ภาวะตับล้มเหลว ตับวาย ( Liver failure ) ตับไม่ทำงาน ทำให้อวัยวะอื่นผิดปรกติ มีน้ำในท้องมาก นอนไม่หลับ หลงลืมง่าย สาเหตุมีหลายปัจจัย การรักษาและป้องกันทำอย่างไรตับวาย ตับหล้มเหลว โรคตับ กินยาพาราเกินขนาด

อวัยวะที่มีความสำคัญมากอวัยวะหนึ่งของร่างกาย คือ ตับ ภาษาอังกฤษ เรียก Liver คำนี้มาจากภาษากรีก คือ Hepar หน้าที่หลักของตับ คือ กำจัดของเสียออกจากร่างกายผ่านทางน้ำดี ช่วยให้เลือกแข็งตัว ช่วยสร้างฮอร์โมนบางชนิด เป็นแหล่งสะสมน้ำตาลที่สำคัญของร่างกาย ช่วยควบคุมระดับความดันเลือดของช่องท้อง และสร้างภูมิต้านทานโรคของร่างกาย การเกิดตับวาย นั้นสามารถเกิดได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย โดยอัตราการเกิดโรคเท่าๆกันทั้งในชายและหญิง สำหรับ ภาวะตับวาย สามารถแบ่งได้ เป็น 2 ลักษณะ ประกอบด้วย ตับวายแบบเฉียบพลัน และ ตับวายแบบเรื้อรัง โดยรายละเอียดมี ดังนี้

  • ตับวายแบบเฉียบพลัน ภาษาอังกฤษ เรียก Acute liver failure หรือ Fulminant hepatic failure มีคำย่อว่า FHF เป็นภาวะตับวายที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ผู้ป่วยมักไม่เคยมีโรคตับมาก่อน และ ตับทำงานอย่างปกติก่อนเกิดภาวะตับวายเฉียบพลัน อาการที่แสดงให้เห็นชัดเจน คือ มีอาการทางสมอง เช่น คลื่นไส้อาเจียน โดย ลักษณะของตับวายเฉียบพลันสามารถแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ตับวายเร็วร้าย และ ตับวายกึ่งเร็วร้าย
  • ตับวายเรื้อรัง ภาษาอังกฤษ เรียก Chronic liver failure คือ มีอาการผิดปรกติทางระบบประสาทและสมอง จากการทำงานผิดปรกติของตับ เช่น การดื่มสุราระยะเวลานาน ป่วยเป็นโรคตับอักเสบบี หรือ กินยาพาราเกินขนาด เป็นต้น ลักษณะอาการที่พบ จะ คลื่นไส้ นานเกิน 6 เดือน ซึ่งการรักษาอาการตับวายแบบเรื้อรัง นั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุ และ อาการ  ซึ่งระยะเวลาในการรักษาก็จะต่างกันออกไป

สาเหตุของการเกิดภาวะตับวาย

สำหรับโรคตับวาย สามารถสรุปสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคตับวายได้ ดังนี้

  • เกิดจากการประสบอุบัตติเหตุ ทำให้เกิดการกระแทกอย่างรุนแรงที่ตับ ทำให้ตับสูญเสียการทำงานหรือเซลล์ตับบาดเจ็บ
  • เกิดจากเป็นโรคตับแข็ง
  • ภาวะพิษสุราเรื้อรัง
  • การติดเชื้อโรคที่ตับ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบ
  • ได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย เช่น การกินเห็ดพิษ กินสมุนไพรบางชนิด
  • กินอาหารที่มีพิษต่อร่างกาย เช่น อาหารที่ปนเปื้อนโลหะหนุก เช่น ตะกั่ว ทองแดง
  • กินยาเกินขนาด เช่น ยาพาราเซตามอล
  • การเสพยาเสพติดเกินขนาด
  • เกิดจากป่วยเป็นโรคมะเร็งตับ หรือ มะเร็งแพร่กระจายสู่ตับ

อาการของภาวะตับวาย

สำหรับโรคตับวาย นี้ จะมีอาการเกิดขึ้นจากความผิดปรกติของการทำงานของตับส่งผลต่อการทำงานของร่างกายส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะระบบสมอง อาการที่จะเกิดขึ้น คือ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ปวดท้องด้านขวาบน ตัวเหลืองตาเหลือง หลังจากนั้นอาการจะรุนแรงมากขึ้น  โดยอาการจะมีลักษณะตามนี้

  • มีน้ำในท้อง เกิดจากความดันเลือกในช่องท้องสูง ทำให้มีน้ำซึมจากหลอดเลือดเข้าสู่ช่องท้อง
  • เลือดออกง่าย หรือ มีลอยจ้ำห้อเลือด มีจุดแดงเล็กๆคล้ายในไข้เลือดออก เนื่องจากการทำงานหลักของตับ อย่างการทำให้เลือดแข็งตัวไม่สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • มีอาการทางสมอง เนื่องจากตับทำหน้าที่ขับสารพิษ แต่เมื่อการทำงานผิดปรกติ ทำให้พิษเข้าสู่สมองและพิษเข้าไปทำลายเซลล์สมองโดยตรง เกิดภาวะสมองบวมได้ โดยอาการเริ่มต้นจะ นอนไม่หลับ หลงลืมง่าย ตัด สินใจไม่ได้ กระสับกระส่าย สับสน ต่อจากนั้น จะซึมลง
  • มีอาการของ ไตวายเฉียบพลัน โดยไม่เคยมีโรคไตมาก่อนจากไตขาดเลือด สา เหตุจากความดันในระบบไหลเวียนโลหิตของช่องท้องสูงขึ้น เช่น บวมทั้งตัว โดย เฉพาะขาและเท้า ปัสสาวะน้อย หรือไม่มีปัสสาวะ สับสน ซึม ชัก และโคม่า
    หมดสติ โคม่า และเสียชีวิตในที่สุด

การวินิจฉัยภาวะตับวาย

การวินิจฉัยนั้น แพทย์จะทำการซักประวัติ อาการ ประวัติการใช้ยา และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ที่อยู่อาศัย อาชีพ อาหาร น้ำดื่ม จากนั้นต้องทำการตรวจร่างกาย การตรวจเลือด เพื่อดูการทำงานของตับและไต ดูภูมิต้านทานโรค ทำการอัลตร้าซาวน์ ดูภาพของตับ และต้องตัดชิ้นเนื้อจากตับเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

การรักษาภาวะตับวาย

สำหรับการรักษาภาวะตับวาย นั้นต้องรักษาต้นเกตุของปัญหา คือ ตับไม่สามารถกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้ โดยจะพยายามกำจัดสารพิษออกจากร่างกายให้เร็วที่สุด รวมถึงการลดปริมาณสารพิษที่จะเข้าสู่ร่างกาย เช่น ลดอาหารประเภทโปรตีนเพื่อลดสารไนโตรเจน ซึ่งเป็นพิษต่อตับ เป็นต้น

การรักษาภาวะตับวาย จะต้องควบคุมอาหาร การรักษาสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย รวมถึงต้องการป้องกันการเกิดเลือดออก
ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับวาย ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ในรายที่ตับสูญเสียมาก ต้องรับการปลูกถ่ายตับ จะทำให้มีโอกาสรอดชีวิตได้

ผลข้างเคียงที่เกิดจากการเกิดภาวะตับวาย

โรคตับวาย เป็นภาวะความผิดปรกติของร่างกานที่มีความรุนแรงสูง สามารถทำให้ตายได้ โดยผลข้างเคียงของการเกิดโรคตับวาย มีรายละเอียด ดังนี้

  • ระบบการแข็งตัวของเลือด ไม่ทำงาน ทำให้มีเลือดออกตามอวัยวะต่างๆอย่างรุนแรง
  • ทำให้ตัวเหลืองตาเหลือง
  • ทำให้ร่างกายตืดเชื้อง่าย เนื่องจากภาวะภูมิต้านทานโรคต่ำ
  • ทำให้สมองบวม
  • ทำให้มีน้ำในช่องท้องมากและจะเกิดการติดเชื้อตามมา

การป้องกันโรคตับวาย

สำหรับการป้องกันการเกิดภาวะตับวาย หรือ ภาวะตับล้มเหลวนั้น คือ การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงทั้งหมดที่จะทำให้เกิดการเป็นพิษต่อตับ โดยรายละเอียดดังนี้

  • ไม่กินยาเกินขนาด
  • ระวังเรื่องการรับประทานอาหาร ไม่ทานอาหารที่มีสารพิษเจือปน
  • ระวังการสัมผัสสารคัดหลั่งของคนที่มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคไวรัสตับอักเสบ
  • ระวังเรื่องการใช้สารเคมีทุกชนิด โดยเฉพาะ ยาฆ่าหญ้า
  • งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐานให้สะอาด
  • ไม่เสพยาเสพติด
  • เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี

ภาวะตับล้มเหลว หรือ ตับวาย ( Liver failure ) ภาวะตับไม่ทำงาน ทำให้อวัยวะต่างๆทำงานผิดปรกติ มีน้ำในท้องมาก นอนไม่หลับ หลงลืมง่าย สาเหตุของโรคมีหลายปัจจัย การรักษาโรค และ การป้องกันต้องทำอย่างไร

ตกขาว สารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศสตรี ตกขาวผิดปรกติเป็นอย่างไร ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีแดง ตกขาวสีเขียว สาเหตุเกิดจากอะไร แนวทางการรักษาตกขาวผิดปรกติต้องทำอย่างไรตกขาว ตกขาวผิดปรกติ โรคสตรี โรคระบบสืบพันธ์

ตกขาว หรือเรียกอีกอย่างว่า ระดูขาว ภาษาอังกฤษ เรียก Leukorrhea คือ ภาวะการเกิดสารคัดหลั่งที่อวัยวะเพศของสตรี ซึ่งเป็นภาวะปกติของผู้หญิงทุกคน เมื่อสตรีมีการเจริญเติบโตมากขึ้นถึงวัยเจริญพันธุ์ เริ่มมีประจำเดือน การตกขาวจะมีมากขึ้นและมีปริมาณที่พอเหมาะไปจนถึงวัยสูงอายุ แต่อาการตกขาวผิดปรกติ เป็นสิ่งที่น่าตกใจ หากไม่รักษาอาจเกิดมะเร็งปากมดลูกได้

อาการตกขาว ที่ไม่มีอาการผิดปรกตินั้น จะมีลักษณะ คือ เป็นสารคัดหลั่งลักษณะเหลวและใส ไม่มีสี เป็นสีขาวข้น คล้ายกับกาวแป้งเปียก ซึ่งปริมาณของสารคัดหลั่งจะมีปริมาณไม่มากแต่พอที่จะรักษาความชุ่มชื้นในช่องคลอด สารคั้ดหลั่งนี้จะมีกลิ่นจำเพาะ มีภาวะเป็นกรดอ่อนๆ การตกขาวมากกว่าปรกกะตินั้น สามารถสังเกตุได้ ดังนี้

  • ตกขาวจะมีลักษณะข้นเป็นสีขาวในช่วงหลังและก่อนการมีประจำเดือน
  • ตกขาวจะมีลักษณะเหลวและใส ในช่วงระหว่างรอบเดือน
  • ลักษณะของตกขาวจะเหนียวและหนืดในขณะตั้งครรภ์
  • ในขณะที่มีการถูกการกระตุ้นทางเพศจะทำให้ร่างกายหลังสารคัดหลั่งมากขึ้น และหลังจากการมีเพศสัมพันธ์สารคัดหลั่งตกขาวจะมากขึ้น
  • การตกขาวจะมากขึ้นเมื่อร่างกายอยูในภาวะวิตกกังวล

จากลักษณะของตกขาว ดังที่กล่าวมานี้ เป็นลักษณะของการตกขาวที่เป็นปรกติ ซึ่งการสังเกตุอาการของการตกขาวที่ผิดปรกตินั้น สามารถสังเกตุได้อย่างไร ต้องดูที่สาเหตุของการเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ

ลักษณะของตกขาว

สารคักหลังที่ออกมาจากอัวยวะเพศของสตรีนั้น มีลักษณะแตกต่างกันออกไป เรามาทำความรู้จักกับ สีของสารคักหลัง ว่า สีของสารคักหลั่งที่ออกมานั้น เกิดขึ้นจากอะไรบ้าง

  • ตกขาวลักษณะเป็นเมือกใส การตกขาวจะมีปริมาณมาก ลักษณะเหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ถือว่าเป็นอาการตกขาวปกติ สามารถหายได้เอง หากมีอาการคันและเป็นฟอง อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ช่องคลอดหรือช่องคลอดอักเสบ
  • ตกขาวลักษณะสีเทา เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ลักษณะ สีขาวปนเทาอ่อน มีกลิ่นเหม็น คล้ายกลิ่นคาวปลา เป็นลักษณะของการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
  • ตกขาวลักษณะเป็นก้อนสีขาว เกิดจากการติดเชื้อรา ลักษณะเป็นก้อนคล้ายนมบูด สีขาวข้นหรือสีเหลือง จะมีกลิ่นเหม็นอับ  และมีอาการแสบคันที่ช่องคลอดร่วม
  • ตกขาวลักษณะมีสีเหลือง การที่สารคัดหลั่งมีสีเหลืองเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อรา การติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด
  • ตกขาวมีลักษณะสีเขียว เกิดจากการติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด เป็นการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ อาการคัน แสบและเจ็บที่ช่องคลอด สามารถพบได้จากสาเหตุนี้ สารคักหลั่งมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เป็นฟอง
  • ตกขาวมีลักษณะสีน้ําตาล เป็นอาการมีเลือดปนในสารคัดหลั่ง อาจเกิดจากการติดเชื้อที่ปากมดลูกหรือช่องคลอด ทำให้มีตกขาวปริมาณมาก มีกลิ่นเหม็น อาจมีเลือดเก่าปน ทำให้สารคักหลั่งเป็นสีน้ำตาล
  • ตกขาวสีชมพู พบได้บ่อยในสตรีหลังคลอดบุตร เนื่องจากการลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก

สาเหตุของตกขาวผิดปรกติ

อาการตกขาวผิดปกติ นั้นเรียก Pathologic vaginal discharge ภาวะการตกขาวผิดปรกติ นั้น เกิดขึ้นได้จากสาเหตุต่างๆ คือ การติดเชื้อ การมีเนื้องอกที่อวัยวะเพศ และ การมีสิ่งแปลงปลอมในอวัยวะเพศ โดยรายละเอียดของการตกขาวผิดปรกติ มีรายละเอียด ดังนี้

  • การตกขาวผิดปรกติที่เกิดจากการติดเชื้อ นั้นเกิดจากการติดเชื้อหลายลัษณะ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ได้แก่
    • เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เรียก Bacterial vaginosis สาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ เราพบว่าเป็นสาเหตุมากที่สุดถึง ร้อยละ 50 ของการเกิดการตกขาวผิดปรกติ โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น พฤติกรรมชอบล้างอวัยวะเพศแบบสวนช่องคลอด การใช้ห่วงอนามันในการคุมกำเนิด การกินยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน การติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์  นนอกจากนั้น สาเหตุอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือการกินอาหารประเภทหมักดอง เป็นต้น
    • เกิดจาดเชื้อรา สำหรับสาเหตุของการตกขาวจากการติดเชื้อรา พบประมาณ ร้อยละ 25 ของผู้ป่วยอาการตกขาวผิดปรกติ เชื้อราที่พบ คือ Candida albicans การตกขาวผิดปรกติจากเชื้อรา จะมีลักษณะสารคัดหลั่ง เป็นสีเหลืองปน มีก้อนคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็นอับ แต่ไม่พบกลิ่นคาว ซึ่งผลกระทบที่พบ คือ จะแสบหรือคันที่ช่องคลอด หรือ เวลาปัสสาวะจะมีอาการแสบและขัด สาเหตุของการติดเชื้อรา เช่น การอยู่ในที่อับชื้นเป็นเวลานาน การใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด การใช้ยากลุ่มยาสเตียรอยด์ การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด โรคเบาหวาน และความเครียด เป็นต้น
    • การติดเชื้อทริโคโมแนส หรือ เชื้อพยาธิในช่องคลอด เรียกว่า Trichomoniasis เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกโปรโตซัว ชนิดหนึ่ง เราเรียกว่า ทริโคโมแนส วาจินาลิส ( Trichomonas vaginalis ) เราพบว่ามีผุ้เกิดภาวะตกขาวผิดปรกติจากสาเหตุนี้ ร้อยละ 25 ของผู้ป่วยทั้งหมด ลักษณะความผิดปรกจะพบว่า มีอาการคัน แสบ และเจ็บที่อวัยวะเพศ ลักษณะของสารคัดหลั่ง จะมีสีเหลืองหรือสีเขียว มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว และมีลักษณะเป็นฟอ
    • เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของการตกขาว คือ เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ ( Herpes simplex ) เกิดจากการติดเชื้อโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ อาการพบว่าจะมีอาการแสบที่อวัยวะเพศ ลักษณะสารคักหลั่ง เป็นสีเหลือง
    • เกิดจากเชื้อบัคเตรี ชนิดอื่น ๆ เช่น เชื้อสแตฟีโลค็อกคัส ( Staphylococcus ) สเตรปโตค็อกคัส ( Streptococcus ) เป็นต้น
    • การติดเชื้อวัณโรค
  • การตกขาวผิดปรกติจากเนื้องอกที่อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง การเกิดเนื้องอก เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งของอวัยวะเพศหญิง เป็นสาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ
  • การตกขาวผิดปรกติจากการมีสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด การที่ผนังของช่องคลอดมีสิ่งระคายเคือง ทำให้เกิดการตกขาวเพิ่มขึ้น และสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้จะส่งกลิ่นเหม็นด้วย ตัวอย่างสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้ตกขาวจากสาเหตุนี้ เช่น เศษกระดาษ เศษลูกโป่ง ผ้าอนามัยชนิดสอด กระดาษชำระ สำลี เศษยาง ถุงยางอนามัย หรือ อุปกรณ์ทางเพศ

การมีตกขาวนั้น จักว่าเป็นเรื่องปรกติของผู้หญิง แต่การที่สารคัดหลั่งเกิดความผิดปรกติ นั้น เป็นสาเหตุของหลายปัจจัย แต่หากไม่สังเกตุลักษณะการตกขาวที่ผิดปรกติ จะทำให้เป็นอันตรายหากไม่รักษา

อาการตกขาวผิดปรกติ

การตกขาวที่ผิดปกตินั้น มีอาการและลักษณะของสารคัดหลั่ง ที่สามารถสังเกตุได้ ดังนี้

  • เกิดสารคักหลั่งมากขึ้นผิดปรกติ
  • สารคักหลั่งตกขาว นั้นมีกลิ่นเหม็น คล้ายปลาเน่า และมีกลิ่นคาวมาก
  • ลักษณะของสารคัดหลั่งมีลักษณะผิดปรกติ เช่น มีสีเหลือง สีเขียว หรือมีลักษณะข้น หรือจับตัวเป็นก้อน มีปนหนอง มีเลือดปนหรือมีลักษณะเป็นฟอง
  • เกิดการตกขาวติดต่อกันกว่า 14 วัน
  • เกิดความผิดปรกติอื่นร่วมกับการตกขาวผิดปรกติ เช่น คันบริเวณปากช่องคลอด มีอาการแสบที่ปากช่องคลอด มีแผลบริเวณอวัยวะเพศ ปวดท้องน้อย มีไข้ ขัดเบา เจ็บอวัยวะเพศ แสบเวลาปัสสาวะ เป็นต้น

วิธีรักษาอาการตกขาวผิดปรกติ

การรรักษาอาการตกขาวผิดปรกตินั้น ต้องรักษาสาาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ และในปัจจุบันสามารถรักษาสาเหตุของการเกิดการตกขาวผิดปรกติ จากการติดเชื้อ ได้ โดยหากพบว่า เกิดการตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือ เชื้อโปรโตซัว สามารถใช้ยาในการรักษาได้ ซึ่งการใช้ยาในการรักษานั้น ให้อยู่ในคำสั่งของแพทย์

การดูแลตัวเองเมื่อเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ

เมื่อเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้

  • ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบและไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
  • รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของความอับชื้น
  • งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหาย ถ้าจำเป็นควรให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยด้วยทุกครั้ง
  • ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในขณะรับการรักษา เพราะอาจมีผลกับยาที่รักษาทำให้ไม่สบาย ปวดเมื่อยตัว หน้าแดง หรือใจสั่นได้
  • ไม่ควรรักษาด้วยตนเอง เพราะสาเหตุที่ทำให้ตกขาวผิดปกตินั้นมีได้หลากหลาย ซึ่งการซื้อยามารับประทานเองอาจทำให้ไม่หายเพราะใช้ยาไม่ตรงกับโรค อาจทำให้มีโรคอื่นแทรกซ้อนตามมา และอาจเป็นสาเหตุให้กลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรังจากเชื้อดื้อยาได้ (การใช้ยาทุกชนิดควรอยู่ภายใต้คำแนะของแพทย์หรือเภสัชกร)
  • อาการตกขาวผิดปกติมักเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาทั้งผู้ป่วยและคู่นอนไปด้วยพร้อม ๆ กัน นอกจากนั้นอาการตกขาวผิดปกติยังอาจเกิดได้จากโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการไปพบแพทย์ตั้งแต่แรกจะช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และให้ผลในการรักษาที่ดีกว่าการพบโรคในระยะรุนแรงที่มีอาการมากแล้ว
  • ตกขาวผิดปกติที่เกิดจากการติดเชื้อ ถึงแม้จะได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว แต่ถ้ากลับไปติดเชื้ออีกก็จะมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก ส่วนในรายที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น ผลการรักษามักจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็ง
  • ในรายที่เป็นโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อก็ต้องรักษาหรือควบคุมโรคให้ดี เช่น โรคเบาหวาน

การป้องกันการเกิดอาการตกขาวผิดปรกติ

สำหรับอาการตกขาวผิดปรกติ นั้น สามารถป้องกันการเกิดได้ โดยข้อแนะนำในการป้องกันการเกิดการตกขาวผิดปรกติ มีดังนี้

  • ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานๆ ถ้าหากไม่มีความจำเป็น
  • ควรรบประทานอาหารที่สดใหม่และมีคุณภาพ ดื่มน้ำให้เยอะๆ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอและที่สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ให้ล้างอวัยวะเพศก่อนทุกครั้ง
  • ไม่ควรใส่กางกางที่มีขนาดเล็กกว่าไซต์ตัวเองหรือรัดเกินไป
  • ต้องดูแลอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอ และอย่าให้อับชื้น
  • ให้คุณเช็ดก้นจากหน้า
  • ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดเพราะช่องคลอดสะอาดอยู่แล้ว

ตกขาว คือ สารคัดหลั่งที่อวัยวะเพศของสตรี ลักษณะของการตกขาวผิดปรกติเป็นอย่างไร ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีแดง ตกขาวสีเขียว เกิดจากสาเหตุอะไร การรักษาอาการตกขาวผิดปรกติต้องทำอย่างไร และ ข้อแนะนำในการป้องกันการตกขาวผิดปรกติ


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove