เบาหวาน ( Diabetes Mellitus ) ฮอร์โมนอินซูลิน ( Insulin )ในร่างกายผิดปกติ ทำให้เกิดน้ำตาลสะสมในเลือดสูง อาการสายตาพร่ามัว เป็นแผลเรื้อรัง ปวดและชาตามมือเท้าโรคเบาหวาน ภาวะน้ำตาลในเลือกสูง โรคไม่ติดต่อ การรักษาโรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน ( Diabetes Mellitus ) ฮอร์โมนอินซูลิน ( Insulin )ในร่างกายผิดปกติ ทำให้เกิดน้ำตาลสะสมในเลือดสูง อาการของโรคเบาหวาน คือ สายตาพร่ามัว เป็นแผลเรื้อรัง ปวดและชาตามมือเท้า ติดเชื้อที่ผิวหนัง ปาก หรือ กระเพาะปัสสาวะ ง่าย ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย การคุมระดับน้ำตาลในเลือด มีความสำคัญกับผู้ป่วย การรักษาโรคเบาหวาน รักษาตามอาการ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด ต้องระวังการกิน

โรคเบาหวาน เป็นเบาหวานนั้น การคุมเบาหวาน หรือ การคุมระดับน้ำตาลในเลือด มีความสำคัญกับผู้ป่วย การรักษาโรคเบาหวาน เป็นการรักษาตามอาการที่เกิดจากเบาหวาน ซึ่งการรักษาโรคแทรกซ้อนของเบาหวาน เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน เป็นสิ่งที่สำคัญ โรคเบาหวานเป็นโรคที่ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ แต่เราก็สามารถควบคุมความรุนแรงของโรคให้อยู่ในระดับที่คงที่และบรรเทาเบาลงได้

เนื้อหาเกี่ยวกกับโรคเบาหวาน เป็นโรคเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ สามารถถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมได้ โดยเราจะเสนอเนื้อหา ว่า อาการโรคเบาหวาน การรักษาโรคเบาหวาน การป้องกันโรคเบาหวาน การใช้สมุนไพรช่วยรักษาโรคเบาหวาน โรคเบาหวาน ภาษาอังกฤษ เรียกว่าอย่างไร  เบาหวาน สมุนไพร อาการแทรกซ้อนต่างของเบาหวาน เบาหวานขึ้นตา

โรคเบาหวาน เป็น โรคยอดฮิตของมนุษย์ เราพบว่าร้อยละ 10 ของประชากรประเทศไทย เป็นโรคเบาหวาน ซึ่งโรคนี้สามารถพบได้ในทุกเพศ และทุกวัย และแนวโน้มจะมีผู้ป่วยโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นอีกได้ ซึ่งปัจจัยของการเกิดโรคเบาหวาน คือ พฤติกรรมการบริโภค พฤติกรรมการใช้ชิวิต และ กรรมพันธุ์ เป็นต้น ซึ่งการป่วยเป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยบางคนไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคนี้ และจะป่วยหนัก เมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อน ที่มีความรุนแรง ดังนั้น วันนี้เราจะมาให้ความรู้เรื่องโรคนี้อย่างจริงจัง

สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน

สาเหตุของเบาหวาน คือ การทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน(Insulin)ในร่างกายผิดปกติ ซึ่งโฮโมนอินซูลินนี้ มีหน้าที่นำน้ำตาลในกระแสโลหิตเข้าสู่เซลล์ต่างๆของร่างกาย เพื่อนำพลังงานไปใช้ การที่โฮโมนอินซูลินทำงานไม่ปรกติ จะทำให้เกิดน้ำตาลสะสมในกระแสเลือด ทำให้ส่งผลต่ออวัยวะต่างๆของร่างกายทำงานผิดปรกติ เป็นสาเหตุของโรคแทกซ้อนจากการเป็นเบาหวาน สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวาน อาจเกิดได้จากการขาดฮอร์โมนอินซูลิน ทำให้เกิดน้ำตาลสะสมในเลือดสูงขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้อธิบายไปแล้วว่า ฮอร์โมนอินซูลิน เป็นอย่างไร โดยแหล่งผลิดฮอโมนชนิดนี้ คือ ตับอ่อน หากจะแยกเป็นข้อๆ เกี่ยวกับ สาเหตุที่ทำให้เกิดเบาหวาน ได้ดังนี้

  • ความอ้วนจากการไม่ออกกำลังกาย
  • อายุที่มากขึ้น ทำให้ฮอร์โมนอินซูลินผลิตได้น้อยลง
  • ความผิดปกติของตับอ่อน
  • การติดเชื้อไวรัสบางชนิด ที่มีผลต่อตับอ่อน
  • การใช้ยาบางชนิด ที่ทำให้มีการสร้างน้ำตาลมากขึ้นจากตับ และทำให้การตอบสนองของอินซูลินที่กล้ามเนื้อและเซลล์ไขมันทำได้ไม่ดี
  • การตั้งครรภ์ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงที่มีฮอร์โมน ซึ่งมีผลต่อการยับยั้งการทำงานของอินซูลิน

ประเภทของโรคเบาหวาน

ซึ่ง เบาหวาน สามารถแบ่งได้ เป็น 4 ประเภท คือ เบาหวาน ประเภทที่1 เบาหวาน ประเภทที่ 2 เบาหวาน ที่เกิดจากการตั้งครรถ์ และ เบาหวาน ที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ โดยรายละเอียดของ เบาหวานแต่ละประเภท มี ดังนี้

  1. เบาหวาน ประเภทที่ 1 ภาษาอังกฤษ เรียก Type 1 Diabetes เกิดจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลินเพื่อให้ร่างกายไปใช้งานไม่ได้ เนื่องจากเบตาเซลล์(beta cells) ของตับอ่อนถูกทำลาย ด้วยภูมิคุ้มกันของร่างกายตัวเอง โรคเบาหวานประเภทนี้ พบมากถึงร้อยละ 10 ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน พบในผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 35 ปี จะเกิดโรคลักษณะเฉียบพลัน ซึ่งผู้ป่วยจะกระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย น้ำหนักลดลงเร็ว ทานอาหารบ่อย เหนื่อยง่าย และเกิดการคั่งสารคีโตน ผู้ป่วยเบาหวานประเภทนี้ต้องได้รับอินซูลินโดยการฉีดหรือใช้เครื่องปั๊มอินซูลิน
  2. เบาหวาน ประเภทที่ 2 ภาษาอังกฤษเรียก Type 2 Diabetes พบว่าประเภทนี้เป็นมากที่สุด พบมากถึงร้อยละ 90 ของผู้ป่วยเบาหวาน เกิดจากตับอ่อนสามารถสร้างอินซูลินไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ประเภทนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ผู้ป่วยจะมีอาการตาพร่ามัว เป็นแผลแล้วหายช้า มีอาการชาตามมือและเท้า และติดเชื้อได้ง่าย ผู้ป่วยต้องควบคุมอาหาร และใช้อินซูลินชนิดฉีดเพิ่ม
  3. เบาหวาน ประเภทที่เกิดระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งสตรีที่ตั้งครรถ์มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคเบาหวาน ซึ่งเกิดจากการที่ผู้ตั้งครรถ์ไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงค์ชีวิตขณะตั้งครรถ์ ซึ่งระดับน้ำตาลในเลือดจะกลับสู่ภาวะปกติ หลังจากการคลอดบุตร
  4. เบาหวาน ประเภทที่เกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น พันธุกรรม โรคจากตับอ่อน โรคเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต เป็นต้น

อาการของผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ซึ่งจะพบมากในผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินกว่าปรกติ หรือ อ้วน นั้นเอง ซึ่งอาการของโรคจะไม่มีให้เห็นอย่างชัดเจน โดยจะค่อยๆเกิดขึ้น โดยให้สังเกตุอาการ ดังนี้ สายตาพร่ามัว เป็นแผลเรื้อรังหายช้า ปวดและมีอาการชาตามมือและเท้า ติดเชื้อที่ผิวหนัง ปาก หรือ กระเพาะปัสสาวะ ได้ง่าย ปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำบ่อย และอยากทานอาหารเพิ่ม

โรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน เป็นอันตรายที่เกิดจากโรคนี้ โรคเบาหวาน ส่งผลให้ เกิดโรคเกี่ยวกับ ตา หัวใจและหลอดเลือด ไต และระบบประสาท โดยรายละเอียด ดังนี้

  • โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งหลอดเลือดจะถูกทำลาย ทำให้หลอดเลือดอุดตันได้ ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น ซึ่งภาวะนี้สามารถทำให้ เกิดโรคความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลวได้ ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากภาวะหัวใจและหลอดเลือดถูกทำลาย
  • โรคตา ผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานในเวลานาน หลอดเลือดในจอตาที่เรียกว่า “เรตินา” ถูกทำลาย ทำให้การมองเห็น ได้รับผลกระทบ หากเป็นหนักมากจะส่งผลถึงการสูญเสียความสามารถในการมองเห็นหรือตาบอดได้
  • โรคไต โรคเบาหวานจะทำให้เกิดปัญหาที่ไตมากที่สุด ซึ่งไตทำหน้าที่ในการกรองเลือดและกำจัดของเสียออกจากร่างกายทางปัสสาวะ หากไตมีปัญหา จะทำให้การกรองของเสียและการขับของเสียออกจากร่างกายทำได้ไม่ดี เราเรียกว่าภาวะไตเสื่อม
  • โรคทางระบบประสาท เมื่อน้ำตาลในกระแสเลือดสูง น้ำตาลจะทำลายประสิทธิภาพการเป็นฉนวนของเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทเหล่านั้นไม่ตอบสนอง ระบบประสาทจะถูกทำลายอย่างช้าๆ

การรักษาโรคเบาหวาน

สามารถทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชิวิต ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลมาก ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ  และควบคุมการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ที่มีสาเหตุจากโรคเบาหวาน และการให้ฮอโมนอินซูลิน เพื่อช่วยกระตุ้นการนำน้ำตาลในเลือดไปใช้งาน เพื่อลดการสะสมน้ำตาลในเลือดนั้นเอง โรคนี้การรักษาที่ดีที่สุดคือการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย

นอกจาก การควบคุมอาหาร แล้วการรับประทานอาหารที่มีสรรพคุณใน การช่วยไขมันและน้ำตาลในเลือด ช่วยการขับของเสียออกจากร่างกายก็สามารถช่วย รักษาโรคเบาหวาน ได้เป็นอย่างดี เราจึงขอแนะนำ สมุนไพรรักษาโรคเบาหวาน มีดังนี้

เก๋ากี้ สมุนไพร โกจิเบอร์รี่ สรรพคุณของโกจิเบอร์รี่เก๋ากี้ โกจิเบอร์รี่ ลูกสมอไทย สมอไทย ราชาสมุนไพร สมุนไพรไทยสมอไทย
ถั่วเขียว ถั่วงอก ธัญพืช สมุนไพรถั่วเขียว หญ้าปักกิ่ง สมุนไพร หญ้าเทวดา สรรพคุณหญ้าเทวดาหญ้าปักกิ่ง
ชุมเห็ดเทศ ต้นชุมเห็ดเทศ สรรพคุณของชุมเห็ดเทศ สมุนไพรชุมเห็ดเทศ มะกอก สรรพคุณของมะกอก น้ำมันมะกอก โทษของมะกอกมะกอก

ต่อมทอนซิลอักเสบ ( tonsillitis ) ติดเชื้อโรคที่ต่อมทอนซิล ทำให้เจ็บคอบริเวณด้านข้างของช่องปากทั้งสองข้าง หนาวสั่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวต่อมทอนซิลอักเสบ โรคติดเชื้อ ต่อมทอนซิล เจ็บคอ

ต่อมทอนซิลอักเสบ ( tonsillitis ) คือ ภาวะการอักเสบของต่อมทอนซิล เกิดจากเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรือเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ที่น้ำลายและเสมหะของผู้ป่วยโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการ เจ็บคอ เจ็บมากบริเวณด้านข้างของช่องปากทั้งสองข้าง หนาวสั่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว โรคติดต่อ โรคติดเชื้อ

วันนี้เราขอเสนอ โรคต่อมทอลซิลอักเสบ ก่อนอื่นเราควรทำความรู้จักกับเจ้าต่อมทอนซิลก่อน ว่ามันคืออะไร มีหน้าที่ทำอะไร ต่อมทอนซิล ภาษาอังกฤษ เรียก tonsils คือ ต่อมตัวหนึ่งในร่างกาย อยู่บริเวณคอ มีหน้าที่ ดักจับและทำลายเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกายผ่านทางคอ ต่อมทอนซิลจึงเป็นต่อมที่ต้องเผชิญกับเชื้อโรคบ่อยที่สุดในร่างกาย รองจากผิวหนัง ในตัวต่อมทอนซิล เป็นเนื้อเยื่อในกลุ่มต่อมน้ำเหลือง ภายในต่อมมีเม็ดเลือดขาวหลายชนิด โดยปรกติต่อมทอนซิล จะมีอยู่ 3 ตำแหน่ง คือ

ต่อมทอนซิล ในคนคอมีอยู่ 3 ตำแหน่งคือ ต่อมทอนซิลที่อยู่ด้านข้างของช่องปาก เรียก พาลาทีนทอนซิล(palatine tonsil) ต่อมทอนซิลที่อยู่บริเวณโคนลิ้น เรียก ลิงกัวทอนซิล(lingual tonsil) และ ต่อมทอนซิลที่ช่องหลังโพรงจมูก เรียก อาเดียนอยทอนซิล (adenoid tonsil)

การที่ ต่อมทอนซิลอักเสบ นั้น หมายถึง ภาวะการอักเสบของต่อมทอนซิล ที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ซึ่งการอักเสบอาจจะสามารถลามไปถึงโคนลิ้น และที่ด้านหลังโพรงจมูกได้ สามารถลามจนเกิดโรคคออักเสบได้

สาเหตุของการเกิดโรคต่อมทอนซิลอักเสบ

โดยมากเกิดจากเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่  และบางส่วนเกิดจาก เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเชื้อโรคจะอาศัยอยู่ที่น้ำลายและเสมหะของผู้ป่วย สามารถติดต่อได้จากการหายใจและการสัมผัสเชื้อโรคในช่องทางต่างๆ และมีเชื้อโรคชนิดหนึ่ง ชื่อ บีตาฮีโมไลติกสเตรปโตค็อกคัส  กลุ่มเอ(group  A beta-hemolytic streptococcus) ซึ่งทำให้เกิดหนองที่ต่อมทอนซิลได้

อาการของผู้ป่วยโรคต่อมทอนซิลอักเสบ

จะมีอาการคล้ายกับคออักเสบทั่วไป โดยผู้ป่วยจะเจ็บคอ และจะเจ็บมากบริเวณด้านข้างของช่องปากทั้งสองข้าง โดยปรกตอแล้วผู้ป่วยจะเจ็บมากกว่า 2 วัน ทำให้การกลืนน้ลาย หรืออาหารทำได้ลำบาก ผู้ป่วยจะมีไข้ หนาวสั่น คัดจมูก มีน้ำมูกไหล ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ในผู้ป่วยบางรายอาจเจ็บหู มีการอาเจียนหลังรับประทานอาหาร มีกลิ่นปาก เป็นต้น

การรักษาผู้ป่วยโรคต่อมทอนซิลอักเสบ

สามารถทำการรักษาได้หลายระดับ ตั้งแต่ การรักษาทั่วไป การให้ยารักษาโรค การรักษาโรคแทรกซ้อน และการผ่าตัด รายละเอียดของการรักษาในระดับต่างๆ มีดังนี้

  • การรักษาในระดับทั่วไป แนะนำให้ผู้ป่วยหยุดทำงาน และหยุดทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ร่างกายได้หยุดพักผ่อน และหยุดการแพร่กระจายเชื้อโรค ให้ดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหารอ่อนๆ ให้รักษาความสะอาดของสุขอนามัยต่างๆ รวมถึงอาหาร ทานยาลดไข้ ให้บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ อมยาอมแก่เจ็บคอ และหากอาการยังไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง ให้เข้ารับยาปฏิชีวนะ จากแพทย์
  • การรักษาในระดับใช้ยารักษา ซึ่งหาการพักผ่อน การทานอาหารเบาๆและสะอาดยังไม่ทำให้อาการดีขึ้น จำเป็นต้องให้ยารักษาเพิ่ม ซึ่งให้ยารักษาตามอาการของโรค เช่น ยาบรรเทาอาการเจ็บคอ ยาลดน้ำมูก ยาลดไข้ ยาแก้อักเสบ เป็นต้น
  • การรักษาในระดับรักษาอาการแทรกซ้อน ซึ่งโรคแทรกซ้อนที่เกิดจากสาเหตุของต่อมทอนซิลอักเสบ เช่น เกิดหนองที่ต่อมทอนซิล โรคหัวใจ โรคไต ภาวะการหายใจอุดตัน จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาให้ทันท่วงที
  • การรักษาในระดับที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด  สังเกตุจากการที่ต่อมทอนซิลเกิดอักเสบ เป็นหนอง และไม่ตอบสนองการรักษา ทำให้ต่อมทอนซิลโต มีโอกาสทำใหเเกิดมะเร็งที่ต่อมทอนซิลหรือ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง จำเป็นต้องผ่าตักเอาเนื้อร้ายออก

การป้องกันการเกิดโรคต่อมทอนซิลอักเสบ

สามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยง การสัมผัสกับเชื้อโรค และการสร้างภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย โดยรายละเอียดดังนี้

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เมื่อเกิดโรคก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันรักษาให้หายได้เอง
  • พักผ่อนให้เพียงพอ หากร่างกายอ่อนเพลีย ก็จะทำให้ร่างกายขาดภูมิต้านทานเชื้อโรคต่างๆได้
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม เจ็บคอ

อาการหนึ่งเมื่อเกิด โรคต่อมทอนซิลอักเสบ คือ อาการมีไข้ ซึ่งเราขอนำเสนอ สมุนไพรไทย สรรพคุณ ช่วยลดไข้ เมื่อเรามีไข้หากไม่ทำการควบคุมไข้ไม่ให้สูงก้จะ ช่วยลดอาการช็อก เนื่องจากความร้อนในร่างกายสูงเกินไป สมุนไพรช่วยลดไข้ มีดังนี้

หญ้าปักกิ่ง สมุนไพร หญ้าเทวดา สรรพคุณหญ้าเทวดาหญ้าปักกิ่ง ตรีผลา สมุนไพร สมุนไพรไทย สรรพคุณของตรีผลาตรีผลา
ตะลิงปลิง ผลไม้ สมุนไพร สรรพคุณของตะลิงปลิงตะลิงปลิง ถั่วเขียว ถั่วงอก ธัญพืช สมุนไพรถั่วเขียว
อะโวคาโด ผลไม้ สมุนไพร สรรพคุณของอะโวคาโดอะโวคาโด ทองพันชั่ง สมุนไพร พืชท้องถิ่น สรรพคุณของทองพันชั่งทองพันชั่ง