เริม ( Herpes simplex ) การติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ( Herpes Simplex Virus ) อาการตุ่มใสๆที่ปากและอวัยวะเพศ จากการจูบหรือเลียเชื้อโรค สามารถหายเองได้เริม โรคเริม โรคติดต่อ แผลที่ปาก

โรคเริม เป็นลักษณะของโรคเรื้อรัง สามารถติดต่อกันโดยทางเพศสัมพันธ์ ได้ กลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ จะเป็น กลุ่มเด็กทารกและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องต่างๆ เช่น คนติดเชื้อเอดส์(เอชไอวี) ผู้ป่วยมะเร็ง กลุ่มคนที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะต่างๆ ความรุนแรงของโรคนี้อยู่ที่ การติดเชื้อในกระแสเลือดอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้น ว่าสาเหตุของการเกิดโรค อาการของโรค การรักษาและการป้องกันทำอย่างไร

โรคเริม นั้นเป็นการติดเชื้อไวรัส ที่เกิดจากการสัมผัสเชื้อโรคจากแผลหรือสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อโรค ไม่ว่าจะจาก น้ำจากตุ่มใส จากน้ำลาย เป็นต้น การมีเพศสัมพันธ์ที่ขาดการป้องกัน เช่น การใช้ของใช้ร่วมกัน การจูบ การเลีย การกินอาหารร่วมกัน การสัมผัสทางตา หากเกิดการติดเชื้อที่อวัยวะเพศก็สามารถติดต่อจากแม่สู่ลูกได้

สาเหตุของการเกิดโรคเริม

สาเหตุของการเกิดเริม นั้นเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริม เป็นไวรัสชื่อ เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ ภาษาอังกฤษ เรียก Herpes simplex virus ตัวย่อคือ HSV ลักษณะของอาการคล้ายกับการเกิดโรคงูสวัดและอีสุกอีใส แต่เกิดจากเชื้อไวรัสคนละตัวกัน โดยเชื้อไวรัสเริม มีอยู่ 2 ชนิด คือ ไวรัสเอชเอสวี-1 ( Herpes simplex virus 1 หรือ HSV-1 ) และ ไวรัสเอชเอสวี-2 ( Herpes simplex virus 1 หรือ HSV-2 ) เชื้อไวรัสเริม ทั้ง 2 ชนิด สามารถติดเชื้อได้จากช่องทางต่างๆ ที่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ เช่น ผิวหนัง ช่องปาก อวัยวะเพศ และเนื้อเยื่อต่างๆ

อาการของโรคเริม

สำหรับ อาการของโรคเริม นั้นจะเกิดตุ่มเล็กๆ ลักษณะพอง มีน้ำใสๆ กดลงไปจะเจ็บ ซึ่งตุ่มน้ำจะเกิดขึ้นภายใน 1 ถึง 2 วัน ในตุ่มมีน้ำใสๆ จะเกิดเป็นกลุ่มๆ ตามจุดที่เกิดการติดเชื้อ อาการนี้จะเกิดภายในระยะเวลา 14 วัน และสามารถหายเองได้ ลักษณะของตุ่มใส จะเกิดที่ผิวหนัง ริมฝีปาก และ อวัยวะเพศ ก่อนที่จะเกิดแผลตุ่มนั้น ผู้ป่วยจะมีอาการ อ่อนเพลีย อาการคล้ายป่วนเป็นไข้หวัด มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว กินอาหารได้น้อย ลักษณะของอาการของแผลในอวัยวะต่างๆ มีดังนี้

  • เริมที่ผิวหนัง สำหรับการเกิดเริมที่ผิวหนัง มักจะเกิดจากการติดเชื้อซ้ำ เรียกว่า Reactivation อาการที่พบคือ มีอาการปวดแสบ ปวดร้อน หากเกิดบริเวณขา สะโพก หรือ ก้น อาการปวดนี้จะเกิดขึ่นก่อน ประมาณ 1 ถึง 5 วัน จะมีผื่นแดงๆขึ้นก่อน ขากนั้นจะเกิดตุ่มน้ำใส รอบผื่นแดง จากนั้นน้ำในตุ่มจะเป็นสีเหลืองขุ่น และแตกกลายเป็นสะเก็ด สามารถหายเอง ภายใน 14 วัน ชาวบ้านจะเรียกโรคนี้ว่า “ ขยุ้มตีนหมา ”
  • เริมในช่องปาก เรียกว่า Herpetic gingivostomatitis อาการของเริมที่ปาก นั้นเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดที่ 1 พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ หากมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ก็สามารถติดเชื้อได้ง่าย มีระยะฟักตัวของโรคใช้เวลาภายใน 20 วัน
  • เริมที่อวัยวะเพศ เรียก Herpes genitalis การเกิดเริมที่อวัยวะเพศนั้น พบเป็นสาเหตุของการเกิดเริม มากที่สุด จักว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อโรคเริม และ มีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันที่ดี

ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเริมซ้ำ

โรคเริม นั้นสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ หากผู้ที่มีประวัติการติดเชื้อโรคเริมไม่ระมัดระวังตัวในการใช้ชีวิต โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคซ้ำประกอบด้วย

  • การถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่น การสัมผัส การถูไถ การโดนลม โดนแสงแดด ความเย็น เสื้อผ้าไม่สะอาด เหงื่อ เป็นต้น
  • ภาวะความเครียด หากมีภาวะเครียดทำให้ร่างกายผิดปรกติ
  • การกินอาหาร ได้แก่ ถั่ว กาแฟ แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต เป็นอาหารที่กระตุ้นการติดเชื้อ
  • การดูแลสุขอนามัยของร่างกายขณะที่มีประจำเดือน
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนไม่หลับ สิ่งเหล่านี้ทำให้ร่างกายแปรปรวน ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำลง

การรักษาโรคเริม

โรคนี้ไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด เมื่อเริ่มมีการติดเชื้อแล้วเชื้อนี้ก็จะอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต โดยเชื้อไวรัสไปสะสมอยู่ที่ปมประสาท และเมื่อถูกกระตุ้นจากปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ก็จะออกมาแสดงอาการที่ผิวหนัง แต่อาการเริมส่วนใหญ่สามารถหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์  โดยอาบน้ำอุ่น พยายามดูแลให้บริเวณอวัยวะเพศแห้ง ไม่อับชื้น เพราะความชื้นจะทำให้แผลหายช้า สวมเสื้อผ้านุ่ม และหลวมๆ ประคบเย็นบริเวณแผล และ รับประทานยาแก้ปวด

ภาวะแทรกซ้อนของโรคเริม

อาการแทรกซ้อนของโรคเริม นั้นมีหลายอาการจะเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่ โรคเริมจะหายเองภายใน 14 วัน มีเพียงส่วนน้อยที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น โดยอาหารแทรกซ้อนของโรคเริม ประกอบด้วย

  • การอักเสบของแผล เช่น เกิดหนอง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • เกิดสายตาพิการ เชื้อโรคเริมหากขึ้นจอตา อาจทำให้กระจกตาอักเสบ ทำให้สายตาพิการ
  • การเกิดภาวะขาดน้ำ หากเกิดเชื้อโรคเริมที่ปาก ทำให้การกินอาหารและน้ำทำได้ลำบาก ส่งผลต่อภาวะขาดน้ำได้
  • การเกิดมะเร็งปากมดลูก สำหรับสตรีที่เป็นเริมที่อวัยวะเพศ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกมากกว่าปรกติ
  • ทำให้เส้นประสาทอักเสบ ทำให้อัมพาตที่ใบหน้าได้ การติดเชื้อที่ผิวหนังทำให้อาจกระทบต่อเส้นประสาทที่ผิวหนังโดยเฉพาะใบบหน้า

การป้องกันการเกิดโรคเริม

สำหรับการติดเชื้อเริม นั้นหากไม่มีการป้องกันที่ถูกต้อง การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง จะทำให้สามารถติดเชื้อซ้ำได้ การป้องกันการติดเชื้อเริมค่อนข้างยาก เพราะผู้ติดเชื้อเริมนั้นไม่แสดงอาการให้เห็นชัดเจนมาก ดังนั้นเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่ครองของตน
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เช่น ไม่สวมถุงยางอนามัย สัมผัสแผลที่มีเชื้อโรค
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
  • หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ที่มีเชื้อโรค เช่น จานชาม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า มีดโกน เป็นต้น
  • ควรรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน ให้ครบถ้่วน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงภาวะความเครียด
  • การรับประทานยาต้านไวรัส หากต้องใช้ชีวิตที่มีความเสียงในการติดเชื้อ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคเริม

โรคเริม ( Herpes simplex ) ติดเชื้อจากเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ( Herpes Simplex Virus ) ทำให้เกิดตุ่มใสๆที่ผิวหนัง ปาก และ อวัยวะเพศ ติตจากการจูบ การเลียเชื้อโรค สามารถหายเองได้ และ มีโอกาสเกิดซ้ำ รักษาอย่างไร

ตกขาว สารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศสตรี ตกขาวผิดปรกติเป็นอย่างไร ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีแดง ตกขาวสีเขียว สาเหตุเกิดจากอะไร แนวทางการรักษาตกขาวผิดปรกติต้องทำอย่างไรตกขาว ตกขาวผิดปรกติ โรคสตรี โรคระบบสืบพันธ์

ตกขาว หรือเรียกอีกอย่างว่า ระดูขาว ภาษาอังกฤษ เรียก Leukorrhea คือ ภาวะการเกิดสารคัดหลั่งที่อวัยวะเพศของสตรี ซึ่งเป็นภาวะปกติของผู้หญิงทุกคน เมื่อสตรีมีการเจริญเติบโตมากขึ้นถึงวัยเจริญพันธุ์ เริ่มมีประจำเดือน การตกขาวจะมีมากขึ้นและมีปริมาณที่พอเหมาะไปจนถึงวัยสูงอายุ แต่อาการตกขาวผิดปรกติ เป็นสิ่งที่น่าตกใจ หากไม่รักษาอาจเกิดมะเร็งปากมดลูกได้

อาการตกขาว ที่ไม่มีอาการผิดปรกตินั้น จะมีลักษณะ คือ เป็นสารคัดหลั่งลักษณะเหลวและใส ไม่มีสี เป็นสีขาวข้น คล้ายกับกาวแป้งเปียก ซึ่งปริมาณของสารคัดหลั่งจะมีปริมาณไม่มากแต่พอที่จะรักษาความชุ่มชื้นในช่องคลอด สารคั้ดหลั่งนี้จะมีกลิ่นจำเพาะ มีภาวะเป็นกรดอ่อนๆ การตกขาวมากกว่าปรกกะตินั้น สามารถสังเกตุได้ ดังนี้

  • ตกขาวจะมีลักษณะข้นเป็นสีขาวในช่วงหลังและก่อนการมีประจำเดือน
  • ตกขาวจะมีลักษณะเหลวและใส ในช่วงระหว่างรอบเดือน
  • ลักษณะของตกขาวจะเหนียวและหนืดในขณะตั้งครรภ์
  • ในขณะที่มีการถูกการกระตุ้นทางเพศจะทำให้ร่างกายหลังสารคัดหลั่งมากขึ้น และหลังจากการมีเพศสัมพันธ์สารคัดหลั่งตกขาวจะมากขึ้น
  • การตกขาวจะมากขึ้นเมื่อร่างกายอยูในภาวะวิตกกังวล

จากลักษณะของตกขาว ดังที่กล่าวมานี้ เป็นลักษณะของการตกขาวที่เป็นปรกติ ซึ่งการสังเกตุอาการของการตกขาวที่ผิดปรกตินั้น สามารถสังเกตุได้อย่างไร ต้องดูที่สาเหตุของการเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ

ลักษณะของตกขาว

สารคักหลังที่ออกมาจากอัวยวะเพศของสตรีนั้น มีลักษณะแตกต่างกันออกไป เรามาทำความรู้จักกับ สีของสารคักหลัง ว่า สีของสารคักหลั่งที่ออกมานั้น เกิดขึ้นจากอะไรบ้าง

  • ตกขาวลักษณะเป็นเมือกใส การตกขาวจะมีปริมาณมาก ลักษณะเหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ถือว่าเป็นอาการตกขาวปกติ สามารถหายได้เอง หากมีอาการคันและเป็นฟอง อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ช่องคลอดหรือช่องคลอดอักเสบ
  • ตกขาวลักษณะสีเทา เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ลักษณะ สีขาวปนเทาอ่อน มีกลิ่นเหม็น คล้ายกลิ่นคาวปลา เป็นลักษณะของการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
  • ตกขาวลักษณะเป็นก้อนสีขาว เกิดจากการติดเชื้อรา ลักษณะเป็นก้อนคล้ายนมบูด สีขาวข้นหรือสีเหลือง จะมีกลิ่นเหม็นอับ  และมีอาการแสบคันที่ช่องคลอดร่วม
  • ตกขาวลักษณะมีสีเหลือง การที่สารคัดหลั่งมีสีเหลืองเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อรา การติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด
  • ตกขาวมีลักษณะสีเขียว เกิดจากการติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด เป็นการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ อาการคัน แสบและเจ็บที่ช่องคลอด สามารถพบได้จากสาเหตุนี้ สารคักหลั่งมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เป็นฟอง
  • ตกขาวมีลักษณะสีน้ําตาล เป็นอาการมีเลือดปนในสารคัดหลั่ง อาจเกิดจากการติดเชื้อที่ปากมดลูกหรือช่องคลอด ทำให้มีตกขาวปริมาณมาก มีกลิ่นเหม็น อาจมีเลือดเก่าปน ทำให้สารคักหลั่งเป็นสีน้ำตาล
  • ตกขาวสีชมพู พบได้บ่อยในสตรีหลังคลอดบุตร เนื่องจากการลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก

สาเหตุของตกขาวผิดปรกติ

อาการตกขาวผิดปกติ นั้นเรียก Pathologic vaginal discharge ภาวะการตกขาวผิดปรกติ นั้น เกิดขึ้นได้จากสาเหตุต่างๆ คือ การติดเชื้อ การมีเนื้องอกที่อวัยวะเพศ และ การมีสิ่งแปลงปลอมในอวัยวะเพศ โดยรายละเอียดของการตกขาวผิดปรกติ มีรายละเอียด ดังนี้

  • การตกขาวผิดปรกติที่เกิดจากการติดเชื้อ นั้นเกิดจากการติดเชื้อหลายลัษณะ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ได้แก่
    • เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เรียก Bacterial vaginosis สาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ เราพบว่าเป็นสาเหตุมากที่สุดถึง ร้อยละ 50 ของการเกิดการตกขาวผิดปรกติ โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น พฤติกรรมชอบล้างอวัยวะเพศแบบสวนช่องคลอด การใช้ห่วงอนามันในการคุมกำเนิด การกินยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน การติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์  นนอกจากนั้น สาเหตุอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือการกินอาหารประเภทหมักดอง เป็นต้น
    • เกิดจาดเชื้อรา สำหรับสาเหตุของการตกขาวจากการติดเชื้อรา พบประมาณ ร้อยละ 25 ของผู้ป่วยอาการตกขาวผิดปรกติ เชื้อราที่พบ คือ Candida albicans การตกขาวผิดปรกติจากเชื้อรา จะมีลักษณะสารคัดหลั่ง เป็นสีเหลืองปน มีก้อนคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็นอับ แต่ไม่พบกลิ่นคาว ซึ่งผลกระทบที่พบ คือ จะแสบหรือคันที่ช่องคลอด หรือ เวลาปัสสาวะจะมีอาการแสบและขัด สาเหตุของการติดเชื้อรา เช่น การอยู่ในที่อับชื้นเป็นเวลานาน การใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด การใช้ยากลุ่มยาสเตียรอยด์ การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด โรคเบาหวาน และความเครียด เป็นต้น
    • การติดเชื้อทริโคโมแนส หรือ เชื้อพยาธิในช่องคลอด เรียกว่า Trichomoniasis เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกโปรโตซัว ชนิดหนึ่ง เราเรียกว่า ทริโคโมแนส วาจินาลิส ( Trichomonas vaginalis ) เราพบว่ามีผุ้เกิดภาวะตกขาวผิดปรกติจากสาเหตุนี้ ร้อยละ 25 ของผู้ป่วยทั้งหมด ลักษณะความผิดปรกจะพบว่า มีอาการคัน แสบ และเจ็บที่อวัยวะเพศ ลักษณะของสารคัดหลั่ง จะมีสีเหลืองหรือสีเขียว มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว และมีลักษณะเป็นฟอ
    • เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของการตกขาว คือ เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ ( Herpes simplex ) เกิดจากการติดเชื้อโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ อาการพบว่าจะมีอาการแสบที่อวัยวะเพศ ลักษณะสารคักหลั่ง เป็นสีเหลือง
    • เกิดจากเชื้อบัคเตรี ชนิดอื่น ๆ เช่น เชื้อสแตฟีโลค็อกคัส ( Staphylococcus ) สเตรปโตค็อกคัส ( Streptococcus ) เป็นต้น
    • การติดเชื้อวัณโรค
  • การตกขาวผิดปรกติจากเนื้องอกที่อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง การเกิดเนื้องอก เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งของอวัยวะเพศหญิง เป็นสาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ
  • การตกขาวผิดปรกติจากการมีสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด การที่ผนังของช่องคลอดมีสิ่งระคายเคือง ทำให้เกิดการตกขาวเพิ่มขึ้น และสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้จะส่งกลิ่นเหม็นด้วย ตัวอย่างสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้ตกขาวจากสาเหตุนี้ เช่น เศษกระดาษ เศษลูกโป่ง ผ้าอนามัยชนิดสอด กระดาษชำระ สำลี เศษยาง ถุงยางอนามัย หรือ อุปกรณ์ทางเพศ

การมีตกขาวนั้น จักว่าเป็นเรื่องปรกติของผู้หญิง แต่การที่สารคัดหลั่งเกิดความผิดปรกติ นั้น เป็นสาเหตุของหลายปัจจัย แต่หากไม่สังเกตุลักษณะการตกขาวที่ผิดปรกติ จะทำให้เป็นอันตรายหากไม่รักษา

อาการตกขาวผิดปรกติ

การตกขาวที่ผิดปกตินั้น มีอาการและลักษณะของสารคัดหลั่ง ที่สามารถสังเกตุได้ ดังนี้

  • เกิดสารคักหลั่งมากขึ้นผิดปรกติ
  • สารคักหลั่งตกขาว นั้นมีกลิ่นเหม็น คล้ายปลาเน่า และมีกลิ่นคาวมาก
  • ลักษณะของสารคัดหลั่งมีลักษณะผิดปรกติ เช่น มีสีเหลือง สีเขียว หรือมีลักษณะข้น หรือจับตัวเป็นก้อน มีปนหนอง มีเลือดปนหรือมีลักษณะเป็นฟอง
  • เกิดการตกขาวติดต่อกันกว่า 14 วัน
  • เกิดความผิดปรกติอื่นร่วมกับการตกขาวผิดปรกติ เช่น คันบริเวณปากช่องคลอด มีอาการแสบที่ปากช่องคลอด มีแผลบริเวณอวัยวะเพศ ปวดท้องน้อย มีไข้ ขัดเบา เจ็บอวัยวะเพศ แสบเวลาปัสสาวะ เป็นต้น

วิธีรักษาอาการตกขาวผิดปรกติ

การรรักษาอาการตกขาวผิดปรกตินั้น ต้องรักษาสาาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ และในปัจจุบันสามารถรักษาสาเหตุของการเกิดการตกขาวผิดปรกติ จากการติดเชื้อ ได้ โดยหากพบว่า เกิดการตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือ เชื้อโปรโตซัว สามารถใช้ยาในการรักษาได้ ซึ่งการใช้ยาในการรักษานั้น ให้อยู่ในคำสั่งของแพทย์

การดูแลตัวเองเมื่อเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ

เมื่อเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้

  • ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบและไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
  • รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของความอับชื้น
  • งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหาย ถ้าจำเป็นควรให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยด้วยทุกครั้ง
  • ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในขณะรับการรักษา เพราะอาจมีผลกับยาที่รักษาทำให้ไม่สบาย ปวดเมื่อยตัว หน้าแดง หรือใจสั่นได้
  • ไม่ควรรักษาด้วยตนเอง เพราะสาเหตุที่ทำให้ตกขาวผิดปกตินั้นมีได้หลากหลาย ซึ่งการซื้อยามารับประทานเองอาจทำให้ไม่หายเพราะใช้ยาไม่ตรงกับโรค อาจทำให้มีโรคอื่นแทรกซ้อนตามมา และอาจเป็นสาเหตุให้กลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรังจากเชื้อดื้อยาได้ (การใช้ยาทุกชนิดควรอยู่ภายใต้คำแนะของแพทย์หรือเภสัชกร)
  • อาการตกขาวผิดปกติมักเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาทั้งผู้ป่วยและคู่นอนไปด้วยพร้อม ๆ กัน นอกจากนั้นอาการตกขาวผิดปกติยังอาจเกิดได้จากโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการไปพบแพทย์ตั้งแต่แรกจะช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และให้ผลในการรักษาที่ดีกว่าการพบโรคในระยะรุนแรงที่มีอาการมากแล้ว
  • ตกขาวผิดปกติที่เกิดจากการติดเชื้อ ถึงแม้จะได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว แต่ถ้ากลับไปติดเชื้ออีกก็จะมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก ส่วนในรายที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น ผลการรักษามักจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็ง
  • ในรายที่เป็นโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อก็ต้องรักษาหรือควบคุมโรคให้ดี เช่น โรคเบาหวาน

การป้องกันการเกิดอาการตกขาวผิดปรกติ

สำหรับอาการตกขาวผิดปรกติ นั้น สามารถป้องกันการเกิดได้ โดยข้อแนะนำในการป้องกันการเกิดการตกขาวผิดปรกติ มีดังนี้

  • ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานๆ ถ้าหากไม่มีความจำเป็น
  • ควรรบประทานอาหารที่สดใหม่และมีคุณภาพ ดื่มน้ำให้เยอะๆ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอและที่สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ให้ล้างอวัยวะเพศก่อนทุกครั้ง
  • ไม่ควรใส่กางกางที่มีขนาดเล็กกว่าไซต์ตัวเองหรือรัดเกินไป
  • ต้องดูแลอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอ และอย่าให้อับชื้น
  • ให้คุณเช็ดก้นจากหน้า
  • ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดเพราะช่องคลอดสะอาดอยู่แล้ว

ตกขาว คือ สารคัดหลั่งที่อวัยวะเพศของสตรี ลักษณะของการตกขาวผิดปรกติเป็นอย่างไร ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีแดง ตกขาวสีเขียว เกิดจากสาเหตุอะไร การรักษาอาการตกขาวผิดปรกติต้องทำอย่างไร และ ข้อแนะนำในการป้องกันการตกขาวผิดปรกติ


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove