พาร์กินสัน อาการสั่นควบคุมร่างกายไม่ได้ โรคระบบประสาทและสมอง เซลล์สมองสร้างสารโดพาไมน์ไม่เพียงพอ ปัจจัยของการเกิดโรค เช่น กรรมพันธ์ุ สมองอักเสบ และ อายุโรคสมอง โรคระบบประสาท โรคพาร์กินสัน พาร์กินสัน

โรคพาร์กินสัน โรคเกี่ยวกับระบบประสาท โรคไม่ติดต่อ ถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมได้ มีการสั่นของมือและการเคลื่อนไหวตัวได้น้อย จากการศึกษาพบว่าเซลล์สมองไม่สามารถสร้างสารโดพาไมน์ ( dopamine ) อย่างเพียงพอ ในสมองส่วนหน้า( forebrain ) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ จดจำ คิด คำนวน การควบคุมการเคลือนไหว และสมองน้อย(cerebellum) มีหน้าที่ช่วยประสานงานของการทำงานกล้ามเนื้อ และช่วยการทรงตัว ในส่วนเนื้อสมองส่วนที่3และส่วนที่4 จะช่วยในการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยเมื่อกล้ามเนื้อหดตัว จะมีกลุ่มกล้ามเนื้ออีกส่วนหนึ่งคลายตัว จะช่วยรักษาสมดุลการทำงานของระบบกล้ามเนื้อของมนุษย์

อาการของผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน

สำหรับอาการผู้ป่วยจะมีอาการสั่นโดยเฉพาะที่ มือ แขน ขา กรามและหน้า มีอาการเกร็งที่แขนและลำตัว การเคลื่อนไหวตัวทำได้ช้า ทรงตัวได้ไม่ดี ไม่สามารถแสดงออกของหน้าได้ พูดลำบาก ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

สาเหตุของการเกิดโรคพาร์กินสัน

โรคพากินสัน เกิดจากเซลล์สมองในส่วน substantia nigra ซึ่งมีหน้าที่สร้างสารโดพาไมน์(dopamine) ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าเชื่อมไปยังสมองส่วนที่ทำหน้าที่ให้การทำงานของกล้ามเนื้อ เซลล์ส่วนนี้ไม่สามารถสร้างได้อย่างเพียงพอ ทำให้การควบคุมกล้ามเนื้อผิดปรกติ จะมีอาการ สั่นและกระตุก สาเหตุอื่นๆที่เป็นปัจจัยทำให้เกิดโรคพาร์กินสัน เช่น กรรมพันธ์ุ การได้รับสารพิษบางชนิด โรคเส้นเลือดสมองตีบ สมองอักเสบ อายุที่มากขึ้น

โรคแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นเมื่อป่วยโรคพาร์กินสัน

สำหรับผู้ป่วยโรคพากินสัน มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น โรคซึมเศร้า โรคความดันต่ำ ภาวะท้องผูก ปัสสาวะคั่ง ความต้องการทางเพศลดลง

การรักษาผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน

สามารถทำได้โดยการทำกายภาพบำบัด การใช้ยาและการผ่าตัด ซึ่งรายละเอียด ดังนี้

  1. การทำกายภาพบำบัด เป็นวิธีเพื่อช่วยให้ผู้ป่วย สามารถช่วยเหลือตนเองได้ การรักษาด้วยวิธีทำกายภาพบำบัด จะช่วยให้การเคลื่อนไหว ของผู้ป่วยถูกต้อง เช่น การเดิน การนั่ง การทรงตัว รวมมถึงอวัยวะอื่นๆที่เคลื่อนไหวลำบาก
  2. รักษาโดยการให้ยา แต่ยาที่ให้ จะไม่สามารถทำให้เซลล์สมองที่ตาย คืนสภาพกลับมาได้ แต่ยาที่ให้จะช่วยเรื่องการเพิ่มสารโดพาไมน์ ที่เป็นสาเหตุของโรคพาร์กินสัน มีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  3. รักษาโดยการผ่าตัด เป็นวิธีรักษาแบบใหม่ เป็นการผ่าตัดฝังสายเพื่อกระตุ้นไฟฟ้าอย่างอ่อน ในสมอง ส่วนที่เรียกว่า Globus Pallidus หรือ Subthalamic mucleus ส่งผลให้อาการสั่นของผู้ป่วยลดลง การเคลื่อนไหวทำได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถปลูกถ่ายเซลเนื้อเยื่อจากต่อมหมวกไต หรือปมประสาทที่อยู่บริเวณคอ โดยนำไปปลูกในโพรงสมอง โดยเนื้อเยื่อเหล่านี้ จะช่วยสร้างสารโดพามีน การใช้วิธีนี้รักษาผู้ป่วยจะไม่ต้องกินยา หรือรับยาในปริมาณที่ลดลง แต่วิธีนี้มีค่าใช้จ่ายที่สูง และแนะนำให้รักษาในผู้ป่วยที่ยังมีอายุน้อยอยู่

การดูแลตัวเองในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน

จำเป็นต้องดูแลไม่ว่าจะเป็นส่วนการรับประทานอาหาร การเดิน หารออกกำลังกาย และการนอน เป็นต้น

  1. การรับประทานอาหาร ควรให้รับประทานอาหารจำพวก ผัก ผลไม้และธัญพืช เป็นอาหารที่มีเส้นใยอาหารสูง ช่วยป้องกันอาการท้องผูก หลีกเลียงอาหารที่ทำให้ท้องผูก เช่น กาแฟ ชา เป็นต้น และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ๆ เช่น เนื้อสัตว์ นม เนย กะทิและไอศกรีม เป็นต้น ในผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน จะมีปัญหาเรื่องการเคี้ยวอาหาร ดังนั้นอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ต้องช่วยลดภาระการเคี้ยวอาหาร
  2. การออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน แนะนำให้ผู้ป่วยว่ายน้ำ ทำสวน เต้นรำ หรือยกน้ำหนัก ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง การทรงตัวดี การเคลื่อนไหวดีขึ้น และอารมณ์ดี
  3. การเดินสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน เมื่อรู้สึกว่าการเดินเริ่มลากเท้า เดินได้ช้าลง แนะนำให้ใส่รองเท้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีขนาดกว้างและยาวขึ้น เพื่อช่วยป้องกันการล้ม เนื่องจากผู้ป่วยจะทรงตัวได้ไม่ดีทรงตัวทำให้หกล้มบ่อย
  4. การนอนหลับสำหรับผู้ป่วยดรคพาร์กินสัน เป็นปัญหามาก โดยผู้ป่วยจะผู้เข้าหลับง่าย แต่ตื่นเช้ามืด เพราะจะรู้สึกนอนไม่หลับ การขยับตัวทำได้ยาก ในบางราย จากลุกขึ้นมาปัสสาวะบ่อย แต่เคลื่อนไหวตัวลำบาก อาจจะต้องให้ยาเพื่อช่วยควบคุมอาการเหล่านี่ในตอนกลางคืน
  5. ปรับสภาพแวดล้อมเพื่อช่วยผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน ให้สะดวกมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ภายในตัวบ้าน ห้องน้ำ ห้องนอน
    ห้องครัว แนะนำให้ติดราวบันได เพื่อในการทรงตัว ในส่วนของพื้นให้เรียบ และป้องกันพื้นลื่น

การดูแลผู้ป่วยพาร์กินสัน

  • คนรอบข้างควรช่วยผู้ป่วยในการบริหารร่างกาย ป้องกันการเกิดข้อยึดติด เช่น การแกว่งแขวน การเดินก้าวเท้ายาว ยกเท้าสูงขึ้น
  • แนะนำการบริหารลูกตาด้วยการกลอกลูกตาไปมา โดยการดูกีฬาที่มีการโต้ตอบไปมา เช่น เทนนิส ปิงปอง เป็นต้น
  • ในระยะแรก หากผู้ป่วยยังสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น การปั่นจักรยาน ก็อาจให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมดังกล่าวได้
  • ระวังเรื่องอุบัติเหตุ ปัญหาการกลืน การพูด
  • ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารที่มีกากใย เพื่อป้องกันอาการท้องผูก
  • ผู้ดูแลต้องทำความเข้าใจผู้ป่วยและดูแลสภาพจิตใจอยู่เสมอ เนื่องจากในผู้ป่วยบางรายอาจมีปัญหาการนอนไม่หลับ วิตกกังวล หรือซึมเศร้า

สมุนไพรที่บำรุงสมอง สามารถช่วยบรรเทาและลดการเกิดโรคต่างๆ เกี่ยวกับระบบสมองได้ เราจึงขอแนะนำสมุนไพร สรรพคุณบำรุงระบบสมอง มีดังนี้

หอมหัวใหญ่ สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชสมุนไพรหอมหัวใหญ่  ทำอาหารก็อร่อย ช่วยรักษาเบาหวาน รักษาโรคหัวใจได้ สรรพคุณของหอมหัวใหญ่ ลดน้ำตาลในเลือด ช่วยละลายลิ่มเลือด บำรุงระบบโลหิตได้ดี มะละกอ สมุนไพร สมุนไพรไทย ผลไม้มะละกอ ผลไม้ สมุนไพร สรรพคุณ ช่วยดูแลช่องปาก ดูแลเหงือกและฟัน ช่วยยาถ่ายพยาธิ ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาระบาย บำรุงสายตาและระบบประสาท
ดอกชมจันทร์ สมุนไพร สรรพคุณของชมจันทร์ชมจันทร์ สรรพคุณ เป็นยาระบายอ่อนๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งได้ บำรุงสมอง บำรุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันโรคดีซ่าน ขับปัสสาวะ งาดำ สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชสมุนไพรงาดำ สมุนไพร สรรพคุณ ช่วยชะลอความแก่  ช่วยบำรุงผิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยซ่อมแซมผิวพรรณ ช่วยบำรุงรากผม ช่วยให้ผมดกเงางาม
หญ้าคา สมุนไพร สมุนไพรไทยหญ้าคา สรรพคุณของหญ้าคา เราสามารถนำหญ้าคามาใช้สำหรับ ต้านอาการอัดเสบ ต้านเลือดเหนียว ขยายหลอดเลือด ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง มะพร้าว สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชยืนต้นมะพร้าว สมุนไพร ผลไม้ที่มีประโยน์ ประกอบด้วย ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยขับสารพิษในร่างกาย ช่วยสมานแผล บำรุงผิว แก้ท้องเสีย แก้ท้องร่วง แก้ปวดเมื่อย
กระเจี๊ยบเขียว สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชสมนุไพรกระเจี๊ยบเขียว สมุนไพร สรรพคุณ ขับสารพิษในร่างกาย บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสมอง ยาระบาย รักษาโรคกระเพาะ ลำไส้อักเสบ ลดความดันโลหิต ถ่ายพยาธิ ตะไคร้ สมุนไพร พืชสมุนไพร สมุนไพรไทยตะไคร้ นิยมนำมาประกอบอาหาร สรรพคุณของคะไคร้ เช่น ยาบำรุงธาตุ ช่วยในการเจริญอาหาร ขับสารพิษในร่างกาย ลดไข้ ลดความดัน บรรเทาอาหารปวด

โรคอัลไซเมอร์ ความผิดปรกติของโครโมโซม คู่ที่ 1 14 19 และ 21 ทำให้ความจำเสื่อม หลงลืม พฤติกรรมเปลี่ยนไป ในที่สุดจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และ เสียชีวิตในที่สุดโรคอัลไซเมอร์ ความจำเสือม อัลไซล์เมอร์ โรคสมอง

โรคอัลไซเมอร์ ภาษาอังกฤษ เรียก Alzheimer’s disease คือ ความผิดปรกติของโครโมโซม คู่ที่ 1 14 19 และ 21 ไม่ใช่โรคติดต่อ สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ โรคที่เกี่ยวกับภาวะสมองเสื่อม ทำให้เกิดอาการ เช่น ความจำเสื่อม หลงลืม นิสัยและพฤติกรรมเปลี่ยน ซึ่งอาการจะค่อยๆเป็นอย่างละช้าๆ จนในที่สุดผู้ป่วยจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และ เสียชีวิตในที่สุด โรคอัลไซเมอร์ สามารถพบได้มากกับผู้ป่วยที่อายุมาก อายุยิ่งมากเท่าไรก็มีโอกาสเป็นมากขึ้น จากสถิติ ประชากรไทย ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นโรคนี้ร้อยละ 2 ถึงร้อยละ 4

สาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์

ซึ่งทางการแพทย์พบว่า ร้อยละ 7 ของผู้ป่วยสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ซึ่งเป็นความผิดปรกติของโครโมโซม คู่ที่ 1 14 19 และ 21 ซึ่งในผู้ป่วยที่เป็นโรคปัญญาอ่อน หรือโรคกลุ่มอาการดาวน์ (Down’s syndrome) หลังจากอายุเกิน 40 ปี จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ในที่สุด นอกจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรมแล้วยังมีปัจจัยอื่นที่ทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ เช่น อายุที่มากขึ้น การเกิดอุบัติเหตุที่สมอง โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโหิตสูง สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสเกิดอัลไซลเมอร์ได้

อาการของโรคอัลไซเมอร์เป็นอย่างไร

อาการของโรคนี้สามารถแบ่งได้ เป็น 4 ระยะ คือ ระยะก่อนสมองเสื่อม สมองเสื่อมระยะแรก สมองเสื่อมระยะปานกลาง และสมองเสื่อมระยะสุดท้าย ซึ่งรายละเอียดของอาการสมองเสื่อมแต่ละระยะมีดังนี้

  1. ระยะก่อนสมองเสื่อม ในระยะนี้ผู้ป่วยจะมีปัญหาเรื่องการจดจำสิ่งที่พึ่งเรียนรู้มาไม่นาน แต่ว่ายังไม่มีอาการที่ชัดเจน ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ และยังสามารถตัดสินใจทำในสิ่งต่างๆได้ ยกเว้นเรื่องที่สลับซับซ้อน
  2. สมองเสื่อมระยะแรก ในระยะนี้ผู้ป่วยจะสูญเสียความทรงจำระยะสั้น หรือความจำที่เพิ่งเรียนรู้มา ลักษณะอาการ เช่น ลืมของ ลืมเวลานัด ทานยารักษาโรคซ้ำๆ ถามซ้ำ พูดซ้ำ ในระยะนี้การใช้ชีวิตของผู้ป่วยเริ่มไม่เป็นปกติ แต่ยังสามารถสื่อสารบอกความคิดพื้นฐานของตนได้ ทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ แต่ขาดความคล่องแคล่วเหมือนปรกติ
  3. สมองเสื่อมระยะปานกลาง ในระยะนี้ผู้ป่วยจะสูญเสียความทรงจำระยะสั้นไปเลย ส่วนความจำระยะยาว และความรู้ทั่วไป จะค่อยๆเสื่อมลง ในระยะนี้ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะอาศัยอยู่ในบ้านของตัวเองแต่จะมีความรู้สึกว่าอยู่ต่างสถานที่ตลอดเวลา เรื่องของภาษาและการพูดจะมีปัญหาชัดเจน ทักษะเรื่องของการอ่านและการเขียน จะค่อยๆเสื่อมลง ผู้ป่วยรู้สึกสับสน วิตกกังวล หงุดหงิด โมโหง่าย และอารมณ์แปรปรวน
  4. สมองเสื่อมระยะสุดท้าย ในระยะนี้ผู้ป่วยจะสูญเสียความทรงจทั้งหมด ทั้ง ระยะสั้น ระยะยาว และความรู้ทั่วไป ผู้ป่วยต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยจะไม่สามารถทำกิจกรรมใดๆได้เลย แม้กระทั้งการอาบน้ำ การกินข้าว การแต่งตัว การเดิน หรือการนั่ง และไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้

ผลข้างเคียงของโรคอัลไซเมอร์เป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ และส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 10 ปี ซึ่งการใช้ชีวิตจะเริ่มลำบาก และจะเปลี่ยนแปลงมาก เมื่อความทรงจำหาย

การรักษาโรคอัลไซเมอร์ 

ปัจจุบันยังไม่มี ยาหรือวิธีการรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายขาดได้ แต่การรักษาสามารถทำได้ด้วยการให้ยาเพื่อช่วยชะลออาการของโรค โดย ยาที่ให้ มีอยู่ 4 ชนิด คือ Donezpezil , Rivastigmin, Galantamine, และ Memantine  และการให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง เช่น ศิลปะบำบัด ดนตรีบำบัด การบำบัดโดยอาศัยสัตว์เลี้ยง

การดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์

ผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการความจำเสื่อม ให้หยุดขับรถด้วยตนเอง ไม่ควรให้ผู้ป่วยไปยังสถานที่ไม่คุ้นเคยเพียงลำพัง ไม่ปล่อยให้ผู้ป่วยไปทำธุระสำคัญคนเดียว เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน และเมื่อมีอาการมากต้องมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา พาผู้ป่วยพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อประเมินอาการ ควรให้ผู้ป่วยพกป้ายประจำตัว ให้ระบุชื่อ ที่อยู่ และเบอร์ติด อย่างชัดเจน เพื่อป้องกันการพลัดหลง

ป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์สามารถทำได้อย่างไร

เราได้รวบรวมมาให้ มีรายละเอียด ดังนี้

  1. ในผู้หญิงวัยหมดประำเดือน ต้องให้ฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือให้ฮอร์โมนชนิดผสมเอสโตรเจน-โปรเจสโตโรน  ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ ดังนั้นต้องระวังการบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม
  2. ให้รับประทานอาหาร ที่มีสิตามินบี 12 และมีกรดโฟลิกสูง จำพวก ผักและผลไม้สด ธัญพืชต่างๆ น้ำมันมะกอก ปลา ไวน์แดง
  3. ลดการบริโภค อาหารประเภท ไขมันสูง เค็มจัด หวานจัด และอาหารจานด่วนต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงของดรค โรคไขมันในเส้นเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคอัลไซเมอร์
  4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  5. ทำกิจกรรมที่ฝึกสมองและความคิด เช่น อ่านหนังสือ เล่นหมากรุก เป็นต้น

สมุนไพรช่วยบำรุงสมอง

ช่วยป้องกันการเกิดโรคเกี่ยวกับสมองและระบบประสาทได้ มีดังนี้

หอมหัวใหญ่ สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชสมุนไพร
หอมหัวใหญ่
มะละกอ สมุนไพร สมุนไพรไทย ผลไม้
มะละกอ
กระเจี๊ยบเขียว สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชสมนุไพรชมจันทร์
งาดำ สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชสมุนไพรงาดำ
หญ้าคา สมุนไพร สมุนไพรไทย
หญ้าคา
มะพร้าว สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชยืนต้น
มะพร้าว
กระเจี๊ยบเขียว สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชสมนุไพร
กระเจี๊ยบเขียว
ตะไคร้ สมุนไพร พืชสมุนไพร สมุนไพรไทย
ตะไคร้

ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove