สิว รูขุมขนบนใบหน้าอักเสบ ประเภทของสิว มี 3 แบบ สิวอุดตันหัวเปิด สิวอุดตันสิวหัวปิด สิวอักเสบ ล้างหน้าไม่สะอาดเชื้อโรคสะสม แนวทางการรักษาสิวต้องทำอย่างไรสิว รูขุมขนอักเสบ โรคผิวหนัง โรคไม่ติดต่อ

สิว ภาษาอังกฤษ เรียก acnes จัดว่าเป็นโรคผิวหนังอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่พบมากที่สุดในวัยรุ่น และวัยทำงาน สิว นั้นเป็นส่วนหนึ่งของรูขน ผิวหนังปกติของคนเราจะมีขนอยู่ทั่วร่างกาย และมีต่อมไขมันที่รูขุมขน เมื่อต่อมไขมันใต้ผิวหนังเกิดอักเสบ จะทำให้เกิดสิว เป็นลักษณะของตุ่มหนอง มีหลายลักษณะ สิวจัดว่าเป็นปญหาของต่อการดำรงชีวิต ทำให้ใบหน้ามีแผล หากมีมากๆทำให้เสียบุคลิกและความมั่นใจในตนเอง ปัจจุบันมีคลินิกรักษาสิวจำนวนมาก เรามาทำความรู้จักกับสิว ว่า กลไกลการเกิดสิวเป็นอย่างไร ประเภทของสิว อาการของสิว วิธีรักษา และ ข้อแนะนำในการป้องกันสิวทำอย่างไร

กลไกการเกิดสิว

ที่รูขุมขนของผิวหนังนั้นจะมีการสะสมของแบคทีเรียจำนวนมาก หากล้างทำความสะอาดไม่ดี เกิดการสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะรูขุมขนที่ใบหน้า ในขณะเดียวกันที่รูขุมขนจะมีต่อมไขมันใต้ผิวหนังอยู่ใกล้ หากต่อมไขมันหลั่งไขมันออกมามาก และเกิดการระบายไขมันไม่ดี ทำให้เกิดการอักเสบ จนเกิดสิวขึ้นมา ลักษณะอาการ คือ เกิดการบวม อักเสบ ในรูขุมขน บวมแดง การแบ่งประเภทของสิวนั้น เราสามารถแบ่งได้หลายลักษณะ คือ แบ่งตามอาการ และ แบ่งตามลักษณะของสิว โดยรายละเอียดดังนี้

ประเภทของสิวแบ่งตามอาการของสิว

สำหรับสิวที่แบ่งตามอาการ นั้น สามารถแยกได้ 2 ประเภท คือ สิวที่อักเสบและสิวที่ไม่อักเสบ โดยรายละเอียด ดังนี้

  1. สิวไม่อักเสบ เรียก non-inflammatory acne ลักษณะของสิว จะเป้น สิวอุดตัน สิวไม่มีหัว สิวคอมีโดน สิวผด สิวเสี้ยน
  2. สิวอักเสบ เรียก inflammatory acne สิวประเภทนี้มีลักษณะเฉพาะ คือ กดเจ็บ บวม แดง เป็นต้น

ประเภทของสิวแบ่งตามลักษณะของสิว

ลักษณะของสิวที่แตกต่างกันออกไป สามารถแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ สิวอุดตันหัวเปิด สิวอุดตันสิวหัวปิด และ สิวอักเสบ

  1. สิวอุดตันหัวเปิด หรือเรียกว่า สิวหัวดำ มองเห็นเป็นจุดสีดำ จุดสีดำเกิดจากน้ำมันที่อัดแน่นอยู่กับเซลล์ผิวเก่า ทำปฏิกิริยา oxidation กับออกซิเจนในอากาศ การรักษาสิวประเภทนี้ ต้องกดออก
  2. สิวอุดตันหัวปิด หรือเรียกว่า สิวหัวขาว สิวเกิดดันผิวหนังจนนูนขึ้น แต่บีบไม่ออก เนื่องจากรากสิวลึก ซึ่งมีโอกาสลุกลามเป็นสิวอักเสบได้
  3. สิวอักเสบ คือ สิวที่เกิดจากการพัฒนาของสิวอุดตัน อาการอักเสบเกิดจากการการติดเชื้อ ผนังรูขุมขนแตกรั่วจากการบีบสิว หรือ ผนังรูขุมขนแตกรั่วจากคอมีโดนที่มีขนาดใหญ่เกินกว่ารูขุมขนจะทนแรงดันได้ ลักษณะเฉพาะของสิวอักเสบ คือ จะบวม แดง และเมื่อกดแล้วจะรู้สึกเจ็บ

ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว

สำหรับปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวนั้นสามารถสรุปสาเหตุได้หลายปัจจัย มีรายละเอียด ดังนี้

  • การติดเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ Propionibacterium acnes
  • อายุ ซึ่งวัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน ใบหน้า มีความมัน มากกว่าปกติ
  • พฤติกรรมการรักษาความสะอาดที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า
  • พฤติกรรมการกิน สำหรับคนที่ชอบกินอาหารที่มีไขมันสูง
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายเสียสมดุล
  • ความเครียด ซึ่งความเครียดทำให้น้ำมัในร่างกายหลั่งออกมามากว่าปกติ
  • ลักษณะทางพันธุกรรม ที่ส่งผลต่อการเกิดสิวได้ง่ายฅ

อาการสิว

ลักษณะของสิว นั้นจะเกิดความผิดปรกติที่รูขุมขน จะพบว่ามีลักษณะ  บวม แดง อักเสบ กดแล้วปวด ขึ้นมาก บริเวณคาง หน้าผาก
วิตกกังวล ซึมเศร้า ไม่กล้าเข้าสังคม เก็บตัว ไม่มีความมั่นใจในตนเอง สำหรับสิวที่มีอาการอักเสบร่วม พบว่าจะเป็นแผลเป็น มีรอยบุ๋ม เป็นแผลเป็น ผิวหน้าไม่เรียบ

การรักษาสิว

สำหระบการรักษาสิวนั้น ไม่มีทางทำให้สิวหายขาดได้ และ การรักษานั้นก็ไม่มีทางลัด ต้องใช้ความใจเย็นในการรักษา สรุป การรักษาสิวได้ดังนี้

  • ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการรักษาความสะอาด สาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว คือ ใบหน้าสกปรก ทำให้เกิดการอักเสบที่รูขุมขน
  • หมั่นสังเกตความผิดปรกติของผิวหนัง หากพบว่าผิวหนังมีความผิดปรกติ มักจะเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
  • รักษาก่อนบำรุง ในระหว่างการรักษาสิว อย่าเพิ่งคิดบำรุงผิว ต้องรักษาให้หายก่อน เมื่อหายแล้วจึงจะสามารถบำรุงรักษา
  • ลดความมันของใบหน้า ควรล้างหน้าเพื่อเอาความมันลดลง แต่หากหน้ามันมากเกินไป จนไม่สามารถลดได้ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข
  • ล้างหน้าอย่างถูกวิธี เวลาล้างหน้าต้องล้างให้สะอาดไม่ให้เหลือสิ่งสกปรกบนใบหน้า และถ้ามีเหงื่อออกมาก ควร ล้างหน้าด้วย น้ำเปล่าแล้วซับหน้าให้แห้ง
  • ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำช่วยทำให้เซลล์ของผิวหนังและร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยกำจัดสารตกค้างออกจากร่างกายได้ดี
  • ลดความเครียด ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งไขมันออกมามากกว่าปรกติทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย การลดความเครียดทำให้ร่างกายไม่หลั่งไขมันออกมามากลดการเกิดสิวได้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอ ส่งผลกับผิวหน้าและผิวพรรณซ่อมแซมตัวเอง
  • หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดกระทบ
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิวหนังของเรา
  • หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษซับมัน แล้วหันมาใช้กระดาษทิชชู สำหรับซับน้ำมันส่วนเกินแทน เพราะ กระดาษซับมันนั้น จะทำให้น้ำมันถูกซับออกไปจนหมด ส่งผลทำให้ต่อมไขมัน ผลิตน้ำมันออกมาอีกในปริมารที่มากขึ้น
  • ยาคุมกำเนิด สามารถควบคุมสิว ที่มีสาเหตุจากฮอร์โมนแอนโดรเจน ยาคุมกำเนิดนั้นมีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrigen) ที่จะเข้าไปกดการทำงานของฮอร์โมนแอนโดรเจน

การป้องกันการเกิดสิว

การป้องกันการเกิดสิวนั้น ต้องป้องกันควบคุมปัจจัยที่เกิดจากปัญหาด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ผิด โดยรายละเอียด ดังนี้

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ โดยนอนไม่เกิน 5 ทุ่ม และให้นอนวันละ 8 ชั่วโมง
  2. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว
  3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
  4. ควบคุมเรื่องการกินอาหาร โดยเฉพาะอาหารมัน ขนม แป้งและของหวาน
  5. ลดความเครียด ผ่อนคลาย ลดความกังวล

สิว โรคผิวหนัง ภาวะรูขุมขนอักเสบ ลักษณะของสิว มี 3 แบบ คือ สิวอุดตันหัวเปิด สิวอุดตันสิวหัวปิด สิวอักเสบ สาเหตุของการเกิดสิว มีอะไรบ้าง ประเภทของสิว และแนวทางการรักษาสิว ต้องทำอย่างไร

ท้องผูก ถ่ายอุจจาระลำบาก อุจจาระแข็ง เกิดจากลำไส้ใหญ่ดูดสารอาหาร ทำให้อุจจาระแห้งขึ้นเป็นก้อน ค้างอยู่ในลำไส้ ภาวะขาดน้ำเป็นสาเหตที่ทำให้ลำไส้ใหญ่ดูดน้ำมากขึ้นโรคท้องผูก ถ่ายอุจจาระไม่ออก โรคระบบขับถ่าย โรคไม่ติดต่อ

อาการท้องผูก นั้นอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายประการ เช่น นิสัยในการถ่ายอุจจาระ การออกกำลังกายน้อย การรับประทานอาหารบาง การขาดฮอร์โมนบางอย่าง เป็นต้น

โรคท้องผูก ( Constipation ) จัดว่าเป็นอาการผิดปรกติ ไม่ถึงขั้นเป็นโรค โดยทางการแพทย์ นั้นนิยามอาการท้องผูก นั้นเป็นการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้ง ในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งลักษณะของอุจจาระ จะมีลักษณะแห้งและแข็ง อาการท้องผูกนี้ พบว่าร้อยละ 12 ของประชากรโลก เคยมีประสบการณ์ท้องผูก ซึ่งสามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย แต่เกิดกับสตรีมากกว่าบุรุษ สาเหตุที่พบมากที่สุด คือ การเคลือนตัวของลำไส้ช้ากว่าปรกติ และ ความเครียด

สาเหตุของการเกิดท้องผูก

การเกิดอาการท้องผูก นั้นเป็นอาการที่เกิดจากสาเหตุของลำไส้เคลื่อนที่ช้าและบีบตัวได้น้อยสำหรับการย่อยอาหาร ซึ่งทำให้การกำจัดของเสียทางทาวารหนังไม่ปรกติ เกิดอุจจาระตกค้างในลำไส้ใหญ่ การที่อุจจาระขับถ่ายออกยากนั้น จะมีลักษณะแข็ง แห้ง และมีขนาดใหญ่ โดยเราสามารถแยกสาเหตุที่ทำให้ลำไส้เคลื่อนที่และบีบตัวช้า นั้น มีสาเหตุดังนี้

  • เกิดจากผลของการใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาลดกรด ยาระงับอาการทางจิต ยารักษาอาการชัก อาหารเสริมกลุ่มแคลเซียมและธาตุเหล็ก ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น
  • ความผิดปรกติของฮอร์โมนร่างกาย จากการขาดความสมดุลของระบบฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการรักษาของเหลวในร่างกาย ซี่งเกิดจากโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคเบาหวาน การตั้งครรภ์ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ เป็นต้น
  • ความผิดปรกติของร่างกายเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ การบีบตัวของกล้ามเนื้อลำไส้และทวารหนัก มีผลต่อการเกิดท้องผูก หากกล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้ดี การเคลือนที่ของลำไส้อละทวารหนัก ก็ทำได้น้อย ลักษณะสาเหตุของอาการ เช่น เส้นประสาทถูกทำลายจากโรคเบาหวาน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคพาร์กินสัน เส้นประสาทไขสันหลังบาดเจ็บ โรคหลอดเลือดในสมอง เป็นต้น
  • ความผิดปรกติของลำไส้ โดยเกิดการอุดตันภายในลำไส้ บริเวณทวารหนัก เช่น แผลปริขอบทวารหนัก ลำไส้อุดตัน มะเร็งลำไส้ใหญ่ ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าสาเหตุของอาการท้องผู้นั้น เกิดจากความผิดปรกติของ ร่างกายที่เกี่ยวกับลำไส้ ฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำในร่างกาย กล้ามเนื้อ ซึ่งนอกจากนี้แล้ว การปฏิบัติตนในชีวิตประจำวัน เป็นปัจจัยเอื่ออำนวยให้เกิดการท้องผูกได้มากขึ้น ปัจจัยที่ทำให้มีคามเสี่ยงท้องผูก มีรายละเอียด ดังนี้

  • การอั้นอุจจาระ
  • การรับประทานอาหารที่มีกากใยอาหารน้อย
  • การขาดการออกกำลังกาย
  • ภาวะน้ำหนักตัวมากผิดปรกติหรือโรคอ้วน
  • การดื่มน้ำน้อยและภาวะการขาดน้ำ
  • ความเครียด
  • การเสื่อมของร่างกายตามวัย

การรักษาอาการท้องผูก

สำหรับการรักษาอาการท้องผูกนั้น แนวทางการรักษาที่สำคัญ คือ การทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มเคลื่อนที่ง่าย ต้องกินอาหารมีกากใยอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 ถึง 10 แก้ว รวมถึงออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การแก้ปัญหาอาการท้องผูก สามารถทำได้ตามคำแนะนำข้างต้น แต่หากไม่ดีขึ้น นั้น สามารถใช้ยาระบาย ช่วยให้ถ่ายอุจจาระง่ายขึ้น แต่การใช้ยาระบายต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม หากใช้มากเกินไป จะทำให้ร่างกายขาดน้ำและช็อกได้

อาหารช่วยแก้ท้องผูก

สำหรับอาหารแนะนำในการแก้ท้องผูก จะเป็นอาหารที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ทานเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยแก้ปัญหาอาการท้องผูกได้โดยไม่ต้องรักษาด้วยยา อาหารแนะนำมีดังนี้

  • มะขามเปียก ให้นำมะขามเปียกมาขยำเอาน้ำและต้มสุกใส่เกลือนิดหน่อยดื่ม หรือ กินมะขามสุกสดๆจิ้มเกลือและดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ
  • มะขามแขก ให้นำใบแห้ง 1 ถึง 2 หยิบมือ หักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มกับน้ำ ดื่มก่อนนอน
  • ลูกพรุนแห้ง ให้รับประทานทั้งผล ตอนกลางคืนก่อนเข้านอน
  • แอปเปิลเขียว ให้รับประทานทั้งผล ช่วยเพิ่มกากใยอาหาร
  • สับปะรด และมะละกอ มีน้ำย่อยช่วยกัดกากคราบโปรตีนเก่า ๆ ที่ถูกย่อยไม่หมด ทำให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น
  • เม็ดแมงลัก นำเม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา แช่ในน้ำเปล่า ดื่มก่อนนอน จะช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
  • ขี้เหล็ก เป็นสมุนไพรกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ ช่วยการขับถ่าย นำใบอ่อน  4 ถึง 5 กำมือ มาต้มกับน้ำ ดื่มก่อนนอน
  • กล้วยน้ำว้าสุก เป็นผลไม้ช่วยเพิ่มกากอาหาร ทำให้ขับถ่ายได้สะดวกขึ้น ควรทานทุกวัน ๆ ละ 2 ผล
  • มะเฟือง ผลไม้รสเปรี้ยว มีฤทธิ์เป็นยาระบาย และช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร

การป้องกันอาการท้องผูก

สำหรับการป้องกันการเกิดอาการท้องผู้นั้น สามารถปฏิบัติได้ ดังนี้

  • กินอาหารมีกากใยอาหารสูง
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ผ่อนคลาย ลดความเครียด
  • มีอาการท้องผูกนานเกิน 7 วัน ให้รีบปรึกษาแพทย์
  • หากมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และ อุจจาระมีเลือดปน ให้รีบพบแพทย์

ภาวะท้องผูก หมายถึง อาการถ่ายอุจจาระลำบาก มีอุจจาระแข็ง สำไส้ใหญ่จะดูดน้ำและสารบางอย่างเพื่อนำสารอาหารที่มีประโยชน์ไปใช้ประโยชน์ ซึ่งการที่ลำไส้ใหญ่ดูดสารอาหารทำให้อุจจาระแห้งขึ้นเป็นก้อน ค้างอยู่ในลำไส้ แต่ภาวะขาดน้ำ ก็เป็นสาเหตที่ทำให้ลำไส้ใหญ่ดูดน้ำมากขึ้น


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove