ไตอักเสบ ภาวะติดเชื้อที่ไต ปวดหลังปวดเอว เหนื่อยง่าย ตัวบวม

ไตอักเสบ ( Pyelonephritis ) การติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะแพร่สู่ไต ส่งผลให้ตัวบวม อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดหลัง ปวดเอว ความดันสูง แนวทางการรักษาไตอักเสบทำอย่างไรไตอักเสบ กรวยไตอักเสบ โรคไต โรคไม่ติดต่อ

ไต เป็น อวัยวะของระบบใดในร่างกายมนุษย์ ก็ต้องตอบว่าเป็นส่วนหนึ่งของ ระบบทางเดินปัสสาวะ  ไต ภาษาอังกฤษ เรียก Kidney ไตมีสองข้าง คือ ข้างซ้ายและข้างขวา รูปร่างคล้ายเมล็ดถั่วแดง หน้าที่ของไตคือกรองของเสีย น้ำ และเกลือแร่ส่วนเกินจากเลือด และไหลผ่านไปสร้างปัสสาว นอกจากกรองของเสียแล้วยังมีหน้าที่ช่วยรักษาความปกติของระดับน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ควบคุมความดันโลหิต และกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง หากเกิดความผิดปรกติของการทำงานของไต จะทำให้เกิดการสะสมของเสียในร่างกาย ระบบเลือด และความดันเลือดในร่างกายก็ผิดปรกติ ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

วันนี้เรามารู้จักกัโรคไต โรคไตอักเสบกันว่า ไตอักเสบเกิดจากอะไร ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงเกิดโรคไต อาการของโรคไต การรักษาทำอย่างไร รักษาหายไหม แล้วจะป้องกันโรคไตอักเสบอย่างไร

โรคไตอักเสบ หมายถึง การอักเสบของไต ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะและแพร่สู่ไต หรือการผิดปรกติของการทำงานของไต นอกจากนั้นแล้ว โรคไตอักเสบ อาจเกิดจากปัญญหา เช่น อาการบวมน้ำ การกำจัดน้ำออกจากร่างกายทำได้ไม่ปรกติ ทำให้น้ำสะสมในร่างกายทำให้บวมตามส่วนต่างๆของร่างกาย

ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคไตอักเสบ

ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคไตอักเสบมีหลายข้อ เรารวบรวมและแยกเป็นข้อๆได้ดังนี้

  1. กรรมพันธ์ โรคไตอักเสบบางชนิด เกิดจากกรรมพันธุ์ เช่น โรคไตเป็นถุงน้ำ (Polycystic Kidney Disease) อย่างไรก็ตาม กรรมพันธุ์ไม่ใช่สาเหตุหลัก มีส่วนน้อยที่มีอาการไตอักเสบจากกรรมพันธ์
  2. ภาวะความดันโลหิตสูง การไตทำงานร่วมกับเลือดมีผลต่อระดับความดันเลือด หากไตทำงานหนัก ก็ทให้เกิดความผิดปรกติของไตได้ โดรเริ่มจากอาการอักเสบ และอาจทำให้ไตหยุดทำงาน เกิดภาวะไตวายได้
  3. โรคเบาหวาน  ผู้ป่วยเบาหวานจะปัสาวะบ่อย อาจเกิดการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะได้ง่ายกว่าปกติ อาการไตอักเสบอาจเกิดขึ้นได้จากภาวะการติดเชื้อ ทำให้ไตอักเสบ ไตวาย แล้วยังทำให้เกิดความดันโลหิตสูงด้วย
  4. โรคอ้วน คนอ้วยมีเมตาบอลิซึมสูง ทำให้ไตต้องทำงานหนักกว่าปรกติ ทำให้เกิดการอักเสบของไตได้ง่าย
  5. อายุ เมื่ออายุมากขึ้น เกิดความเสื่อมของอวัยวะไปตามอายุ การป้องกันเชื้อโรค และการทำงานของอวัยวะต่างๆก้ลดประสิทธิภาพ โดยทั่วไป ไต จะเริ่มเสื่อมตั้งแต่อายุ 35 ปี เฉพาะผู้สูงอายุเพศชายมีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับต่อมลูกหมากสูง ส่งผลถึงระบบทางเดินปัสสาวะอุดตัน ทำให้ไตอักเสบได้
  6. อาหาร การรับประทานอาหารรสจัด ทำให้ไตทำงานหนัก ส่งผลกระทบต่อไตทำให้อ่อนแอได้ง่าย
  7. ยาบางชนิด มีผลต่อการทำงานของไต เช่น ยาแก้ข้อกระดูกอักเสบ ดังนั้น หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง
  8. อุบัติเหตุ การเกิดอุบุติเหตุกระทบกระเทือนต่อไต ทำให้ไตบอบช้ำทำงานได้ไม่ปรกติ

บุคคลกลุ่มเสี่ยงเกิดโรคไตอักเสบ

สามารถแยกรายละเอียดของคนที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคไตอักเสบ มีรายละเอียดดังนี้

  1. ผู้สุงอายุ ตั้งแต่อายุ 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากความเสื่อมของอวัยวะต่างๆเป็นไปตามอายุ
  2. ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคไต เนื่องจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม มีโอกาสเกิดได้
  3. คนน้ำหนักมาก คนอ้วน คนเป็นเบาหวาน
  4. ผู้ป่วยโรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
  5. ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
  6. ผู้ป่วยโรคเนื้องอกในไต
  7. ผู้ที่อาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีโอกาสได้รับสารพิษจากยาบางชนิด
  8. ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ
  9. ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ตัวเอง

อาการของผู้ป่วยไตอักเสบ

อาการของผู้ป่วยไตอักเสบ จะสังเกตุได้จาก อาการตัวบวม อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดหลัง ปวดเอว เนื่องจากไตหน้าที่หลักคือ การคัวบคุมระดับน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย หากการทำงานผิดปรกติ การควบคุมระดับน้ำในร่างกายผิดปรกติเกิดการสะสมในร่างกายทำให้ตัวบวม ไตทำหน้าที่กรองของเสียในเลือดและขับออกทางปัสสาวะ หากร่างกายกรองของเสียได้ไม่ดี ของเสียก็จะกลับสู่ร่างกายทางเลือด ทำให้อ่อนเพลีย และไตเป็นอวัยวะที่อยู่บริเวณเอว ใต้ซี่โครง หากอวัยวะภายในอักเสบก็ทำให้เกิดอาการ เจ็บ และปวด นอกจากนั้น การปัสสาวะผิดปรกติ เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด เป็นต้น ความดันดลหิตสูง

การตรวจว่าเป็นโรคไตอักเสบหรือไม่ สามารถทำได้โดยการ ตรวจปัสสาวะ ตรวจเลือด โดยการตรวจปัสาวะเพื่อดูความปรกติของปัสสาวะว่า เป็นโรคอะไรหรือเปล่า เช่น โรคนิ่ว โรคติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะ กรวยไตอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และโรคไตอื่น ๆ ส่วนการตรวจเลือด เพื่อหาความผิดปรกติของไต

การรักษาโรคไตอักเสบ

การรักษาโรคไตอักเสบ สามารถรักษาได้โดยใช้ 3 วิธี คือ การรักษาสาเหตุของการเกิดไตอักเสบ รักษาดดยการชะลอความเสื่อมของไต และล้างไตทางหน้าท้อง รายละเอียดดังนี้

  1. การรักษาไตอังกเสบที่สาเหตุของโรค เช่น หากมีนิ่วที่ไต ก็ให้กำจัดนิ่ว หรือ รักษาโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นการรักษาโดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เป็นหลัก
  2. การรักษาโดยเพื่อชะลอความเสื่อมของไต ในผู้ป่วยบางคนที่มีอาการไตอักเสบจากความเสื่อมของไต จะทำการรักษาโดยลดการทำงานหนักของไต เช่น การให้ยาควบคุมความดันโลหิต การควบคุมอาหาร เป็นต้น
  3. การรักษาโดยการล้างไตที่หน้าท้อง ในผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบบเรื้อรังอาจเกิดไตวายได้ การทำงานของไตต่ำ การนำไตออกมาล้างเพื่อไม่ให้มีเลือดเสีย ทำให้ไตสะอาด

การป้องกันการเกิดโรคไตอักเสบ

โรคไต เป็นโรคที่ไม่มีใครอยากเป็น การป้องกันแบบง่ายๆ คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชิวิต โดยแยกเป็นข้อๆได้ดังนี้

  1. ลดการบริโภคอาหารเค็ม เพื่อควบคุมระดับความดันโลหิต
  2. ลดการดื่มเครื่องดื่มสุราและสารเสพติด
  3. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
  4. ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ
  6. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีพิษต่อไต เช่น ยาแก้ปวดข้อ ปวดหลัง เป็นต้น

สมุนไพรช่วยลดความดันโลหิต สามารถช่วยลดการทำงานหนักของไตได้ สามารถช่วยบรรเทาอาการป่วยของโรคไตได้ เราจึงขอแนะนำ สมุนไพรช่วยลดความดันโลหิต สมุนไพรลดความดัน

มะรุม สมุนไพร สมุนไพรไทย สรรพคุณของมะรุมมะรุม
ฟักทอง สมุนไพร ผักสวนครัว สรรพคุณของฟักทองฟักทอง
กระเจี๊ยบเขียว สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชสมนุไพรกระเจี๊ยบเขียว
แตงกวา สมุนไพร พืชสวนครัว ประโยชน์ของแตงกวาแตงกวา
กระเทียม สมุนไพร สมุนไพรไทย เครื่องเทศกระเทียม
หญ้าคา สมุนไพร สมุนไพรไทยหญ้าคา
มะเขือยาว สมุนไพร สมุนไพรไทย ผัดสวนครัวมะเขือยาว
อินทนิน สมุนไพร สมุนไพรไทย ไม้ยืนต้นอินทนิล

โรคไตอักเสบ ( Pyelonephritis ) เกิดจากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ แพร่สู่ไต  ส่งผลให้เกิดอาการ อาการตัวบวม อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ปวดหลัง ปวดเอว ความดันโลหิตสูง สาเหตุของโรคไตอักเสบ กลุ่มเสี่ยงโรคไตอักเสบ อาการโรคไตอักเสบอย่างไร

Last Updated on March 17, 2021