด้วย
  2. ในกรณีโรคตาแดงที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเชื้อไวรัส จะใช้ยาต้านไวรัส และให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดอาการคัน ยาแก้ปวด ส่วนมากการตาแดงจากเชื้อไวรัสมักจะหายได้เอง
  3. ในกรณีเป็นโรคตาแดงที่มีสาเหตุจากโรคภูมิแพ้ แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้

การป้องกันโรคตาแดง

สำหรับการป้องกันการเกิดโรคตาแดง ให้รักษาสุขภาพให้แข็งแรง และ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ทำให้เกิดอาการอักเสบหรือ  ระคายเคืองที่เยือตา โดยเราได้แยกออกเป็นข้อๆ ได้ดังนี้

  1. ไม่ควรใช้เครื่องสำอาง ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น
  2. ล้างมือให้บ่อย
  3. ใส่แว่นป้องกันในการทำกิจกรรมต่างๆที่จะมีสารมาระคายเคืองดวงตา
  4. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคตาแดง
  5. อย่าใช้ยาหยอดตาของผู้อื่น
  6. อย่าว่ายน้ำในสระที่ไม่ได้ใส่คลอรีน
  7. อย่าสัมผัสมือ ของผู้ป่วยโรคตาแดง

สมุนไพรบำรุงสายตา ประกอบด้วย พืช ผัก ต้นไม้ ที่มีวิตามินเอ สูง สามารถช่วยบำรุงสายตาได้ดี มีดังนี้

ตำลึง สมุนไพร สมุนไพรไทย ผักสวนครัว
ตำลึง
ชะพลู สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชล้มลุกชะพลู
ขมิ้น สมุนไพร สมุนไพรไทย
ขมิ้น
อัญชัน สมุนไพร ดอกอัญชัน ประโยชน์ของอัญชัน
อัญชัน
เสาวรส สมุนไพร ผลไม้ ประโยชน์ของเสาวรส
เสาวรส
ฟักทอง สมุนไพร ผักสวนครัว สรรพคุณของฟักทอง
ฟักทอง
มะรุม สมุนไพร สมุนไพรไทย สรรพคุณของมะรุม
มะรุม
ชะอม สมุนไพร สมุนไพรไทย ผักสวนครัว
ชะอม

โรคตาแดง ( conjuntiva ) เกิดจากเยื่อบุตาอักเสบ มี 2 แบบ คือ โรคตาแดงเฉียบพลัน และ โรคตาแดงแบบเรื่อรัง วิธีรักษาโรคตาแดง สาเหตุของการเกิดโรค เช่น อาการป่วยไข้ อดนอน ร้องไห้อย่างหนัก การไออย่างรุนแรง การขยี้ตา เป็นต้น

 

เอดส์ ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจากเชื้อไวรัส HIV เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทำให้ภูมิคุ้มกันโรคบกพร่อง เกิดโรคง่าย ไม่มียารักษาแต่มียาต้านเชื้อลดอาการของโรคโรคเอดส์ ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โรคติดต่อ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคเอดส์ ( AIDS : Acquired Immune Deficiency Syndrome ) เป็นโรคอันตราย โรคติดต่อที่ถ่ายทอดจากคนสู่คน การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงยางอนามัย การชอบเปลี่ยนคู่นอน การรักรวมเพศ การเสพยาเสพติด การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ต่างเป็นสาเหตุขอการติดโรคเอดส์ ในปัจจุบันมียารักษา ผู้ป่วยโรคเอดส์ต้องกินยาต้านไวรัส ตลอดชีวิต และ ต้องดูแลสุขภาพไม่ให้ติดเชื้อโรคต่างๆ

สาเหตุของเอดส์

โรคเอดส์ เกิดจากเชื้อไวรัส ฮิวแมนอิมมิวโนเดฟีเชียนซีไวรัส ( Human Immunodeficiency Virus ) เรียกย่อๆ ว่า HIV เมื่อเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวถูกทำลาย ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำลง จนทำให้ร่างกายไม่มีสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆได้ ผู้ป่วยโรคเอดส์ ติดเชื้อโรคได้ง่าย เช่น วัณโรค ปอดบวม เชื้อรา เป็นต้น ผู้ป่วยโรคเอดส์ ส่วนมากมักเสียชีวิตจากการเกิดโรคแทรกซ้อน

การเข้าสู่ร่างกายของเชื้อเอชไอวี เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีติดเชื้อเอดส์ การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกจากการตั้งครรภ์ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อเอดส์ เป็นต้น

สายพันธ์ของโรคเอดส์

ไวรัสเอชไอวี ปัจจุบันมีหลายสายพันธุ์ พบว่ามีมากกว่า 10 สายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ดั้งเดิมของโรคนี้ คือ เอชไอวี1 ( HIV1 )สายพันธ์นี้พบมากใน ทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกากลาง และทวีปอเมริกา อีกสายพันธ์หนึ่ง คือ เอชไอวี 2 ( HIV2 ) พบมากในทวีปแอฟริกา แต่สายพันธุ์เอชไอวี ที่พบมากที่สุดในโลก คือ สายพันธุ์ซี ซี่งสายพันธ์นี้ พบใน ทวีปแอฟริกา ประเทศอินเดีย ประเทศจีน และประเทศพม่า

สำหรับประเทศไทย พบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เออี (A/E) และ สายพันธ์บี (B) สายพันธุ์เอชไอวีที่ไม่เคยพบในประเทศไทย คือ สายพันธุ์ซี

การติดต่อโรคเอดส์

สำหรับช่องทางการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี มี 3 ช่องทาง คือ การมีเพศสัมพันธ์ การรับเชื้อโรคทางเลือด และ การถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก รายละเอียด ดังนี้

  • การมีเพศสัมพันธ์กับผู้มีเชื้อเอชไอวี เป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อเอดส์ จากข้อมูลของกองระบาดวิทยาระบุว่าร้อยละ 83 ของผู้ติดเชื้อเอดส์ ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
  • การรับเชื้อทางเลือด ซึ่งการรับเชื้อโรคพบได้ใน 2 กรณี คือ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และ การรับเลือดโดยตรงจากการรับเลือด
  • การติดต่อจากแม่สู่ลูก เกิดจากมารดาที่มีเชื้อเอดส์และตั้งครรภ์ ปัจจุบันมีวิธีการป้องกันการแพร่เชื้อเอดส์จากแม่สู่ลูกได้สำเร็จแล้ว โดยการกินยาต้านไวรัสในช่วงตั้งครรภ์

ระยะของการเกิดโรคเอดส์

สำหรับระยะการเกิดโรคเอดส์ มีอาการของโรค 3 ระยะ คือ ระยะไม่แสดงอาการ ระยะมีอาการสัมพันธ์กับโรคเอดส์ และ ระยะโรคเอดส์ รายละเอียด ดังนี้

  • ระยะไม่ปรากฏอาการ ในระยะผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอดส์ ไม่ปรากฏอาการผิดปกติ ภายนอกดูปรกติแข็งแรง ซึ่งในระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 7 ถึง 8 ปี และในผู้ติดเชื้อบางรายไม่แสดงอาการนานถึง 10 ปี เป็นระยะอันตรายต่อการแพร่เชื้อโรคมากที่สุด เพราะ ผู้ป่วยไม่รู้ว่าตนติดเชื้อโรค
  • ระยะมีอาการสัมพันธ์กับโรคเอดส์ เป็นระยะที่เริ่มมีการตรวจพบเลือดบวก และ เห็นอาการผิดปกติของร่างกายชัดเจนมากขึ้น  เช่น มีอาการต่อมน้ำเหลืองโต มีเชื้อราในช่องปาก เป็นงูสวัด มีอาการ เช่น มีไข้สูง ท้องเสีย ผิวหนังอักเสบ น้ำหนักลด โดยไม่ทราบสาเหตุของโรค
  • ระยะโรคเอดส์ เป็นระยะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่อง เริ่มเกิดอาการติดเชื้อแทรกซ้อน ผู้ป่วยในระยะนี้ มักเสียชีวิตภายใน 2 ปี

อาการของโรคเอดส์

สำหรับอาการที่แสดงให้เห็นในผู้ป่วยโรคเอดส์ มักจะแสดงอาการต่างๆ ดังนี้

  • มีอาการปอดอักเสบ
  • ระบบความจำสูญเสีย มีอาการซึมเศร้า และ แสดงอาการที่ระบบประสาท
  • มีอาการท้องเสียเรื้อรัง
  • อ่อนเพลีย และ เหนื่อยง่าย
  • มีไข้สูงบ่อยๆ
  • เหงื่อออกเวลากลางคืน
  • น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว
  • มีผื่นขึ้นตามตามผิวหนัง ช่องปาก จมูก และ เปลือกตา
  • มีแผลที่ริมฝีปาก อวัยวะเพศ และ ทวารหนัก
  • ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ รักแร้และขาหนีบ บวมโต

การรักษาโรคเอดส์

สำหรับการรักษาโรคเอดส์ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาดได้ การรักษาโรคเอดส์ คือ การช่วยชะลอการพัฒนาของเชื้อโรค โดยการกินยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี หรือ ยาต้านรีโทรไวรัส ( Antiretrovirals: ARVs ) หากผู้ป่วยพบว่าตนติดเชื้อเอดส์เร็ว ก็จะสามารถควบคุมไวรัสได้ดีกว่าพบเชื้อไวรัส เมื่อเข้าสู่ระยะที่สอง

การป้องกันโรคเอดส์

สำหรับการป้องกันโรคเอดส์ ที่ดีที่สุด คือ การไม่รับเชื้อโรคในทุกช่องทางทีเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค แนวทางการป้องกันโรคเอดส์ มีดังนี้

  • ไม่มีเพศสัมพันธืกับคนที่ไม่ใช่คู่นอน
  • ไม่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ
  • สวมถุงยางอนามัย เมื่อจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช้คู่นอน
  • ไม่เสพยาเสพติด
  • ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • ระมัดระวังการสัมผัสเลือดของผู้ติดเชื้อเอดส์

โรคเอดส์ ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการติดเชื้อไวรัส HIV ส่วนมากเกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ติดเชื้อเอดส์ต้องทำอย่างไร การรักษาโรคเอดส์ และ การป้องกันโรคมีอะไรบ้าง


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove