ริดสีดวงตา ภาวะติดเชื้อที่หนังตา จากฝุ่นเข้าตา แมลงวันตอมตา ทำให้เกิดตุ่มเล็กๆใต้หนังตา อาการเจ็บตา ตาแดง น้ำตาไหล และขี้ตามาก หากไม่รักษาอาจทำให้ตาบอดได้ริดสีดวงตา โรคตา หนังตาติดเชื้อ โรคติดเชื้อ
ริดสีดวงตา เป็น โรคเกี่ยวกับตา ที่ส่งผลต่อ เปลือกตา ขนตา เยื่อบุตา กระจกตา รวมถึงทางเดินของน้ำตา สามารถเกิดขึ้นได้กับตาทั้งสองข้าง สำหรับโรคริดสีดวงตา เคยเป็นสาเหตุ ที่ทำให้คนตาบอดมากที่สุดในโลก แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้า โรคริดสีดวงตา สามารถติดต่อได้จากการสัมผัส การสัมผัสขี้ตา หรือ สารคัดหลั่งจากตา ลำคอ และ จมูก ได้

การเกิดริดสีดวงตา เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ Chlamydia trachomatis ซึ่งเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค มี 3 กลุ่ม ดังนี้

  1. กลุ่ม Trachomatis เป็นแบคทีเรียที่ทำให้ อวัยวะภายในและปากมดลูกอักเสบ รวมถึง ท่อปัสสาวะอักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ ได้ และเป็นแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  2. กลุ่ม Chlamydia pneumoniae เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจ
  3. กลุ่ม Chlamydia psittaci เป็นเชื้อโรคที่ทำให้สัตว์ป่วย เช่น นกแก้ว แมว อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะ Cross immunity

สาเหตุของโรคริดสีดวงตา

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis ซึ่งการติดต่อเกิดจากการสัมผัส เช่น การสัมผัสขี้ตา สารคัดหลั่งต่างๆ อาทิ น้ำมูก เสมหะ หนองจากตา ลำคอ หรือจมูก ของผู้ที่มีเชื้อโรค รวมถึงการโดนแมลงวันตอมตา มักพบในพื้นที่แห้งแล้ง กันดาร มีฝุ่นมาก มีแมลงหวี่ แมลงวันชุกชุม อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคริดสีดวงตา คือ สภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขอนามัย สภาพแวดล้อมแออัด ใช้น้ำสะอาด การใช้อุปกรณ์อุปโภคบริโภคที่ไม่สะอาด แมลงวัน

อาการของผู้ป่วยเป็นริดสีดวงที่ตา

โดยเริ่มต้นจะมีอาการติดเชื้อที่เปลือกตา จะมีตาแดง น้ำตาไหล และมีขี้ตามาก เมื่อเปิดดูที่หนังตาด้านในจะพบตุ่มเล็กๆ เราเรียกตุ่มเล็กๆใต้หนังตาว่า Follicle การติดเชื้อซ้ำบ่อยๆจะมีผลทำให้เกิดอาการอักเสบของเปลือกตา เกิดพังผืดดึงรั้งจนเกิดแผลที่บริเวณเปลือกตา และสาเหตุนี้เป็นต้นเหตุขนตาชี้ลงจนบาดกระจกตา ผู้ป่วยที่เป็นริดสีดวงที่ตาจึงพบอาการเจ็บตาและเคืองดวงตามากขึ้น และจะมีขี้ตามาก และจะลามไปถึงดวงตาทำให้เกิดฝ้าขาวที่กระจกตาได้

ระยะของอาการโรคริดสีดวงตา สามารถแบ่งได้ 3 ระยะ ดังนี้

  • ระยะที่เป็นริดสีดวงแน่นอนแล้ว อาการอักเสบจะน้อยลง ถ้าพลิกเปลือกตาดู จะเห็นเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีเหลือง นอกจากนี้ ส่วนบนสุดของตาดำ จะมีหลอดเลือดฝอยวิ่งเข้าไปในตาดำ เป็นลักษณะเฉพาะของโรคริดสีดวงตา เพราะ ปกติคนเราจะไม่มีหลอดเลือดฝอยจากเยื่อบุตาเข้าสู่ตาดำเลย ในระยะนี้ และหากไม่รับการรักษา ก็จะเข้าสู่ระยะที่ 3
  • ระยะเริ่มเป็นแผลเป็น ระยะนี้จะมีอาการเคืองตา แต่แทบจะไม่มีอาการอะไรเลย ส่วนตุ่มเล็ก ๆ ที่เยื่อบุเปลือกตา ก็ค่อย ๆ ยุบและหายไป แต่จะเกิดพังผืดจนกลายเป็นแผลเป็น ส่วน แพนนัส ที่ตาดำ ก็ยังเห็นอยู่เช่นเดิม ในระยะนี้การใช้ยารักษาจะไม่ค่อยได้ผล
  • ระยะหายและเป็นแผลเป็น ระยะนี้เชื้อจะหายไปหมด ถึงแม้ว่าผู้ป่วยจะไม่รักษาก็ตาม และ แพนนัส ก็ค่อย ๆ หายไป แต่จะเกอดภาวะแทรกซ้อน เช่น ติดเชื้อและอักเสบบ่อย

การรักษาริดสีดวงตา

สามารถทำได้โดยการผ่าตัดไม่ให้ขนตาทิ่มแทงดวงตา และใช้ยาปฏิชีวนะทั้งชนิดยาหยอดตาและยารับประทาน โรคนี้เป็นโรคประจำท้องถิ่น ควรรีบไปพบแพทย์ ไม่ควรรักษาเอง แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ ในปัจจุบันแพทย์แนะนำให้ใช้ ยาอะซิโทรมัยซิน ( Azithromycin ) เพียงครั้งเดียวแทนก็ได้ หรือบางครั้งแม้แต่ ยาซัลฟา ( Sulfa drugs ) ก็ใช้ได้เหมือนกัน ที่สำคัญ ควรให้การรักษาผู้ป่วยที่อยู่ในบ้านไปด้วยพร้อมกันทุกคน

ถ้าให้ยาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ แพทย์อาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การเพาะเชื้อคลามีเดียในเซลล์ การขูดเยื่อบุตาย้อมส่วนด้วย Geimsa stain หรือ Immunofluorescein เป็นต้น และ รักษาต่อไป

ในผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น อาจต้องผ่าตัดแก้ไขเปลือกตา ที่เป็นแผลเป็น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อน หรือ อาจต้องผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา

วิธีป้องกันโรคริดสีดวงตา

  1. รักษาความสะอาดของใบหน้าเสมอ โดยเฉพาะในเด็กๆเพื่อป้องกันไม่ให้แมลงตอมตา ซึ่งเป็นทางติดต่อและแพร่กระจายโรคได้ทางหนึ่ง
  2. กำจัดแมลงวัน โดยการกำจัดขยะให้ถูกวิธี และไม่ทิ้งขยะใกล้บ้าน
  3. ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว
  4. ใช้น้ำสะอาด และมีน้ำสะอาดใช้อย่างเพียงพอในกิจวัตรส่วนตัว

ริดสีดวงตา ภาวะติดเชื้อที่หนังตา เกิดจากฝุ่นเข้าตา แมลงวันตอมตา ทำให้เกิดตุ่มเล็กๆใต้หนังตา อาการเจ็บตา ตาแดง น้ำตาไหล และขี้ตามาก หากไม่รักษาทำให้ตาบอด เกิดได้ในทุกเพศ ทุกวัย พบในเพศหญิงสูงกว่าเพศชายมาถึง 2 เท่า

โรคตาแดง conjuntiva เยื่อบุตาอักเสบ มี 2 แบบ ตาแดงเฉียบพลัน และ ตาแดงเรื้อรัง เกิดจากอาการป่วยไข้ อดนอน ร้องไห้อย่างหนัก การไออย่างรุนแรง การขยี้ตา รักษาอย่างไรโรคตาแดง ดวงตาอักเสบ โรคตา โรคติดต่อ

โรคตาแดงเป็นโรคตาชนิดหนึ่ง เกิดจากเยื่อบุตาอักเสบ ( conjuntiva ) โรคตาแดงที่พบมี 2 แบบ คือ โรคตาแดงเฉียบพลัน และ โรคตาแดงแบบเรื่อรัง โรคตาแดง คือ ภาวะตาขาวเป็นสีแดงผิดปรกติ ซึ่งมีสาเหตุของการเกิดโรคหลายสาเหตุ เช่น อาการป่วยไข้  อดนอน ร้องไห้อย่างหนัก การไออย่างรุนแรง การขยี้ตา เป็นต้น สาเหตุที่ทำให้อาการต่างๆเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดอาการตาแดง คือ เยื่อตา บริเวณตาขาว เกิดการอักเสบ จากการติดเชื้อโรค

สาเหตุของโรคตาแดง

สาเหตุของภาวะตาแดง เกิดจากปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น โดยสาเหตุที่ทำให้เยื้อตาอักเสบ คือ เกิดจากติดเชื้อ แต่เชื้อเหล่านี้ร่างกายสามารถรักษาตัวเองได้ และจะหายไปเองภายใน 14 วัน  ส่วนสาเหตุอื่นๆ เช่น การเป็นหวัด การใช้ยาหยอดตา การใช้น้ำตาเทียม การใช้เครื่องสำอาง โรคประจำตัว ยาที่ใช้อยู่ประจำ ทำให้เกิดการติดเชื้อไวรัส

อาการของโรคตาแดง

สำหรับอาการของโรคตาแดง  อาการที่เห็นชัด คือ คันตา ขี้ตาใสเหมือนน้ำตา ขี้ตาเป็นเมือกขาว ขี้ตาเป็นหนอง ตาแดง หากพบว่าตาเป็นสีแดง มีอาการคัน และมีขี้ตาลักษณะดังกล่าวมาในข้างต้น สันนิฐานได้เลยว่าเป็นตาแดง โดยเราจะแยกอาการของการเกิดโรคตาแดงเป็นข้อๆ เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษา ดังนี้

  • อาการคันที่ตา ซี่งมักจะเกิดจากการเกิดโรคภูมิแพ้ โดยการคันตานั้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอาการแพ้ว่าจะมากหรือน้อย  และ สาเหตุหนึ่งของอาการคันตาที่ไม่ใช่สาเหตุของภูมิแพ้ จะเกิดจาก โรคหอบหืด หรือ อาการผื่นคัน
  • ขี้ตามีลักษณะใส จะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส หรือ โรคภูมิแพ้
  • ขี้ตามีลักษณะเป็นเมือกขาว จะเกิดจากตาแห้ง หรือ อาการของโรคภูมิแพ้
  • ขี้ตามีลักษณะเป็นหนอง เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • อาการตาแดงที่เกิดขึ้นกับตาทั้ง 2 ข้าง หรือ ข้างใดข้างหนึ่ง ลักษณะอาการเช่นนี้จะเกิดกับอาการของโรคภูมิแพ้
  • อาการปวดตา หรือ มีอาการสายตาสู้แสงแดดจ้าไม่ได้ เป็นอาการตาแดงที่มีสาเหตุจากโรคอื่นๆ เช่น โรคต้อหิน อาการม่านตาอักเสบ เป็นต้น หากพบว่ามีอาการปวดที่ตา ให้รีบพบแพทย์ด่วน
  • อาการสายตาพล่ามัว หากแม้ว่ากระพริบตาแล้วก็ยังมัวอยู่ โรคตาแดงมักจะเห็นปกติหากมีอาการตามัวร่วมกับตาแดงต้องปรึกษาแพทย์

การรักษาโรคตาแดง

สำหรับโรคตาแดง นั้นโดยปรกติแล้วร่างกายจะรักษาตัวเอง อาการตาแดงจะหายไปได้เองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ หากไม่มีปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคตาแดงมากระทบซ้ำ โดยแนวทางในการรักษาโรคตาแดง มีดังนี้

  1. ในกรณีโรคตาแดงที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเชื้อแบคทีเรีย จะใช้ยาปฏิชีวนะ ประกอบด้วย ยาหยอดตา หรืออาจจะมียาป้ายตา ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องยาแบบฉีดและรักปรทานร่วมด้วย
  2. ในกรณีโรคตาแดงที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อเชื้อไวรัส จะใช้ยาต้านไวรัส และให้ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดอาการคัน ยาแก้ปวด ส่วนมากการตาแดงจากเชื้อไวรัสมักจะหายได้เอง
  3. ในกรณีเป็นโรคตาแดงที่มีสาเหตุจากโรคภูมิแพ้ แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้

การป้องกันโรคตาแดง

สำหรับการป้องกันการเกิดโรคตาแดง ให้รักษาสุขภาพให้แข็งแรง และ หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ทำให้เกิดอาการอักเสบหรือ  ระคายเคืองที่เยือตา โดยเราได้แยกออกเป็นข้อๆ ได้ดังนี้

  1. ไม่ควรใช้เครื่องสำอาง ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้อื่น
  2. ล้างมือให้บ่อย
  3. ใส่แว่นป้องกันในการทำกิจกรรมต่างๆที่จะมีสารมาระคายเคืองดวงตา
  4. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคตาแดง
  5. อย่าใช้ยาหยอดตาของผู้อื่น
  6. อย่าว่ายน้ำในสระที่ไม่ได้ใส่คลอรีน
  7. อย่าสัมผัสมือ ของผู้ป่วยโรคตาแดง

สมุนไพรบำรุงสายตา ประกอบด้วย พืช ผัก ต้นไม้ ที่มีวิตามินเอ สูง สามารถช่วยบำรุงสายตาได้ดี มีดังนี้

ตำลึง สมุนไพร สมุนไพรไทย ผักสวนครัว
ตำลึง
ชะพลู สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชล้มลุกชะพลู
ขมิ้น สมุนไพร สมุนไพรไทย
ขมิ้น
อัญชัน สมุนไพร ดอกอัญชัน ประโยชน์ของอัญชัน
อัญชัน
เสาวรส สมุนไพร ผลไม้ ประโยชน์ของเสาวรส
เสาวรส
ฟักทอง สมุนไพร ผักสวนครัว สรรพคุณของฟักทอง
ฟักทอง
มะรุม สมุนไพร สมุนไพรไทย สรรพคุณของมะรุม
มะรุม
ชะอม สมุนไพร สมุนไพรไทย ผักสวนครัว
ชะอม

โรคตาแดง ( conjuntiva ) เกิดจากเยื่อบุตาอักเสบ มี 2 แบบ คือ โรคตาแดงเฉียบพลัน และ โรคตาแดงแบบเรื่อรัง วิธีรักษาโรคตาแดง สาเหตุของการเกิดโรค เช่น อาการป่วยไข้ อดนอน ร้องไห้อย่างหนัก การไออย่างรุนแรง การขยี้ตา เป็นต้น

 


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove