เลปโตสไปโรซิส leptospirosis โรคฉี่หนู ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียโดยมีหนูเเป็นพาหะนำโรค พบบ่อยในฤดูฝน อาการมีไข้ ปวดหัว ปวดตามตัว ตัวเหลือง ตาเหลือง การรักษาทำอย่างไรโรคฉี่หนู โรคติดเชื้อ โรคเลปโตสไปโลซิส โรคติดต่อ

โรคฉี่หนู หรือ โรคเลปโตสไปโรซิส ภาษาอังกฤษ เรียก leptospirosis คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อโรคจากแบคทีเรียกลุ่ม Leptospira ซึ่งมีสัตว์เป็นภาหะนำโรค เช่น หนู กระรอก แมว หมา หมู กระบือ วัว กวาง เป็นต้น ซึ่งเชื้อโรคอยู่ในฉี่ของสัตว์ โรคนี้เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดในบรรดาโรคติดเชื้อที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยเชื้อแบคทีเรียเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เกิดอาการตับอักเสบ ลักษณะอาการสำคัญของโรคหากมีประวัติการลุยน้ำขังหรือลุยโคลน มีิอาการมีไข้สูงฉับพลัน ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว ปวดน่อง สามารถสงสัยได้ว่าอาจติดเชื้อโรคฉี่หนู ให้เข้ารับการตรวจโรคและรักษาให้ทันท่วงที

บุคคลที่มีความเสี่ยงเกิดโรคฉี่หนู

  • กลุ่มคนที่ทำงานขุดลอกท่อระบายน้ำ
  • กลุ่มคนที่ทำงานเกษตรกรชาวนา ชาวสวน ชาวไร ที่อยู่ในพื้นที่บ่อน้ำ
  • กลุ่มผู้ประสบภัยอยู่ในสภาพแวดล้อมน้ำท่วมขัง

สาเหตุของโรคฉี่หนู 

สำหรับสาเหตุหลักของการติดโรค เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในกลุ่ม Leptospira ที่มีพาหะนำโรค คือ หนู กระรอก แมว หมา หมู กระบือ วัว กวาง ซึ่งเชื้อโรคจะอยู่ที่ไตของสัตว์เมื่อสัตว์ฉี่ออกมากเชื้อโรคจะปะปนในน้ำและโคลน หากคนไปสัมผัสน้ำและโคลนดังกล่าว มีโอกาสได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งการรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายมี 2 ลักษณะ คือ ทางตรงการสัมผัสสัตว์หรือโดนกัด และ ทางอ้อมการสัมผัสน้ำหรือโคลนที่เจือปนปัสสาวะของสััตว์มีเชื้อโรค

อาการของผู้ป่วยโรคฉี่หนู

สำหรับอาการของโรคฉี่หนู หลังจากผู้ป่วยได้รับเชื้อ 2-14 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการ มีไข้ ปวดศีรษะ ตาแดง ปวดตามตัว ตัวเหลือง ตาเหลือง หากไม่ได้รับการรักษา จะเกิด ภาวะไตวาย มีอาการทางสมองและระบบประสาท และ เสียชีวิตในที่สุด ซึ่งลักษณะอาการที่สามารถสังเกตุได้ว่าเป็นความเสี่ยงอาการของโรคฉี่หนู มีดังนี้

  • มีไข้ขึ้นสูง
  • ตาแดงจากภาวะเยื่อบุตาอักเสบ
  • ปวดเมื่อยตามตัว กดเจ็บกล้ามเนื้ออย่างรุนแรงโดยเฉพาะที่น่อง
  • มีเลือดออกแบบต่างๆ โดยเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรง เช่น จุดเลือดออกตามผิวหนัง petichae ผื่นเลือดออก purpuric spot เลือดออกใต้เยื่อบุตา conjunctival haemorrhage หรือเสมหะเป็นเลือด
  • ผื่น อาจจะพบได้หลายแบบ ผื่นแดงราบ ผื่นแดง ผื่นลมพิษ
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งอาการเหลืองมักเกิดวันที่4-6 ของโรค

ระยะของการเกิดโรคฉี่หนู

โรคฉี่หนูสามารถแบ่งระยะการเกิดโรค 2 ระยะ คือ ระยะเชื้อเข้ากระแสเลือด และ ระยะร่างกายสร้างภูมิ หลังจากได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ภายใน 2 สัปดาห์ ผู้ป่วยจะเกิดอาการ ซึ่งแบ่งออกได้เป็นสองระยะ รายละเอียด ดังนี้

  • ระยะเชื้อเข้ากระแสเลือด เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือด ผู้ป่วยจะมีอาการ คือ ปวดหัว บริเวณหน้าผาก หรือ หลังตา ซึ่งบางรายปวดบริเวณขมับทั้งสองข้าง ปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณ น่อง โคนขา กล้ามเนื้อหลัง และ มีไข้สูง ร่วมกับเยื่อบุตาแดง
  • ระยะร่างกายสร้างภูมิ  หลังจากมีไข้ประมาณ 1 สัปดาห์ จะเกิดอาการมีไข้ขึ้นอีกครั้ง และจะมีอาการปวดหัว เบื่ออาหาร เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ ตรวจพบเชื้อในเลือดและน้ำไขสันหลังในระยะ1-2 วันของระยะโรคนี้ ระยะนี้ถ้าเจาะเลือดจะพบภูมิต่อเชื้อเพิ่ม ระยะนี้กินเวลา 4-30 วัน

การรักษาโรคฉี่หนู

สำหรับแนวทางการรักษาโรคฉี่หนูในปัจจุบันสามารถรักษาได้โดยใช้ยาปฏิชีวนะ แต่ต้องเข้ารับการรักษาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งไม่ควรเกิน 4 วันหลังจากมีอาการ การใช้ยาปฏิชีวนะนั้นจะแตกต่างกันไปตามความรุนแรงของอาการ แต่เนื่องจากโรคนี้เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แนะนำให้ผู้ป่วยอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

การป้องกันการเกิดโรคฉี่หนู

สำหรับการป้องกันโรคฉี่หนู สามารถทำได้โดย หลีกเลี่ยงการอยู่ในแหล่งน้ำที่สกปรก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ใส่เครื่องมือป้องกัน เช่น รองเท้าบูท ถุงมือ และให้กำจัดหนูและสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค โดยการป้องกันการเกิดโรคฉี่หนูครับปฏิบัต ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการลุยน้ำ ลุยโคลน หากมีความจำเป็นต้องสวมรองเท้าบู๊ทยางกันน้ำ
  • หากมีบาดแผลที่ขา หรือส่วนที่สามารถสัมผัสน้ำได้ ต้องหาเครื่องป้องกัน
  • รีบล้างเท้าและร่างกายหลังจากสัมผัสน้ำหรือโคลน โดยให้ทำความสะอาดด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง
  • ให้ระมัดระวังการสัมผัสน้ำไม่สะอาด เช่น การกระเด็นเข้าปาก ตา หรือ จมูก
  • รับประทานอาหารที่สะอาด และ ปรุงสุก การเก็บอาหารต้องเก็บให้มิดชิด
  • พยายามลดปริมาณขยะเท่าที่ทำได้ ติดต่อหน่วยงานท้องถิ่น ให้นำขยะไปทำลายให้บ่อยที่สุดเท่าที่ทำได้

เลปโตสไปโรซิส ( leptospirosis ) หรือ โรคฉี่หนู ภาวะติดเชื้อจากแบคทีเรียโดยมีหนูเเป็นพาหะนำโรค พบบ่อยในช่วงฤดูฝน ลักษณะอาการมีไข้ ปวดหัว ปวดตามตัว ตัวเหลือง ตาเหลือง แนวทางการรักษาโรคทำอย่างไร

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร โรค แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยข้อมูลดีๆ เนื้อหาในเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา

Beezab.com source of health knowledge, herbs, diseases, mothers and children, healthy food, yoga and Dhamma.  The content on this page is for educational purposes only. We are not intended to be a substitute for medical advice. Diagnosis of disease or treatment of disease in any way If you are sick, You should consult a doctor.

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของเรา ถุงกระสอบทรัพย์ทวี จำหน่ายถุงกระสอบมีซิบ สำหรับย้ายหอย้ายบ้าน ย้ายสำนักงาน มีสินค้าประกอบด้วย ถุงสายรุ้ง ถุงไนลอน ถุงการ์ตูน และ ถุงล้อลาก

วัณโรค Tuberculosis การติดเชื้อแบคทีเรีย ร้อยละ 80 ติดเชื้อที่ปอด อาการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด เบื่ออาหาร ต้องรับการรักษาอย่างถูกวิธี การป้องกันโรคทำอย่างไรวัณโรค โรคติดต่อ โรคติดเชื้อ โรคทางเดินหายใจ

วัณโรคเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของคนบนโลกสูงสุด 10 อันดับแรก ข้อมูลจากสถิติขององค์กรอนามัยโรค เมื่อปี 2558 ซึ่งสถานการณ์วัณโรคในประเทศไทยไม่ใช่สาเหตุของการเสียชีวิตของคนไทยในลำดับต้นๆ ปัจจุบันวัณโรคเป็นโรคพบบ่อยในกลุ่มผู้ป่วยโรคเอดส์ เนื่องจากภูมิคุ้มกันที่บกพร่องจะทำให้เชื้อวัณโรคสามารถติดได้ง่าย

สาเหตุของการเกิดวัณโรค

วัณโรคเกิดติดเชื้อแบคที่เรียไมโครแบคทีเรียมทูเบอร์คูโลซิส ( Mycobacterium tuberculosis ) เชื้อวัณโรคสามารถเกิดได้ในทุกอวัยวะของร่างกาย แต่ส่วนมากร้อยละ 80 ของผู้ป่วยวัณโรคพบจากการติดเชื้อที่ปอด และ การติดเชื้อที่ปอด สามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆได้ เช่น เยื้อหุ้มปอด ต่อมน้ำเหลือง กระดูกสันหลัง ข้อต่อ ช่องท้อง ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท เป็นต้น

กลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรค

  • ผู้อาศัยร่วมบ้านกับผู้ป่วยวัณโรค
  • ผู้ป่วยเบาหวาน
  • ผู้ติดเชื้อ HIV
  • ผู้สูงอายุ
  • ผู้สูบบุหรี่

อาการของวัณโรค

สำหรับลักษณะการแสดงอาการของวัณโรค เราสามารถแบ่งอาการได้ 2 ลักษณะ คือ อาการของผู้ป่วยติดเชื้อวัณโรค และ อาการของวัณโรคปอด โดยรายละเอียดของโรค มีดังนี้

  • อาการของผู้ป่วยวัณโรค จะมีอาการไข้สูง เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย น้ำหนักลด ครั่นเนื้อครั่นตัว เหงื่อออกกลางคืน เม็ดเลือดขาวจะต่ำลงในผู้ป่วยบางรายจะมีภาวะโลหิตจาง
  • อาการของวัณโรคปอด ลักษณะอาการไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ แต่หากไม่รักษา จะมีอาการอักเสบมมากขึ้น และเชื้อโรคจะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อทำให้มีเสมหะ ไอเป็นเลือด

ระยะของวัณโรค

สำหรับอาการของวัณโรค สามารถแบ่งได้ 2 ระยะ คือ วัณโรคระยะแฝง และ วัณโรคระยะแสดงอาการ เมื่อผู้ป่วยได้รับเชื้อวัณโรค เชื้อโรคนั้นจะพัฒนาตัวเองอย่างช้า ๆ ใช้เวลาหลายวัน โดยอาการในระยะทั้งสองมี ดังนี้

  • วัณโรคระยะแฝง ( Latent TB ) ในระยะนี้ เมื่อผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อโรค จะไม่แสดงอาการให้เห็น แต่หากเชื้อโรคถูกกระตุ้น ก็จะเกิดอาการ ทั้งนี้ผู้ป่วยสามารถตรวจหาเชื้อได้ หากพบว่ามีเชื้อวัณโรคแฝงในร่างกาย แพทย์จะทำการรักษาเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโรค และลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่จะเข้าสู่ในระยะแสดงอาการ
  • วัณโรคระยะแสดงอาการ ( Active TB ) ในระยะนี้จะเกิดอาการต่าง ๆ ที่เห็นได้ชัดเจน เช่น ไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด เจ็บหน้าอก หรือรู้สึกเจ็บเวลาหายใจ อ่อนเพลีย มีไข้สูง หนาวสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน น้ำหนักลด และเบื่ออาหาร

อาการของวัณโรคนั้น จะแสดงอาการที่ปอด แต่เชื้อโรคสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ เช่น ทำให้เกิด วัณโรคกระดูก วัณโรคเยื่อหุ้มสมอง เป็นต้น

การรักษาวัณโรค

สำหรับแนวทางการรักษาวัณโรคในปัจจุบัน มียารักษาโรคที่มีประสิทธิภาพสูงรักษาให้หายขาดได้ แต่มีโอกาสในการเกิดซ้ำได้ แนวทางการรักษาวัณโรค มีดังนี้

  1. รักษาด้วยการใช้ยารักษาโรค ซึ่งมียา 3 ชนิดที่สามารถใช้รักษาวัณโรคได้ แต่ผู้ป่วยต้องทานยาติดต่อกัน 1-2 ปี ตัวยานี้ คือ เสตรพโตไมซิน พาราแอมมิโนซาลิคไซเลทแอซิด และไอโซไนอาซิค
  2. การผ่าตัด ประสาทกระบังลม ให้ปอดได้พักผ่อน การผ่าตัดเป็นสาเหตุให้ปอดที่มีแผลหายเร็วขึ้น กระบังลมก็จะทำงานเป็นปกติอีกครั้ง
  3. การทำนิวโมโทแรกซ์ ( Pneumothorax ) คือ การฉีดอาการเข้าไปในช่องปอดที่อยู่ระหว่างปอดและผนังทรวงอก
  4. การตัดซี่โครงบางส่วนออก เพื่อทำให้ปอดที่ติดเชื้อวัณโรคแฟบลงอย่างถาวร
  5. การพักผ่อนให้มากและทานอาหารที่มีประโยชน์บำรุงร่างกาย เช่น อาหารประเภท นม ไข่ ผลไม้และผักต่างๆ อาหารสมุนไพร อาหารสุขภาพ

การป้องกันวัณโรค

แนวทางการป้องกันการเกิดวัณโรคที่สำคัญ ต้องป้องกันการรับเชื้อโรคจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ซึ่งแนวทางการป้องกันวัณโรค มีดังนี้

  1. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  2. รับการฉีดวัคซีน BCG เพื่อป้องกันการติดเชื้อวัณโรค ซึ่งเป็นวัคซีนสำหรับทารกแรกเกิด
  3. หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค เช่น การส่ำส่อนทางเพศ เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอดส์ เพราะจะทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายเสื่อมลง มีโอกาสที่จะป่วยเป็นวัณโรค จะได้รีบรักษาก่อนที่จะลุกลามมากขึ้น
  4. หากจำเป็นต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคให้สวมหน้ากากอนามัยป้องกันการติดเชื้อโรค

วัณโรค ( Tuberculosis ) โรคติดต่อจากเชื้อแบคทีเรีย ร้อยละ 80 ของผู้ป่วยติดเชื้อที่ปอด อาการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด เบื่ออาหาร ต้องรับการรักษาอย่างถูกวิธี แนทางการรักษาและป้องกันโรค ทำอย่างไร

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร โรค แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยข้อมูลดีๆ เนื้อหาในเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา

Beezab.com source of health knowledge, herbs, diseases, mothers and children, healthy food, yoga and Dhamma.  The content on this page is for educational purposes only. We are not intended to be a substitute for medical advice. Diagnosis of disease or treatment of disease in any way If you are sick, You should consult a doctor.

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของเรา ถุงกระสอบทรัพย์ทวี จำหน่ายถุงกระสอบมีซิบ สำหรับย้ายหอย้ายบ้าน ย้ายสำนักงาน มีสินค้าประกอบด้วย ถุงสายรุ้ง ถุงไนลอน ถุงการ์ตูน และ ถุงล้อลาก


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove