โรคเริม ติดเชื้อโรค อาการตุ่มใสๆที่ผิวหนัง ปาก รักษาอย่างไร

เริม ( Herpes simplex ) การติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ( Herpes Simplex Virus ) อาการตุ่มใสๆที่ปากและอวัยวะเพศ จากการจูบหรือเลียเชื้อโรค สามารถหายเองได้เริม โรคเริม โรคติดต่อ แผลที่ปาก

โรคเริม เป็นลักษณะของโรคเรื้อรัง สามารถติดต่อกันโดยทางเพศสัมพันธ์ ได้ กลุ่มที่มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ จะเป็น กลุ่มเด็กทารกและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องต่างๆ เช่น คนติดเชื้อเอดส์(เอชไอวี) ผู้ป่วยมะเร็ง กลุ่มคนที่มีการปลูกถ่ายอวัยวะต่างๆ ความรุนแรงของโรคนี้อยู่ที่ การติดเชื้อในกระแสเลือดอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ เรามาทำความรู้จักกับโรคนี้ให้มากขึ้น ว่าสาเหตุของการเกิดโรค อาการของโรค การรักษาและการป้องกันทำอย่างไร

โรคเริม นั้นเป็นการติดเชื้อไวรัส ที่เกิดจากการสัมผัสเชื้อโรคจากแผลหรือสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อโรค ไม่ว่าจะจาก น้ำจากตุ่มใส จากน้ำลาย เป็นต้น การมีเพศสัมพันธ์ที่ขาดการป้องกัน เช่น การใช้ของใช้ร่วมกัน การจูบ การเลีย การกินอาหารร่วมกัน การสัมผัสทางตา หากเกิดการติดเชื้อที่อวัยวะเพศก็สามารถติดต่อจากแม่สู่ลูกได้

สาเหตุของการเกิดโรคเริม

สาเหตุของการเกิดเริม นั้นเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริม เป็นไวรัสชื่อ เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ ภาษาอังกฤษ เรียก Herpes simplex virus ตัวย่อคือ HSV ลักษณะของอาการคล้ายกับการเกิดโรคงูสวัดและอีสุกอีใส แต่เกิดจากเชื้อไวรัสคนละตัวกัน โดยเชื้อไวรัสเริม มีอยู่ 2 ชนิด คือ ไวรัสเอชเอสวี-1 ( Herpes simplex virus 1 หรือ HSV-1 ) และ ไวรัสเอชเอสวี-2 ( Herpes simplex virus 1 หรือ HSV-2 ) เชื้อไวรัสเริม ทั้ง 2 ชนิด สามารถติดเชื้อได้จากช่องทางต่างๆ ที่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ เช่น ผิวหนัง ช่องปาก อวัยวะเพศ และเนื้อเยื่อต่างๆ

อาการของโรคเริม

สำหรับ อาการของโรคเริม นั้นจะเกิดตุ่มเล็กๆ ลักษณะพอง มีน้ำใสๆ กดลงไปจะเจ็บ ซึ่งตุ่มน้ำจะเกิดขึ้นภายใน 1 ถึง 2 วัน ในตุ่มมีน้ำใสๆ จะเกิดเป็นกลุ่มๆ ตามจุดที่เกิดการติดเชื้อ อาการนี้จะเกิดภายในระยะเวลา 14 วัน และสามารถหายเองได้ ลักษณะของตุ่มใส จะเกิดที่ผิวหนัง ริมฝีปาก และ อวัยวะเพศ ก่อนที่จะเกิดแผลตุ่มนั้น ผู้ป่วยจะมีอาการ อ่อนเพลีย อาการคล้ายป่วนเป็นไข้หวัด มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว กินอาหารได้น้อย ลักษณะของอาการของแผลในอวัยวะต่างๆ มีดังนี้

  • เริมที่ผิวหนัง สำหรับการเกิดเริมที่ผิวหนัง มักจะเกิดจากการติดเชื้อซ้ำ เรียกว่า Reactivation อาการที่พบคือ มีอาการปวดแสบ ปวดร้อน หากเกิดบริเวณขา สะโพก หรือ ก้น อาการปวดนี้จะเกิดขึ่นก่อน ประมาณ 1 ถึง 5 วัน จะมีผื่นแดงๆขึ้นก่อน ขากนั้นจะเกิดตุ่มน้ำใส รอบผื่นแดง จากนั้นน้ำในตุ่มจะเป็นสีเหลืองขุ่น และแตกกลายเป็นสะเก็ด สามารถหายเอง ภายใน 14 วัน ชาวบ้านจะเรียกโรคนี้ว่า “ ขยุ้มตีนหมา ”
  • เริมในช่องปาก เรียกว่า Herpetic gingivostomatitis อาการของเริมที่ปาก นั้นเกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดที่ 1 พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ หากมีเพศสัมพันธ์ทางปาก ก็สามารถติดเชื้อได้ง่าย มีระยะฟักตัวของโรคใช้เวลาภายใน 20 วัน
  • เริมที่อวัยวะเพศ เรียก Herpes genitalis การเกิดเริมที่อวัยวะเพศนั้น พบเป็นสาเหตุของการเกิดเริม มากที่สุด จักว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีเชื้อโรคเริม และ มีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันที่ดี

ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเริมซ้ำ

โรคเริม นั้นสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ หากผู้ที่มีประวัติการติดเชื้อโรคเริมไม่ระมัดระวังตัวในการใช้ชีวิต โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคซ้ำประกอบด้วย

  • การถูกกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่น การสัมผัส การถูไถ การโดนลม โดนแสงแดด ความเย็น เสื้อผ้าไม่สะอาด เหงื่อ เป็นต้น
  • ภาวะความเครียด หากมีภาวะเครียดทำให้ร่างกายผิดปรกติ
  • การกินอาหาร ได้แก่ ถั่ว กาแฟ แอลกอฮอล์ ช็อกโกแลต เป็นอาหารที่กระตุ้นการติดเชื้อ
  • การดูแลสุขอนามัยของร่างกายขณะที่มีประจำเดือน
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนไม่หลับ สิ่งเหล่านี้ทำให้ร่างกายแปรปรวน ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำลง

การรักษาโรคเริม

โรคนี้ไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด เมื่อเริ่มมีการติดเชื้อแล้วเชื้อนี้ก็จะอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต โดยเชื้อไวรัสไปสะสมอยู่ที่ปมประสาท และเมื่อถูกกระตุ้นจากปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ก็จะออกมาแสดงอาการที่ผิวหนัง แต่อาการเริมส่วนใหญ่สามารถหายได้เองภายใน 2 สัปดาห์  โดยอาบน้ำอุ่น พยายามดูแลให้บริเวณอวัยวะเพศแห้ง ไม่อับชื้น เพราะความชื้นจะทำให้แผลหายช้า สวมเสื้อผ้านุ่ม และหลวมๆ ประคบเย็นบริเวณแผล และ รับประทานยาแก้ปวด

ภาวะแทรกซ้อนของโรคเริม

อาการแทรกซ้อนของโรคเริม นั้นมีหลายอาการจะเกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่ โรคเริมจะหายเองภายใน 14 วัน มีเพียงส่วนน้อยที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น โดยอาหารแทรกซ้อนของโรคเริม ประกอบด้วย

  • การอักเสบของแผล เช่น เกิดหนอง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • เกิดสายตาพิการ เชื้อโรคเริมหากขึ้นจอตา อาจทำให้กระจกตาอักเสบ ทำให้สายตาพิการ
  • การเกิดภาวะขาดน้ำ หากเกิดเชื้อโรคเริมที่ปาก ทำให้การกินอาหารและน้ำทำได้ลำบาก ส่งผลต่อภาวะขาดน้ำได้
  • การเกิดมะเร็งปากมดลูก สำหรับสตรีที่เป็นเริมที่อวัยวะเพศ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกมากกว่าปรกติ
  • ทำให้เส้นประสาทอักเสบ ทำให้อัมพาตที่ใบหน้าได้ การติดเชื้อที่ผิวหนังทำให้อาจกระทบต่อเส้นประสาทที่ผิวหนังโดยเฉพาะใบบหน้า

การป้องกันการเกิดโรคเริม

สำหรับการติดเชื้อเริม นั้นหากไม่มีการป้องกันที่ถูกต้อง การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง จะทำให้สามารถติดเชื้อซ้ำได้ การป้องกันการติดเชื้อเริมค่อนข้างยาก เพราะผู้ติดเชื้อเริมนั้นไม่แสดงอาการให้เห็นชัดเจนมาก ดังนั้นเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่ใช่คู่ครองของตน
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เช่น ไม่สวมถุงยางอนามัย สัมผัสแผลที่มีเชื้อโรค
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
  • หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ที่มีเชื้อโรค เช่น จานชาม แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้า มีดโกน เป็นต้น
  • ควรรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน ให้ครบถ้่วน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงภาวะความเครียด
  • การรับประทานยาต้านไวรัส หากต้องใช้ชีวิตที่มีความเสียงในการติดเชื้อ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคเริม

โรคเริม ( Herpes simplex ) ติดเชื้อจากเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ ( Herpes Simplex Virus ) ทำให้เกิดตุ่มใสๆที่ผิวหนัง ปาก และ อวัยวะเพศ ติตจากการจูบ การเลียเชื้อโรค สามารถหายเองได้ และ มีโอกาสเกิดซ้ำ รักษาอย่างไร

Last Updated on March 17, 2021