ชมจันทร์ ( Moonflower ) สมุนไพร มีสารต้านอนุมูลอิสระ สรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ บำรุงสมอง บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง ขับปัสสาวะ คุณค่าทางโภชนาการเป็นอย่างไร

ชมจันทร์ สมุนไพร สรรพคุณของชมจันทร์

ดอกชมจันทร์ หรือ ดอกพระจันทร์ ภาษาอังกฤษ เรียก Moonflower มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ipomoea alba L. ต้นชมจันทรมีถิ่นกำเนิดที่ทวีปอเมริกากลางและทวีปอเมริกาใต้ แต่สามารถปลูกได้ในประเทศเขตร้อน ดอกชมจันทร์ เป็นไม้ประดับ ที่มีดอกสวยงามซึ่งมีลักษณะเป็นดอกเดี่ยวสีขาว มีกลิ่นหอม และจะบานในเวลากลางคืนตั้งแต่ช่วงประมาณหัวค่ำเป็นต้นไป และนี่จึงเป็นที่มาของเหล่าชื่อของดอกไม้ชนิดนี้นั่นเอง โดยในต่างประเทศจะนิยมปลูกดอกชมจันทร์เพื่อใช้เป็นไม้ประดับ แต่สำหรับในประเทศไทยกลับปลูกกันมากเพื่อใช้เป็นอาหาร เพราะดอกชมจันทร์นั้นสามารถใช้ทำอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นต้ม ผัด แกง ทอด เดี๋ยวนี้ตามร้านอาหารก็นำดอกชมจันทร์มาเป็นเมนูอาหารกันมากขึ้น

ต้นชมจันทร์ เป็นพืช ชนิดไม้เลื้อย ลักษณะของต้นและใบคล้ายกับต้นมอร์นิ่งกลอรี ใบมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ ใบมีสีเขียว ดอกชมจันทร์จะมีสีขาวและมีกลิ่นหอม ผลของต้นชมจันทร์ จะคล้ายดอกบัวตูมที่มีขนาดเล็ก

ลักษณะของต้นชมจันทร์

ลำต้นเป็นเถา ไม่มีขน ลำต้นมียางใส ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปหัวใจ กว้าง 5-13 เซนติเมตร ยาว 8-17 เซนติเมตร ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม โคนใบเว้าลึก ก้านใบเรียว ยาว 5-18 เซนติเมตร ดอกสีขาว กลิ่นหอม บานตอนเช้าและพลบค่ำ ออกตามง่ามใบเป็นดอกเดี่ยว ๆ หรือเป็นช่อ 2-5 ดอก เมื่อบานเต็มที่ กว้าง 10-13 เซนติเมตร ก้านช่อดอกยาว 1-20 เซนติเมตร

คุณค่าทางโภชนาการของดอกชมจันทร์

จากการศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของดอกชมจันทร์ ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 34.91 กิโลแคลอรี และ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย วิตามินบี 1 0.04 มิลลิกรัม แคลเซียม 22.74 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 0.05 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 34.42 มิลลิกรัม วิตามินบี 3 1.25 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.05 มิลลิกรัม วิตามินซี 0.09 มิลลิกรัม วิตามินเอ 136.11 มิลลิกรัม โคเอนไซม์คิว 0.28 มิลลิกรัมมีสารต้านอนุมูลอิสระ

สรรพคุณของต้นชมจันทร์

เรานิยมนำดอกของชมจันทร์มาใช้ประโยชน์ ซึ่งดอกชมจันทร์ มีสรรพคุณ เป็นยาเย็น มีฤทธิ์ เป็นยาระบายอ่อนๆ มีไขมันต่ำ วิตามินบี ช่วยบำรุงสมอง ช่วยให้ความจำดี และวิตามินซีในดอกชมจันทร์ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ใช้เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย และป้องกันมะเร็ง ดอกชมจันทร์ สามารถใช้ แก้ร้อนใน บำรุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันโรคดีซ่าน ขับปัสสาวะ และบรรเทาริดสีดวงทวาร ส่วน เกสรของดอกชมจันทร์ สามารถช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้ผ่อนคลาย มีฤทธิ์เป็นยานอนหลับอ่อนๆ

ประโยชน์ดอกชมจันทร์

ต้นชมจันทร์มีดอกสีขาวสวยงาม บานในเวลาตอนกลางคืน และกลิ่นหอม ในต่างประเทศ เช่นยุโรปและสหรัฐอเมริกาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ แต่บางพื้นที่ของประเทศไทย เช่น ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มมีการนำดอกมารับประทานเป็นอาหาร โดยใช้ดอกตูมมาผัดกับน้ำมันหอย หรือลวกจิ้มกับน้ำพริก จากผลการวิเคราะห์พบสรรพคุณดอกชมจันทร์ ดังนี้

  • ดอกชมจันทร์ เป็นผักที่ไขมันต่ำและมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
  • ดอกชมจันทร์ มีธาตุเหล็ก ฟอสฟอรัส และยังประกอบด้วยวิตามินต่าง ๆ ได้แก่ วิตามินบี เป็นต้น ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • ดอกชมจันทร์ มีสรรพคุณแก้ร้อนใน บำรุงเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง ป้องกันโรคดีซ่าน ขับปัสสาวะ และบรรเทาริดสีดวงทวาร ขณะที่เกสรดอกชมจันทร์มีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาท ช่วยให้ผ่อนคลายทำให้สดชื่น และมีฤทธิ์เป็นยานอนหลับอ่อน ๆ จึงช่วยให้หลับสบาย

ต้นชมจันทร์ เป็นพืชที่ปลูกได้ไม่ยาก เจริญเติบโตง่าย แถมยังมีแมลงมารบกวนน้อยมาก จึงไม่ต้องพึ่งพาการใช้สารเคมีใดๆ เลยก็ได้ ทำให้ไม่ว่าจะนำมาใช้ประโยชน์ในด้านไหนก็รู้สึกถึงได้ความปลอดภัย โดยเฉพาะการใช้เป็นยาสมุนไพรป้องกันและรักษาโรคต่างๆ นั้น ดอกชมจันทร์สามารถให้สรรพคุณและประโยชน์ที่เต็มร้อยแน่นอน

ผักกระเฉด ( Water mimosa ) สมุนไพร นิยมนำมาทำอาหารรับประทาน ลักษณะของผักกระเฉดเป็นอย่างไร สรรพคุณบำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสายตา ผักกระเฉดเจริญเติมโตได้ในน้ำ

ผักกระเฉด ผัก สมุนไพร สรรพคุณของกระเฉด

ผักกระเฉด ( Water mimosa ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของกระเฉด คือ Neptumia oleracea Lour. FL. พืชผัก สมุนไพร สรรพคุณของกระเฉด บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสายตา ผักกระเฉดเจริญเติมโตได้ในน้ำ มีรากแตกเป็นกระจุกตามข้อ ปล้องแก่มีนวมเหมือนฟองน้ำ เรียกว่า “ นมกระเฉด ” หุ้มอยู่ตามปล้องกระเฉด มีคุณสมบัติทำให้ต้นลอยน้ำ ผักกระเฉด ผักพื้นบ้านที่รู้จักกันดี นิยมนำมาทำอาหารรับประทาน

ต้นกระเฉด ภาษาอังกฤษ เรียก Water mimosa มีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Neptumia oleracea Lour. FL. ชื่ออื่นๆ ของผักกระเฉด เช่น ผักหละหนอง ผักหนอง ผักรู้นอน ผัดฉีด ผักกระเสดน้ำ

ผักกระเฉด เป็นพืชไม้เลื้อย หากอยู่บนดินจะเป็นพืชคลุมดิน เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับผักบุ้ง เป็นพืชพื้นเมืองของไทยผักกะเฉดสามารถเจริญเติบโตได้ดีทั้งในน้ำและบนดิน รากของผักกระเฉดจะขึ้นตามข้อ เหมือน “หนวด” ใบของผักกระเฉด เป็นลักษณะเหมือนขนนกและออกตามข้อ ขอบใบจะเป็นสีม่วง ดอกและผลของผักกระเฉดจะออกดอกเป็นช่อลักษณะกลมสีเหลืองตามซอกใบ ผลของผักกระเฉดจะออกเป็นฝักลักษณะโค้งงอ มีเมล็ดอยู่ด้านในฝัก

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

  • ลำต้นผักกระเฉด จะขึ้นและเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีน้ำขัง เลื้อยยาวลอยบนน้ำ ลำต้นมีลักษณะกลม และเรียวยาว เป็นปล้อง ภายในตัน ไม่เป็นรูกลวง แต่ละปล้องมีนวมหุ้มสีขาว ที่เรียกว่า “นม” โดยหุ้มปล้องเว้นช่วงที่เป็นข้อของปล้อง นมสีขาวนี้ทำหน้าที่ช่วยพยุงลำต้นผักกระเฉดให้ลอยน้ำได้
  • รากผักกระเฉดเป็นรากฝอย แทงออกตามข้อจำนวนมาก โคนรากมีปมของเชื้อแบคทีเรียไรโซเบียมเหมือนรากของพืชตระกูลถั่วบนบก
  • ใบผักกระเฉด เป็นใบประกอบ แทงออกบริเวณข้อของลำต้น มีก้านใบหลัก แต่ละก้านใบหลักประกอบด้วยก้านใบย่อย 4-6 ก้าน และแต่ละก้านใบจะมีใบ 15-20 คู่ ใบบนก้านใบย่อยจะมีรูปไข่ ขนาดเล็ก ยาวประมาณ 1 ซม. ใบอ่อนมีสีเขียวอมม่วง หลังจากนั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเขียวสด
  • ดอกผักกระเฉด ออกเป็นช่อสีเหลือง แต่จะมองเห็นเป็นดอกเดี่ยวคล้ายดอกกระถิน ดอกมีก้านดอกยาวประมาณ 15-20 ซม. ตัวดอกกว้างประมาณ 2 ซม. มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ และกลีบดอก 5 กลีบ บนดอกที่มองเห็นจะประกอบด้วยดอกย่อยจำนวนมาก ช่อละ 30-50 ดอก โดยดอกช่วงบนจะเป็นดอกสมบูรณ์เพศ ส่วนดอกช่วงล่างจะเป็นหมัน
  • ผลของผักกระเฉด จะออกเป็นฝักขนาดเล็ก ฝักมีลักษณะแบนยาว ฝักยาวประมาณ 2.5 ซม. ภายในฝักมีเมล็ด 4-10 เมล็ด เมื่อฝักแก่ ฝักจะปริแตกตามร่องด้านข้างเพื่อปล่อยให้เมล็ดร่วงลงน้ำ

นักโภชนาการพบว่าในผักกระเฉดมี มีวิตามินซีสูงมาก มีแคลเซียม และธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงสายตา ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มร่างกายกันทำงานปรกติ ช่วยบำรุงระบบสืบพันธ์ บำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันภาวะกระดูกพรุน ทำให้กล้ามเนื้อทำงานปรกติ บำรุงเลือด

สรรพคุณทางสมุนไพรของผักกระเฉด

ตามที่กล่าวมาข้างต้น ผักกระเฉดมีวิตามินซี แคลเซียม และธาตุเหล็ก สูง บำรุงสายตา กระดูก และเลือด ได้ดี นอกจากนั้นแล้ว ผักกระเฉดเป็นยาเย็น ช่วยดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ ถอนพิษเบื่อเมา ป้องกันโรคตับอักเสบ ประโยชน์ของผักกระเฉด ประกอบด้วย รายละเอียด ดังนี้

  1. ผักกระเฉดมีวิตามินเอซึ่งเป็นตัวช่วยบำรุงและรักษาสายตาได้เป็นอย่างดี
  2. ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างเป็นปกติ
  3. ผักกระเฉดมีธาตุเหล็ก ซึ่งมีความจำเป็นต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและช่วยป้องกันโรคโลหิตจางได้อีกด้วย
  4. ช่วยเสริมสร้างกระบวนการเผาผลาญสารอาหารให้สร้างเป็นพลังงานให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี
  5. ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคท้องผูก
  6. ช่วยบำรุงร่างกายและดับพิษ
  7. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ
  8. กระเฉดมีฤทธิ์เป็นยาเย็น จึงช่วยดับพิษร้อนได้เป็นอย่างดี
  9. ผักกระเฉดมีสรรพคุณช่วยแก้พิษไข้
  10. ช่วยบรรเทาอาการปวดฟัน ด้วยการนำผักกระเฉดมาตำผสมกับเหล้า แล้วหยอดในบริเวณฟันที่มีอาการปวด
  11. ช่วยขับเสมหะ
  12. ช่วยขับลมในกระเพาะ
  13. ช่วยรักษาโรคกามโรค
  14. ช่วยแก้อาการปวดแสบปวดร้อน
  15. ช่วยถอนพิษยาเบื่อยาเมา
  16. มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคตับอักเสบ
  17. ผักกระเฉดเป็นผักที่เหมาะอย่างมากสำหรับคนธาตุไฟและธาตุดิน ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายเกิดความสมดุลและไม่เจ็บป่วยได้ง่าย
  18. เมนูผักกระเฉด เช่น ยำวุ้นเส้นผักกระเฉด ผัดหมี่กระเฉด เส้นหมี่ผัดกระเฉดกุ้ง ผัดผักกระเฉดไฟแดง ผักกระเฉดผัดน้ำมันหอย ผักกระเฉดทอดไข่สามรส แกงส้มผักกระเฉดปลาช่อนทอด ฯลฯ หรือจะใช้รับประทานสดร่วมกับน้ำพริกก็ได้

ข้อควรระวังในการบริโภคผักกระเฉด

การรับประทานผักกระเฉดควรทำให้สุก ก่อนนำมารับประทาน เพราะมีความเสี่ยงต่อพยาธิตัวอ่อนที่อาจปะปนเข้ามา รวมไปถึง “ไข่ปลิง” ที่ทนความร้อนได้สูงมาก แอดมินไปอ่านเจอมาว่าต้องต้มด้วยความร้อนสูงถึง 500 องศาเซลเซียสและต้องต้มนานเป็นชั่วโมงเลยถึงจะรับประทานได้อย่างปลอดภัย และนอกจากนี้ยังอาจมีสารพิษจากยาฆ่าแมลง “คาร์โบฟูราน” ปลอมปนเข้ามาอีกด้วย ซึ่งสารพิษตัวนี้มีพิษร้ายแรงต่อร่างกายมนุษย์ มีผลต่อระบบประสาทและหัวใจ เป็นสารก่อมะเร็ง และอาจทำให้ระบบสืบพันธุ์ทำงานผิดปกติได้ ซึ่งผักกระเฉดในบ้านเราก็เคยถูกอียูสั่งแบน ห้ามนำเข้าอย่างเด็ดขาดมาแล้วด้วยสาเหตุนี้เอง ถ้าไม่แน่ใจจริงก็รับประทานด้วยวิธีปรุงสุกจะดีกว่ารับประทานแบบประเภทยำ


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove