การดูดซึมสารอาหารผิดปรกติ ( malabsorption syndrome ) ความผิดปกติของลำไส้เล็กดูดสารอาหารและของเหลวไม่เพียงพอ ทำให้เกิดการขาดสารอาหาร การคลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้นการดูดซึมสารอาหารผิดปรกติ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคขาดสารอาหาร โรคไม่ติดต่อ

ความผิดปกติของระบบการย่อยและการดูดซึมอาหาร เกิดได้จากอวัยวะในระบบทางเดินอาหารที่ทำหน้าที่ในการย่อยและการดูดซึมสารอาหารผิดปรกติจากสาเหตุต่างๆ เช่น การติดเชื้อ หรือสาเหตุต่างๆ ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจต่างๆ มากมาย  โรคการดูดซึมสารอาหารผิดปรกติ พบมากที่สุดในประเทศแถบทะเลแคริบเบียน อินเดีย และ ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โรคนี้อาจเกี่ยวข้องกับปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมไม่ดี เช่น มีสารพิษเจือปนในอาหาร ทำให้ติดเชื้อโรคต่างๆ

ผลกระทบจากการไม่ดูดซึมสารอาหาร

สามารถแบ่งได้ 2 ลักษณะ คือ ผลกระทบต่อร่างกาย และ ผลกระทบต่อจิตใจ โดยรายละเอียด ดังนี้

ผลกระทบการไม่ดูดซึมสารอาหารต่อร่างกาย

  • เกิดอาการอาเจียนหลังรับประทานอาหาร หากว่าเกิดภาวะกล้ามเนื้อหูรูดทำงานไม่ปกติ จะทำให้เกิดการอาเจียนได้หากมีอาหารเข้าไปและไม่สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินอาหารได้จะถูกผลักดันออกทางเดิม
  • เกิดอาการคลื่นไส้ เมื่อกระเพาอาหารมีน้ำย่อยออกมามากจะกระตุ้นระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดการคลื่นไส้
  • เกิดภาวะขาดสารอาหาร เมื่อร่างกายไม่สามารถดูดสารอาหารเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ ทำให้ร่างกายจะขาดสารอาหาร
  • ส่งผลต่อสุขภาพของตับทำให้ตัวเหลือง และ มีไข้สูง การสูญเสียการทำหน้าที่ของอัยวะย่อยและดูดซึม ส่งผลกระทบต่อตับและน้ำดี

ผลกระทบการไม่ดูดซึมสารอาหารต่อจิตใจ เมื่อร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ ก็ทำให้ร่างกายผอม บุคลิกภาพไม่ดี ส่งผลต่อภาพลักษณ์ และร่างกายอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย ส่งผลต่อความสามารถการเข้าสังคม

ปัจจัยที่เป็นสาเหตุของการไม่ดูดซึมสารอาหาร

สาเหตุของการเกิดภาวะการดูดซึมสารอาหารผิดปรกติ หาสาเหตุที่แท้จริงยาก สาเหตุของการไม่ดูดซึมสารอาหาร มีหลายสาเหตุ หลายปัจจัย ที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกาย สามารถสรุปปัจจัยของการเกิดโรค ได้ดังนี้

  • ภาวะการติดเชื้อที่ลำไส้
  • การอักเสบและการบาดเจ็บที่ลำไส้
  • การผ่าตัดลำไส้
  • การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน
  • ภาวะการเกิดโรคที่ตับ เช่น โรคตับอ่อนอักเสบชนิดเรื้อรัง เป้นต้น
  • ความบกพร่องของร่างกายดดยกำเนิด เกี่ยวกับ ทางเดินน้ำดี โรคของถุงน้ำดี โรคตับ โรคตับอ่อน ดาวน์ซินโดรม เป็นต้น

อาการของภาวะการดูดซึมสารอาหารผิดปรกติ

อาการของโรค เกิดจากการไม่ได้สารอาหารผ่านระบบทางเดินอาหาร ซึ่งอาการของโรคทั่วไป คือ ร่างกายซูบผอม จากการขาดสารอาหาร แต่อาการของโรคแสดงออกต่างกันในสารอาหารที่ขาด โดยการสารอาหาร เช่น ไขมัน โปรตีน น้ำตาล หรือ วิตามิน นั้นจะแสดงอาการของโรคที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • การขาดสารอาหารประเภทไขมัน จะแสดงอาการ คือ อุจจาระยาก อุจจาระเหม็น อุจจาระนุ่ม อุจจาระลอยน้ำ เป็นต้น
  • การขาดสารอาหารประเภทโปรตีน จะแสดงอาการ คือ ผมแห้ง ผมร่วง เป็นต้น
  • การขาดสารอาหารประเภทน้ำตาล จะแสดงอาหาร คือ ท้องร่วง ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นต้น
  • การขาดสารอาหารประเภทวิตามิน จะแสดงอาการ คือ มีภาวะโลหิตจาง ความดันโลหิตต่ำ การลดน้ำหนัก กล้ามเนื้ออ่อนแอ เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนของความผิดปรกติของการดุดซึมสารอาหาร

หากร่างกายไม่ดูดซึมสารอาหาร ไปเลี้ยงร่างกาย ผู้ป่วยจะมีอาการท้องร่วงบ่อยๆ น้ำหนักตัวลด และ อาการปวดท้อง การขาดวิตามินอาจทำให้เกิดภาวะต่างๆ เช่น โรคโลหิตจาง มือเท้าชา และ มีปัญหาเกี่ยวกับความจำ ร่างกายของคนต้องการรับสารอาหารที่เหมาะสมแบะถูกต้อง ซึ่งการขาดสารอาหาร ส่งผลต่อระบบในร่างกายทุกระบบ เช่น หัวใจ สมอง กล้ามเนื้อ เลือด ไต และ ผิวหนัง

การดูดซึมสารอาหารผิดปรกติ ( malabsorption syndrome ) คือ ความผิดปกติที่ลำไส้เล็กที่ไม่สามารถดูดซับสารอาหารและของเหลวได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาการขาดสารอาหาร การคลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ Bladder cancer มะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะ อาการปัสสาวะเป็นเลือดแต่ไม่เจ็บ ปวดหลัง ปัสสสาวะมาก ปัสสาวะบ่อย แนวทางการรักษาและป้องกันโรคทำอย่างไร

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โรคมะเร็ง โรคไม่ติดต่อ โรคระบบทางเดินปัสสาวะ

โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เกิดจากเซลล์ที่เยื่อบุผนังของกระเพาะปัสสาวะ เกิดการแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างผิดปกติ จนเกิดเนื้องอก และ เป็นเนื้อมะเร็งในที่สุด สามารถลุกลามเข้าสู่อวัยวะอื่นๆได้ เช่น ต่อมน้ำเหลือง กระดูก ปอด และตับ

ชนิดของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ สามารถแบ่งได้ 5 ชนิด ซึ่งการแบ่งชนิดของโรคนั้นแบ่งออกได้ตามลักษณะของเซลล์มะเร็ง โดยชนิดของมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มีรายละเอียด ดังนี้

  • Transitional cell carcinoma ( TCC ) พบมากที่สุด ร้อยละ 95 ของผู้ป่วยเกิดมะเร็งชนิดนี้
  • Squamous cell carcinoma ( SCC ) พบว่าผู้ป่วยมะเร็งจากชนิดนี้ ร้อยละ 5 ของผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เกิดจากเซลล์รูปสี่เหลี่ยม ทำให้ระคายเคือง เช่น พยาธิใบไม้ในเลือด
  • Adenocarcinoma พบว่าผู้ป่วยมะเร็งชนิดนี้ เกิดร้อยละ 2 ของผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • Small cell carcinoma พบได้น้อยกว่าร้อยละ 1 ของผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เกิดจากเซลล์ Neuroendocrine cells
  • Sarcomas เป็นชนิดที่พบได้น้อยมาก โดยเกิดในเซลล์กล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ

สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ยังไม่หาสาเหตุที่แท้จริงได้ แต่พบว่ามีปัจจัยในการกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โดยรายละเอียดของปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรค มีดังนี้

  • การสูบบุหรี่ หรือ การสูดดมควันบุหรี่
  • การได้รับสารเคมีบางอย่าง เช่น สารอะนิลีน ( Aniline ) สารไฮโดรคาร์บอน  ( Hydrocarbon ) เป็นสารเคมีใช้ในการย้อมผ้า และ ใช้ในอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ยาง และ สายไฟ
  • การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในเลือด ( Schistosomiasis ) พยาธิชนิดนี้จะวางไข่ฝังที่ผนังของกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดการระคายเคืองแบบเรื้อรัง
  • การรับยาเคมีบำบัด เช่น ยา Cyclophosphamide
  • เป็นความผิดปรกของร่างกายจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม

ระยะของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

สำหรับโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มีระยะของโรค 4 ระยะ คือ ระยะ 1-4 โดยแตกต่างกันที่ระดับความรุนแรงของโรค โดยรายละเอียดดังนี้

  • มะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะที่ 1 เกิดมะเร็งบริเวณเยื่อบุภายในกระเพาะปัสสาวะ
  • มะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะที่ 2 เนื้อมะเร็งบางส่วนลุกลามเข้าสู่กล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ
  • มะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะที่ 3 เนื้อมะเร็งลุกลามเข้าสู่ผนังกระเพาะปัสสาวะ และ เนื้อเยื่อรอบๆกระเพาะปัสสาวะ
  • มะเร็งกระเพาะปัสสาวะระยะที่ 4 เนื้อมะเร็งลุกลามเข้าสู่ต่อมน้ำเหลือง และ กระจายสู่อวัยวะอื่น ๆ เช่น ต่อมน้ำเหลือง กระดูก ตับ หรือ ปอด เป็นต้น

อาการของผู้ป่วยโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

สำหรับอาการของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ จะแสดงอาการอย่างชัดเจนที่การปัสสาวะ ซึ่งสามารถสรุปลักษณะอาการของผู้ป่วยโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ ดังนี้

  • ปัสสาวะเป็นเลือดโดยไม่มีอาการเจ็บปวด
  • ปัสสาวะมากผิดปกติ
  • ปัสสาวะบ่อย มีอาการแสบ หรือ ขัดตอนปัสสาวะ
  • มีอาการปวดหลัง
  • มีอาการต่อมน้ำเหลืองบวมโต บริเวณขาหนีบ หรือ ไหปลาร้า
  • อาจมีอาการไอ หายใจลำบาก ปวดกระดูก

การวินิจฉัยโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

สำหรับการวินิจฉัยโรคนั้น หากผู้ป่วยมีอาการตามอาการของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ตามที่กล่าวมาในข้างต้น เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์จะซักประวัติ และ ลักษณะของอาการที่เกิดขึ้น จากนั้น ต้องทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดย การตรวจร่างกายและตรวจชิ้นเนื้อ มีรายละเอียด ดังนี้

  • การตรวจปัสสาวะ เพื่อดูปริมาณของเม็ดเลือดแดงและเซลล์มะเร็งที่ปะปนมากับปัสสาวะ
  • การส่องกล้องตรวจทางเดินปัสสาวะ เพื่อตรวจดูโครงสร้างภายในของกระเพาะปัสสาวะกับท่อปัสสาวะ เพื่อให้เห็นเนื้องอกได้อย่างชัดเจน
  • การตรวจชิ้นเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ การนำชื้นเนื้อต้องสงสัยไปตรวจ เพื่อดูว่าชิ้นเนื้อนั้นๆ เป็นเซลล์มะเร็งหรือไม่
  • การตรวจทางรังสีวิทยา โดยใช้การ เอกซเรย์ ซีทีสแกน เอ็มอาร์ไอ หรือ อัลตราซาวด์ ตรวจที่บริเวณช่องท้อง เพื่อดูตำแหน่งและขนาดของมะเร็ง

การรักษาโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

สำหรับการรักษาโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นั้น ต้องทำการรักษาโดยการกำจัดก้อนมะเร็ง บรรเทาอาการของโรค และ การรักษาโดย การใช้ เคมีบำบัด การให้ยาฆ่ามะเร็ง การรังสีบำบัด และ การผ่าตัด แต่การเลือกใช้วิธีการรักษาต้องอยู่ในดุลย์พินิจของแพทย์ โดยรายละเอียดของการรักษามะเร็งกระเพาปัสสาวะ มีดังนี้

  • การรักษาด้วนเคมีบำบัด โดยแพทย์จะฉีดยาเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะผ่านทางสายสวน เพื่อรักษามะเร็งในระยะเริ่มต้น อาจใช้การรักษาด้วยรังสีบำบัด ในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
  • การให้ยาฆ่าเซลล์มะเร็ง จะใช้หลังจากการตัดเนื้อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะออกไปแล้ว ให้ยาฆ่าเซลล์มะเร็ง เพื่อลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำใหม่
  • การรักษาด้วยการผ่าตัด วิธีนี้ทำเพื่อกำจัดเนื้อมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ รวมถึงอวัยวะใกล้เคียง ซึ่งการผ่าตัดนั้นใช้ 2 วิธี คือ การผ่าตัดโดยส่องกล้องซึ่งผ่านทางท่อปัสสาวะ และ การผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะผ่านทางช่องท้อง ซึ่งการผ่าตั้นนั้น แพทย์อาจต้องตัดกระเพาะปัสสาวะบางส่วนออก รวมถึงอวัยวะข้างเคียงออก เช่น ท่อไต ต่อมน้ำเหลืองบริเวณอุ้งเชิงกราน ต่อมลูกหมาก ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ มดลูก รังไข่ และ ช่องคลอดบางส่วน เป็นต้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค
  • การรักษาด้วยรังสีบำบัด วิธีการรังสีบำบัดนั้นจะทำหลังจากการผ่าตัด หรือ ใช้การเคมีบำบัดร่วม สำหรับผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ในกรณีที่ไม่สามารถผ่าตัดได้

ภาวะแทรกซ้อนจากการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

การเกิดโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ สร้างความลำบากต่อร่างกายแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้แย่ขึ้นไปอีก คือ การเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรค ซึ่งสามารถเกิดได้ทั้งก่อนการรักษาโรคและหลังการรักษาโรค โดยภาวะแทรกซ้อนของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ประกอบด้วย

  • การเกิดโรคโลหิตจาง
  • เกิดความผิดปรกติเกี่ยวกับการปัสสาวะ เช่น กลั้นปัสสาวะไม่ได้ หรือ ปัสสาวะไม่ออก
  • เกิดภาวะท่อปัสสาวะตีบตัน ทำให้ปัสสาวะไม่ออก หรือ ปัสสาวะยาก
  • เกิดกรวยไตคั่งปัสสาวะ
  • เกิดการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ
  • เกิดการลามของมะเร็ง จนเกิดมะเร็งในอวัยวะอื่นๆ เช่น ต่อมน้ำเหลือง ตับ ปอด หรือ กระดูก เป็นต้น
  • ทำให้หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
  • ทำให้เกิดวัยทองก่อนวัยอันควร

การป้องกันการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

สำหรับการป้องกันการเกิดโรคนั้นยังไม่มีวิธีทางการแพทย์ที่สามารถป้องกันการเกิดโรคได้อย่างเด็ดขาด แต่สิ่งที่สามารถทำได้ คือ การลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรค ที่เราสามารถควบคุมได้ โดยแนวทางการปฏิบัติมีดังนี้

  • เลิกสูบบุหรี่ หรือ ไม่สูบบุหรี่ หรือ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีควันบุหรี่
  • ไม่เที่ยวสถานท่องเที่ยวกลางคืน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีการปล่อยให้มีการสูบบุหรี่ การที่เราไม่สูบบุหรี่แต่การสูดดมควันบุรหรี่ก็เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเช่นกัน
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมีที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
  • ให้ดื่มน้ำตามปรริมาณความต้องการของร่างกาย
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผักและผลไม้ โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
  • หากมีอาการผิดปรกติที่ระบบขัยถ่าย เช่น ปัสสาวะเป็นเลือด ให้รีบพบแพทย์เพื่อรักษาอย่างทันท่วงที

มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ( Bladder cancer ) คือ มะเร็งเกิดที่กระเพาะปัสสาวะ ส่งผลต่อระบบการปัสสาวะ อาการของโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะเป็นเลือดแต่ไม่เจ็บ ปวดหลัง ปัสสสาวะมาก ปัสสาวะบ่อย เป็นต้น การรักษามะเร็งกระเพาะปัสสาวะทำอย่างไร สาเหตุของการเกิดโรค การป้องกันการเกิดโรค


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove