โรคหัดเยอรมัน โรคเหือด โรคหัดสามวัน เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน ทำให้เกิดผื่นแดงตามร่างกาย เกิดได้กับทุกคน ไม่ใช่โรคร้ายแรง การรักษาและป้องกันทำอย่างไรโรคหัดเยอรมัน โรคเหือด โรคหัดสามวัน โรคติดต่อ

โรคหัดเยอรมัน เป็นโรคที่มีอาการคล้ายโรคหัด ซึ่งการแสดงอาการของโรคนั้น แสดงให้เห็นที่ผิวหนัง เกิดอาการผื่น มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต สำหรับประเทศไทย เรียกโรคนี้ว่า โรคเหือด หรือ โรคหัดสามวัน

สาเหตุของการเกิดโรคหัดเยอรมัน

โรคหัดเยอรมัน เกิดจากร่างกายติดเชื้อไวรัสรูเบลลา ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำมูก หรือ น้ำลายของคนที่มีเชื้อไวรัสรูเบลลา และ เกิดการแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น โดยผ่านการไอ การจาม และ การสูดอากาศที่มีเชื้อโรคอยู่ หากเกิดการติดเชื้อกับหญิงที่ตั้งครรภ์อยู่สามารถติดเชื้อสู่ทารกผ่านทางกระแสเลือดได้

กลไกการเกิดโรคหัดเยอรมัน คือ เมื่อเกิดการหายใจรับเชื้อโรคไวรัสหัดเยอรมันเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ เชื้อกระจายเข้าสู่กระแสเลือดและเข้าสู่ระบบน้ำเหลือง ต่อมน้ำเหลือง ตับ และ ม้าม สุดท้านเชื้อโรคจะกระจายเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆของร่างกายผิดปรกติ

ระยะของการเกิดโรค

สำหรับระยะของการเกิดโรค มี 2 ระยะ คือ ระยะการฟักตัวของโรค และ ระยะติดต่อ ซึ่งทั้งสองระยะนี้ จะหายภายใน 2-3 สัปดาห์ โดยรายละเอียด ดังนี้

  • ระยะการฟักตัวของโรค ระยะนี้ประมาณ 14 – 23 วัน แต่โดยเฉลี่ยและ ระยะนี้จะใช้เวลาประมาณ 16 – 18 วัน หลังจากนั้นเช้ือโรคจะแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ โดยไม่มีอาการผื่นขึ้นตามร่างกาย
  • ระยะติดต่อ ระยะนี้จะเกิดขึ้น 5 วันก่อนร่างกายเกิดผื่น ช่วง 7 วันก่อนมีผื่น และ 7 วันหลังผื่นหาย คืิอ ระยะที่สามารถแพรกระจายเชื้อโรคสู่ผู้อื่นได้ โรคนี้มักระบาดในโรงเรียน โรงงาน สถานที่ทำงาน และ เกิดมากในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน

อาการของโรคหัดเยอรมัน

สำหรับโรคหัดเยอรมัน นั้นจะแสดงอาการในระยะแรก เหมือนอาการติดเชื้อไวรัสธรรมดา หลังจากได้รับเชื้อโรคแล้ว จะแสดงอาการดังต่อไปนี้

  • มีไข้ ประมาณ 37 องศาเซลเซียส
  • มีอาการบวมที่คอ ท้ายทอย และ หลังหู เกิดจากอาการต่อมน้ำเหลืองโต
  • มีผื่นแดง และ ตุ่มนูน ขึ้นที่ใบหน้า และ ลามไปตามผิวหนังส่วนต่างๆ เช่น แขน ขา และกระจายตามตัว บางรายอาจมีอาการคันตามผิวหนัง
  • มีอาการปวดหัว
  • เบื่ออาหาร
  • มีอาการตาแดง จากสาเหตุเยื่อบุตาอักเสบ
  • คัดจมูกและมีน้ำมูก
  • มีอาการบวม และ ปวดตามข้อกระดูก

อาการของโรคจะมีประมาณ 2 – 3 วัน ยกเว้นอาการต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งมีอาการนี้ใช้เวลานานหลายสัปดาห์จึงหาก โรคนี้เป็นภาวะโรคที่อันตรายสำหรับสตรีมีครรภ์

โรคหัดเยอรมันโดยกำเนิด ( Congenital Rubella Syndrome )

โรคหัดเยอรมันโดยกำเนิด คือ ภาวะการเกิดโรคหัดเยอรมัน ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมันระหว่างการตั้งครรภ์ ทารกที่ติดเชื้อหัดเยอรมัน จะมีอาการพิการของร่างกาย เช่น พัฒนาการช้า สติปัญญาบกพร่อง หูหนวก เกิดต้อกระจก โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ก ารทำงานของตับ ม้ามและไขกระดูกมีปัญหา ขนาดศีรษะเล็กและสมองไม่พัฒนา

วิธีรักษาโรคหัดเยอรมัน

การรักษาโรคหัดเยอรมัน โดยทั่วไปที่ไม่ได้เกิดกับสตรีมีครรภ์ การรักษาโรคแพทย์จะรักษาโดยการประคับประคองอาการของโรคตามอาการของโรค เช่น การให้ยาลดไข้ การให้ยาทาแก้ผดผื่นคัน การให้ยาต้านการอักเสบ เป็นต้น

การรักษาหัดเยอรมันสำหรับสตรีมีครรภ์ สำหรับสตรีตั้งครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก แพทย์จะแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์ ส่วนสตรีที่มีอายุครรภ์เกิน 7 เดือนทารกมักจะปลอดภัย ส่วนสตรีที่มีอายุครรภ์ต่ำกว่า 6 เดือน ทารกมักมีโอกาสพิการ ซึ่งในกรณีนี้แพทย์มักตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ แต่สำหรับในบางรายที่ไม่ยอมยุติการตั้งครรภ์ แพทย์จะฉีดอิมมูนโกลบูลินให้ผู้ป่วย ป้องกันการติดเชื้อสู่ทารกและช่วยลดความรุนแรงของโรคกับทารกได้

วิธีป้องกันการเกิดโรคหัดเยอรมัน

การป้องกันการเกิดโรคหัดเยอรมัน ในปัจจุบันสามารถป้องกันได้โดยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน โดยวัคซีนจะกำหนดให้ฉีดเข็มแรก สำหรับ เด็กอายุ 9 – 12 เดือน และ ฉีดเข็มที่ 2 เมื่ออายุได้ 4 – 6 ปี ซึ่งจะสร้างภูมิต้านทานโรคคางทูมได้ตลอดชีวิต

ข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยโรคหัดเยอรมัน

สำหรับผู้ป่วยโรคหัดเยอร์มัน มีข้อควรปฏิบัตตน ดังต่อไปนี้

  • ผู้ป่วยโรคหัดเยอรมันระยะติดต่อ ควรหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม อาการอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้คนแออัด
  • ไม่ควรเข้าใกล้ผู้ป่วยโรคอื่นๆ เพราะอาจทำให้เกิดการติดต่อสู่ผู้อื่นได้ง่าย และ อาจจะรุนแรงมาก
  • อุปกรณ์ต่างๆ เช่น แก้วน้ำ จาน ชาม ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว โทรศัพท์ ของเล่น เครื่องใช้ต่าง ๆ ต้องแยกอุปกรณ์ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น

โรคหัดเยอรมัน โรคเหือด โรคหัดสามวัน คือ โรคติดต่อ ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมัน ทำให้เกิดผื่นแดงตามร่างกาย สามารถเกิดได้กับทุกคน โรคนี้ไม่ร้ายแรง สาเหตุของโรค อาการของโรค การรักษาโรค และ การป้องกันการเกิดโรค

มะขามป้อม หรือ มะขามอินเดีย ผลไม้วิตามินซีสูง ต้นมะขามป้อมเป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการ สรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงผิวพรรณ ขับปัสสาวะ โทษของมะขามป้อมมีอะไรบ้าง

มะขามป้อม มะขามอินเดีย สมุนไพร ผลไม้วิตามินซีสูง

ต้นมะขามป้อม ( Indian gooseberry ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของมะขามป้อม คือ Phyllanthus emblica L. ชื่อเรียกอื่นๆของมะขามป้อม เช่น กันโตด กำทวด มั่งลู่ สันยาส่า หมากขามป้อม เป็นต้น มะขามป้อม จัดเป็นพืชพื้นบ้านของประเทศไทย พบมากตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และ ป่าดิบเขา ในทุกภาคของประเทศไทย พบมากในภาคเหนือ และ ภาคอีสาน

มะขามป้อม คือ ต้นไม้ประจำจังหวัดสระแก้ว ผลมะขามป้อม มีวิตามินซีสูงมาก เมื่อเทียบกับผลไม้ต่างๆ ผลมะขามป้อม 1  ลูก มีวิตามินซีสูงกว่าวิตามินซีสังเคราะห์ถึง 12 เท่า

ลักษณะของต้นมะขามป้อม

ต้นมะขามป้อม เป็นไม้ยืนต้น ขนาดเล็กและขนาดกลาง สามารถขึ้นได้ดีในประเทศเขตร้อน นิยมรับประทานผลสด เป็นผลไม้ มะขามป้อม สามารถขยายพันธ์ทางการเพาะเมล็ด ลักษณะของต้นมะขามป้อม มีดังนี้

  • ลำต้นมะขามป้อม ลักษณะลำต้นตั้งตรง ความสูงประมาณ 10 เมตร ลำต้นมะขามป้อมแตกกิ่งก้านสาขา เป็นทรงพุ่ม ลำต้นมีเปลือกสีน้ำตาล ผิวลำต้นเรียบ เปลือกลำต้นมะขามป้อมสามารถลอกเป็นแผ่นได้ เนื้อไม้มะขามป้อมค่อนข้างเหนียว สีของเนื้อไม้มะขามป้อมมีสีแดงอมน้ำตาล
  • ใบมะขามป้อม ลักษณะเป็นใบประกอบ คล้ายใบมะขาม ใบมะขนาดเล็ก จำนวนมาก ใบสดมีสีเขียว ใบแก่มีสีแดงอ่อน ใบมีลักษณะเรียวรี ใบเรียบ ปลายใบมน
  • ดอกมะขามป้อม ออกดอกเป็นกระจุก ออกเป็นดอกเดี่ยว ดอกมะขามป้อมมีขนาดเล็ก สีขาวอมเหลือง ออกดอกตามปลายกิ่ง
  • ผลมะขามป้อม ลักษณะทรงกลม แบน ผลอ่อนมีสีเขียว ผลสุกจะมีสีเขียวอมเหลือง เปลือกผลเรียบ มัน เนื้อผลอ่อน ชุ่มน้ำ ภายในผลมีเมล็ด ลักษณะแข็ง รสของผลมะขามป้อมเปรี้ยว และ ฝาดเล็กน้อย

คุณค่าทางโภชนาการของมะขามป้อม

สำหรับมะขามป้อมจะนำผลมะขามป้อมมาบริโภค ทั้งลักษณะของผลมะขามป้อมสด และ ผลมะขามป้อมแช่อิ่ม โดยคุณค่าทางโภชนาการของมะขามป้อม มีรายละเอียด ดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของผลมะขามป้อมสด ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 58 กิโลแคลอรี มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย น้ 84.10 กรัม ไขมัน 0.50 กรัม คาร์โบไฮเดรต 14.30 กรัม กากใยอาหาร 2.40 กรัม โปรตีน 0.70 กรัม ธาตุแคลเซียม 29 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 21 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.5 มิลลิกรัม และ วิตามินต่างๆ เช่น วิตามินเอ 100 หน่วยสากล วิตามินบี 10.03 มิลลิกรัม วิตามินบี 20.04 มิลลิกรัม ไนอะซิน 0.2 มิลลิกรัม และ วิตามินซี 276 มิลลิกรัม

คุณค่าทางโภชนาการของมะขามป้อมแช่อิ่ม ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 222 กิโลแคลอรี มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย น้ำ 37.60 กรัม ไขมัน 0.60 กรัม คาร์โบไฮเดรต 59.80 กรัม กากใยอาหาร 1 กรัม โปรตีน 0.50 กรัม ธาตุแคลเซียม 39 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 18 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 1.2 มิลลิกรัม วิตามินต่างๆ เช่น วิตามินบี 0.02 มิลลิกรัม ไนอะซิน 0.1 มิลลิกรัม และ วิตามินซี 3 มิลลิกรัม

สารต่างๆในมะขามป้อม มีมากมายในทุกส่วนของมะขามป้อม ทั้ัง เนื้อผล เมล็ด ผลสด ผลแห้ง เปลือกผล เปลือกลำต้น ใบมะขามป้อม กิ่งมะขามป้อม และ รากมะขามป้อม โดนรายละเอียด ดังนี้

  • รากมะขามป้อม มี กรดเอลลาจิก และ สารลูพิออล
  • เปลือกลำต้น มี สารแทนนิน สารลูพิออล และ สารลูโค เดลฟินิดิน
  • ใบมะขามป้อม มี สารแทนนิน กรดมาลิก และ สารลูพิออล
  • กิ่งมะขามป้อม มี สารแทนนิน
  • เมล็ดมะขามป้อม มีน้ำมันหอมระเหย ฟอสฟาไทด์
  • เนื้อมะขามป้อม มี น้ำ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามินซี วิตามินบี3 สารแทนนิน กรดเพ็กทิน และ เกลือแร่ต่าง ๆ

สรรพคุณมะขามป้อม

การใช้ประโยชน์ของของมะขามป้อม ด้านการรักษาโรคและการบำรุงร่างกาย สามารถใช้ประโยชน์จาก ใบมะขามป้อม ผลมะขามป้อม เมล็ดมะขามป้อม และ เปลือกมะขามป้อม รายละเอียด ดังนี้

  • ใบมะขามป้อม สรรพคุณบำรุงผิว ป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยขับสารพิษในร่างกาย เสริมสร้างภูมิต้านทานร่างกาย ช่วยคลายกล้ามเนื้อ แก้กระหายน้ำ ลดเสมหะ ลดน้ำตาลในเลือด บำรุงเหงือกและฟัน ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน รักษาแผลในปาก ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขยายหลอดลม รักษาหอบหืด รักษาแผลไฟไหม้ รักษาโรคตาแดง
  • ผลมะขามป้อม สรรพคุณบำรุงผิว ป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยขับสารพิษในร่างกาย เสริมสร้างภูมิต้านทานร่างกาย ช่วยคลายกล้ามเนื้อ แก้กระหายน้ำ ลดเสมหะ ลดน้ำตาลในเลือด บำรุงเหงือกและฟัน ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน รักษาแผลในปาก ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขยายหลอดลม รักษาหอบหืด รักษาแผลไฟไหม้ รักษาโรคตาแดง
  • เมล็ดของมะขามป้อม มีน้ำมันหอมระเหย สรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ ช่วยขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
  • เปลือกลำต้น และ แก่นไม้ของต้นมะขามป้อม สรรพคุณแก้อาหารเป็นพิษ ช่วยขับปัสสาวะ และ รักษาดรคผิวหนัง

โทษของมะขามป้อม

สำหรับการรับประทานมะขามป้อม หรือ การใช้ประโยชน์จากมะขามป้อม ด้านการบำรุงร่างกาย และ การรักษาดรค มีข้อควรระวัง ดังต่อไปนี้

  • มะขามป้อมมีฤทธิ์เย็น เมื่อกินเข้าไปจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง การกินมะขามป้อมต้องกินในปริมาณที่เหมาะสม
  • มะขามป้อม อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ สำหรับผู้ป่วยที่มีแผนในการผ่าตัดควรงดกินมะขามป้อม อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • มะขามป้อมมีรสเปรี้ยว สำหรับคนที่ป่วยโรคระบบทางเดินอาหาร หรือ ผ่าตัดในช่องท้อง ควรงดการกินมะขามป้อม ควรกินอาหารเบาๆรสจืดๆ

มะขามป้อม หรือ มะขามอินเดีย ผลไม้ ที่มีวิตามินซีสูง ลักษณะของต้นมะขามป้อม เป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการของมะขามป้อม สรรพคุณของมะขามป้อม เช่น บำรุงร่างกาย บำรุงผิวพรรณ ขับปัสสาวะ เป็นต้น โทษของมะขามป้อม มีอะไรบ้าง