ตกขาว สารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศสตรี ตกขาวผิดปรกติเป็นอย่างไร ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีแดง ตกขาวสีเขียว สาเหตุเกิดจากอะไร แนวทางการรักษาตกขาวผิดปรกติต้องทำอย่างไรตกขาว ตกขาวผิดปรกติ โรคสตรี โรคระบบสืบพันธ์

ตกขาว หรือเรียกอีกอย่างว่า ระดูขาว ภาษาอังกฤษ เรียก Leukorrhea คือ ภาวะการเกิดสารคัดหลั่งที่อวัยวะเพศของสตรี ซึ่งเป็นภาวะปกติของผู้หญิงทุกคน เมื่อสตรีมีการเจริญเติบโตมากขึ้นถึงวัยเจริญพันธุ์ เริ่มมีประจำเดือน การตกขาวจะมีมากขึ้นและมีปริมาณที่พอเหมาะไปจนถึงวัยสูงอายุ แต่อาการตกขาวผิดปรกติ เป็นสิ่งที่น่าตกใจ หากไม่รักษาอาจเกิดมะเร็งปากมดลูกได้

อาการตกขาว ที่ไม่มีอาการผิดปรกตินั้น จะมีลักษณะ คือ เป็นสารคัดหลั่งลักษณะเหลวและใส ไม่มีสี เป็นสีขาวข้น คล้ายกับกาวแป้งเปียก ซึ่งปริมาณของสารคัดหลั่งจะมีปริมาณไม่มากแต่พอที่จะรักษาความชุ่มชื้นในช่องคลอด สารคั้ดหลั่งนี้จะมีกลิ่นจำเพาะ มีภาวะเป็นกรดอ่อนๆ การตกขาวมากกว่าปรกกะตินั้น สามารถสังเกตุได้ ดังนี้

  • ตกขาวจะมีลักษณะข้นเป็นสีขาวในช่วงหลังและก่อนการมีประจำเดือน
  • ตกขาวจะมีลักษณะเหลวและใส ในช่วงระหว่างรอบเดือน
  • ลักษณะของตกขาวจะเหนียวและหนืดในขณะตั้งครรภ์
  • ในขณะที่มีการถูกการกระตุ้นทางเพศจะทำให้ร่างกายหลังสารคัดหลั่งมากขึ้น และหลังจากการมีเพศสัมพันธ์สารคัดหลั่งตกขาวจะมากขึ้น
  • การตกขาวจะมากขึ้นเมื่อร่างกายอยูในภาวะวิตกกังวล

จากลักษณะของตกขาว ดังที่กล่าวมานี้ เป็นลักษณะของการตกขาวที่เป็นปรกติ ซึ่งการสังเกตุอาการของการตกขาวที่ผิดปรกตินั้น สามารถสังเกตุได้อย่างไร ต้องดูที่สาเหตุของการเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ

ลักษณะของตกขาว

สารคักหลังที่ออกมาจากอัวยวะเพศของสตรีนั้น มีลักษณะแตกต่างกันออกไป เรามาทำความรู้จักกับ สีของสารคักหลัง ว่า สีของสารคักหลั่งที่ออกมานั้น เกิดขึ้นจากอะไรบ้าง

  • ตกขาวลักษณะเป็นเมือกใส การตกขาวจะมีปริมาณมาก ลักษณะเหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ถือว่าเป็นอาการตกขาวปกติ สามารถหายได้เอง หากมีอาการคันและเป็นฟอง อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ช่องคลอดหรือช่องคลอดอักเสบ
  • ตกขาวลักษณะสีเทา เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ลักษณะ สีขาวปนเทาอ่อน มีกลิ่นเหม็น คล้ายกลิ่นคาวปลา เป็นลักษณะของการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
  • ตกขาวลักษณะเป็นก้อนสีขาว เกิดจากการติดเชื้อรา ลักษณะเป็นก้อนคล้ายนมบูด สีขาวข้นหรือสีเหลือง จะมีกลิ่นเหม็นอับ  และมีอาการแสบคันที่ช่องคลอดร่วม
  • ตกขาวลักษณะมีสีเหลือง การที่สารคัดหลั่งมีสีเหลืองเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อรา การติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด
  • ตกขาวมีลักษณะสีเขียว เกิดจากการติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด เป็นการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ อาการคัน แสบและเจ็บที่ช่องคลอด สามารถพบได้จากสาเหตุนี้ สารคักหลั่งมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เป็นฟอง
  • ตกขาวมีลักษณะสีน้ําตาล เป็นอาการมีเลือดปนในสารคัดหลั่ง อาจเกิดจากการติดเชื้อที่ปากมดลูกหรือช่องคลอด ทำให้มีตกขาวปริมาณมาก มีกลิ่นเหม็น อาจมีเลือดเก่าปน ทำให้สารคักหลั่งเป็นสีน้ำตาล
  • ตกขาวสีชมพู พบได้บ่อยในสตรีหลังคลอดบุตร เนื่องจากการลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก

สาเหตุของตกขาวผิดปรกติ

อาการตกขาวผิดปกติ นั้นเรียก Pathologic vaginal discharge ภาวะการตกขาวผิดปรกติ นั้น เกิดขึ้นได้จากสาเหตุต่างๆ คือ การติดเชื้อ การมีเนื้องอกที่อวัยวะเพศ และ การมีสิ่งแปลงปลอมในอวัยวะเพศ โดยรายละเอียดของการตกขาวผิดปรกติ มีรายละเอียด ดังนี้

  • การตกขาวผิดปรกติที่เกิดจากการติดเชื้อ นั้นเกิดจากการติดเชื้อหลายลัษณะ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ได้แก่
    • เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เรียก Bacterial vaginosis สาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ เราพบว่าเป็นสาเหตุมากที่สุดถึง ร้อยละ 50 ของการเกิดการตกขาวผิดปรกติ โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น พฤติกรรมชอบล้างอวัยวะเพศแบบสวนช่องคลอด การใช้ห่วงอนามันในการคุมกำเนิด การกินยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน การติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์  นนอกจากนั้น สาเหตุอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือการกินอาหารประเภทหมักดอง เป็นต้น
    • เกิดจาดเชื้อรา สำหรับสาเหตุของการตกขาวจากการติดเชื้อรา พบประมาณ ร้อยละ 25 ของผู้ป่วยอาการตกขาวผิดปรกติ เชื้อราที่พบ คือ Candida albicans การตกขาวผิดปรกติจากเชื้อรา จะมีลักษณะสารคัดหลั่ง เป็นสีเหลืองปน มีก้อนคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็นอับ แต่ไม่พบกลิ่นคาว ซึ่งผลกระทบที่พบ คือ จะแสบหรือคันที่ช่องคลอด หรือ เวลาปัสสาวะจะมีอาการแสบและขัด สาเหตุของการติดเชื้อรา เช่น การอยู่ในที่อับชื้นเป็นเวลานาน การใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด การใช้ยากลุ่มยาสเตียรอยด์ การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด โรคเบาหวาน และความเครียด เป็นต้น
    • การติดเชื้อทริโคโมแนส หรือ เชื้อพยาธิในช่องคลอด เรียกว่า Trichomoniasis เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกโปรโตซัว ชนิดหนึ่ง เราเรียกว่า ทริโคโมแนส วาจินาลิส ( Trichomonas vaginalis ) เราพบว่ามีผุ้เกิดภาวะตกขาวผิดปรกติจากสาเหตุนี้ ร้อยละ 25 ของผู้ป่วยทั้งหมด ลักษณะความผิดปรกจะพบว่า มีอาการคัน แสบ และเจ็บที่อวัยวะเพศ ลักษณะของสารคัดหลั่ง จะมีสีเหลืองหรือสีเขียว มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว และมีลักษณะเป็นฟอ
    • เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของการตกขาว คือ เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ ( Herpes simplex ) เกิดจากการติดเชื้อโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ อาการพบว่าจะมีอาการแสบที่อวัยวะเพศ ลักษณะสารคักหลั่ง เป็นสีเหลือง
    • เกิดจากเชื้อบัคเตรี ชนิดอื่น ๆ เช่น เชื้อสแตฟีโลค็อกคัส ( Staphylococcus ) สเตรปโตค็อกคัส ( Streptococcus ) เป็นต้น
    • การติดเชื้อวัณโรค
  • การตกขาวผิดปรกติจากเนื้องอกที่อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง การเกิดเนื้องอก เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งของอวัยวะเพศหญิง เป็นสาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ
  • การตกขาวผิดปรกติจากการมีสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด การที่ผนังของช่องคลอดมีสิ่งระคายเคือง ทำให้เกิดการตกขาวเพิ่มขึ้น และสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้จะส่งกลิ่นเหม็นด้วย ตัวอย่างสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้ตกขาวจากสาเหตุนี้ เช่น เศษกระดาษ เศษลูกโป่ง ผ้าอนามัยชนิดสอด กระดาษชำระ สำลี เศษยาง ถุงยางอนามัย หรือ อุปกรณ์ทางเพศ

การมีตกขาวนั้น จักว่าเป็นเรื่องปรกติของผู้หญิง แต่การที่สารคัดหลั่งเกิดความผิดปรกติ นั้น เป็นสาเหตุของหลายปัจจัย แต่หากไม่สังเกตุลักษณะการตกขาวที่ผิดปรกติ จะทำให้เป็นอันตรายหากไม่รักษา

อาการตกขาวผิดปรกติ

การตกขาวที่ผิดปกตินั้น มีอาการและลักษณะของสารคัดหลั่ง ที่สามารถสังเกตุได้ ดังนี้

  • เกิดสารคักหลั่งมากขึ้นผิดปรกติ
  • สารคักหลั่งตกขาว นั้นมีกลิ่นเหม็น คล้ายปลาเน่า และมีกลิ่นคาวมาก
  • ลักษณะของสารคัดหลั่งมีลักษณะผิดปรกติ เช่น มีสีเหลือง สีเขียว หรือมีลักษณะข้น หรือจับตัวเป็นก้อน มีปนหนอง มีเลือดปนหรือมีลักษณะเป็นฟอง
  • เกิดการตกขาวติดต่อกันกว่า 14 วัน
  • เกิดความผิดปรกติอื่นร่วมกับการตกขาวผิดปรกติ เช่น คันบริเวณปากช่องคลอด มีอาการแสบที่ปากช่องคลอด มีแผลบริเวณอวัยวะเพศ ปวดท้องน้อย มีไข้ ขัดเบา เจ็บอวัยวะเพศ แสบเวลาปัสสาวะ เป็นต้น

วิธีรักษาอาการตกขาวผิดปรกติ

การรรักษาอาการตกขาวผิดปรกตินั้น ต้องรักษาสาาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ และในปัจจุบันสามารถรักษาสาเหตุของการเกิดการตกขาวผิดปรกติ จากการติดเชื้อ ได้ โดยหากพบว่า เกิดการตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือ เชื้อโปรโตซัว สามารถใช้ยาในการรักษาได้ ซึ่งการใช้ยาในการรักษานั้น ให้อยู่ในคำสั่งของแพทย์

การดูแลตัวเองเมื่อเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ

เมื่อเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้

  • ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบและไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
  • รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของความอับชื้น
  • งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหาย ถ้าจำเป็นควรให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยด้วยทุกครั้ง
  • ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในขณะรับการรักษา เพราะอาจมีผลกับยาที่รักษาทำให้ไม่สบาย ปวดเมื่อยตัว หน้าแดง หรือใจสั่นได้
  • ไม่ควรรักษาด้วยตนเอง เพราะสาเหตุที่ทำให้ตกขาวผิดปกตินั้นมีได้หลากหลาย ซึ่งการซื้อยามารับประทานเองอาจทำให้ไม่หายเพราะใช้ยาไม่ตรงกับโรค อาจทำให้มีโรคอื่นแทรกซ้อนตามมา และอาจเป็นสาเหตุให้กลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรังจากเชื้อดื้อยาได้ (การใช้ยาทุกชนิดควรอยู่ภายใต้คำแนะของแพทย์หรือเภสัชกร)
  • อาการตกขาวผิดปกติมักเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาทั้งผู้ป่วยและคู่นอนไปด้วยพร้อม ๆ กัน นอกจากนั้นอาการตกขาวผิดปกติยังอาจเกิดได้จากโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการไปพบแพทย์ตั้งแต่แรกจะช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และให้ผลในการรักษาที่ดีกว่าการพบโรคในระยะรุนแรงที่มีอาการมากแล้ว
  • ตกขาวผิดปกติที่เกิดจากการติดเชื้อ ถึงแม้จะได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว แต่ถ้ากลับไปติดเชื้ออีกก็จะมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก ส่วนในรายที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น ผลการรักษามักจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็ง
  • ในรายที่เป็นโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อก็ต้องรักษาหรือควบคุมโรคให้ดี เช่น โรคเบาหวาน

การป้องกันการเกิดอาการตกขาวผิดปรกติ

สำหรับอาการตกขาวผิดปรกติ นั้น สามารถป้องกันการเกิดได้ โดยข้อแนะนำในการป้องกันการเกิดการตกขาวผิดปรกติ มีดังนี้

  • ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานๆ ถ้าหากไม่มีความจำเป็น
  • ควรรบประทานอาหารที่สดใหม่และมีคุณภาพ ดื่มน้ำให้เยอะๆ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอและที่สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ให้ล้างอวัยวะเพศก่อนทุกครั้ง
  • ไม่ควรใส่กางกางที่มีขนาดเล็กกว่าไซต์ตัวเองหรือรัดเกินไป
  • ต้องดูแลอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอ และอย่าให้อับชื้น
  • ให้คุณเช็ดก้นจากหน้า
  • ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดเพราะช่องคลอดสะอาดอยู่แล้ว

ตกขาว คือ สารคัดหลั่งที่อวัยวะเพศของสตรี ลักษณะของการตกขาวผิดปรกติเป็นอย่างไร ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีแดง ตกขาวสีเขียว เกิดจากสาเหตุอะไร การรักษาอาการตกขาวผิดปรกติต้องทำอย่างไร และ ข้อแนะนำในการป้องกันการตกขาวผิดปรกติ

สิว รูขุมขนบนใบหน้าอักเสบ ประเภทของสิว มี 3 แบบ สิวอุดตันหัวเปิด สิวอุดตันสิวหัวปิด สิวอักเสบ ล้างหน้าไม่สะอาดเชื้อโรคสะสม แนวทางการรักษาสิวต้องทำอย่างไรสิว รูขุมขนอักเสบ โรคผิวหนัง โรคไม่ติดต่อ

สิว ภาษาอังกฤษ เรียก acnes จัดว่าเป็นโรคผิวหนังอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่พบมากที่สุดในวัยรุ่น และวัยทำงาน สิว นั้นเป็นส่วนหนึ่งของรูขน ผิวหนังปกติของคนเราจะมีขนอยู่ทั่วร่างกาย และมีต่อมไขมันที่รูขุมขน เมื่อต่อมไขมันใต้ผิวหนังเกิดอักเสบ จะทำให้เกิดสิว เป็นลักษณะของตุ่มหนอง มีหลายลักษณะ สิวจัดว่าเป็นปญหาของต่อการดำรงชีวิต ทำให้ใบหน้ามีแผล หากมีมากๆทำให้เสียบุคลิกและความมั่นใจในตนเอง ปัจจุบันมีคลินิกรักษาสิวจำนวนมาก เรามาทำความรู้จักกับสิว ว่า กลไกลการเกิดสิวเป็นอย่างไร ประเภทของสิว อาการของสิว วิธีรักษา และ ข้อแนะนำในการป้องกันสิวทำอย่างไร

กลไกการเกิดสิว

ที่รูขุมขนของผิวหนังนั้นจะมีการสะสมของแบคทีเรียจำนวนมาก หากล้างทำความสะอาดไม่ดี เกิดการสะสมมากขึ้น โดยเฉพาะรูขุมขนที่ใบหน้า ในขณะเดียวกันที่รูขุมขนจะมีต่อมไขมันใต้ผิวหนังอยู่ใกล้ หากต่อมไขมันหลั่งไขมันออกมามาก และเกิดการระบายไขมันไม่ดี ทำให้เกิดการอักเสบ จนเกิดสิวขึ้นมา ลักษณะอาการ คือ เกิดการบวม อักเสบ ในรูขุมขน บวมแดง การแบ่งประเภทของสิวนั้น เราสามารถแบ่งได้หลายลักษณะ คือ แบ่งตามอาการ และ แบ่งตามลักษณะของสิว โดยรายละเอียดดังนี้

ประเภทของสิวแบ่งตามอาการของสิว

สำหรับสิวที่แบ่งตามอาการ นั้น สามารถแยกได้ 2 ประเภท คือ สิวที่อักเสบและสิวที่ไม่อักเสบ โดยรายละเอียด ดังนี้

  1. สิวไม่อักเสบ เรียก non-inflammatory acne ลักษณะของสิว จะเป้น สิวอุดตัน สิวไม่มีหัว สิวคอมีโดน สิวผด สิวเสี้ยน
  2. สิวอักเสบ เรียก inflammatory acne สิวประเภทนี้มีลักษณะเฉพาะ คือ กดเจ็บ บวม แดง เป็นต้น

ประเภทของสิวแบ่งตามลักษณะของสิว

ลักษณะของสิวที่แตกต่างกันออกไป สามารถแบ่งได้ 3 ลักษณะ คือ สิวอุดตันหัวเปิด สิวอุดตันสิวหัวปิด และ สิวอักเสบ

  1. สิวอุดตันหัวเปิด หรือเรียกว่า สิวหัวดำ มองเห็นเป็นจุดสีดำ จุดสีดำเกิดจากน้ำมันที่อัดแน่นอยู่กับเซลล์ผิวเก่า ทำปฏิกิริยา oxidation กับออกซิเจนในอากาศ การรักษาสิวประเภทนี้ ต้องกดออก
  2. สิวอุดตันหัวปิด หรือเรียกว่า สิวหัวขาว สิวเกิดดันผิวหนังจนนูนขึ้น แต่บีบไม่ออก เนื่องจากรากสิวลึก ซึ่งมีโอกาสลุกลามเป็นสิวอักเสบได้
  3. สิวอักเสบ คือ สิวที่เกิดจากการพัฒนาของสิวอุดตัน อาการอักเสบเกิดจากการการติดเชื้อ ผนังรูขุมขนแตกรั่วจากการบีบสิว หรือ ผนังรูขุมขนแตกรั่วจากคอมีโดนที่มีขนาดใหญ่เกินกว่ารูขุมขนจะทนแรงดันได้ ลักษณะเฉพาะของสิวอักเสบ คือ จะบวม แดง และเมื่อกดแล้วจะรู้สึกเจ็บ

ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว

สำหรับปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวนั้นสามารถสรุปสาเหตุได้หลายปัจจัย มีรายละเอียด ดังนี้

  • การติดเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ Propionibacterium acnes
  • อายุ ซึ่งวัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน ใบหน้า มีความมัน มากกว่าปกติ
  • พฤติกรรมการรักษาความสะอาดที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า
  • พฤติกรรมการกิน สำหรับคนที่ชอบกินอาหารที่มีไขมันสูง
  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายเสียสมดุล
  • ความเครียด ซึ่งความเครียดทำให้น้ำมัในร่างกายหลั่งออกมามากว่าปกติ
  • ลักษณะทางพันธุกรรม ที่ส่งผลต่อการเกิดสิวได้ง่ายฅ

อาการสิว

ลักษณะของสิว นั้นจะเกิดความผิดปรกติที่รูขุมขน จะพบว่ามีลักษณะ  บวม แดง อักเสบ กดแล้วปวด ขึ้นมาก บริเวณคาง หน้าผาก
วิตกกังวล ซึมเศร้า ไม่กล้าเข้าสังคม เก็บตัว ไม่มีความมั่นใจในตนเอง สำหรับสิวที่มีอาการอักเสบร่วม พบว่าจะเป็นแผลเป็น มีรอยบุ๋ม เป็นแผลเป็น ผิวหน้าไม่เรียบ

การรักษาสิว

สำหระบการรักษาสิวนั้น ไม่มีทางทำให้สิวหายขาดได้ และ การรักษานั้นก็ไม่มีทางลัด ต้องใช้ความใจเย็นในการรักษา สรุป การรักษาสิวได้ดังนี้

  • ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการรักษาความสะอาด สาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว คือ ใบหน้าสกปรก ทำให้เกิดการอักเสบที่รูขุมขน
  • หมั่นสังเกตความผิดปรกติของผิวหนัง หากพบว่าผิวหนังมีความผิดปรกติ มักจะเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
  • รักษาก่อนบำรุง ในระหว่างการรักษาสิว อย่าเพิ่งคิดบำรุงผิว ต้องรักษาให้หายก่อน เมื่อหายแล้วจึงจะสามารถบำรุงรักษา
  • ลดความมันของใบหน้า ควรล้างหน้าเพื่อเอาความมันลดลง แต่หากหน้ามันมากเกินไป จนไม่สามารถลดได้ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข
  • ล้างหน้าอย่างถูกวิธี เวลาล้างหน้าต้องล้างให้สะอาดไม่ให้เหลือสิ่งสกปรกบนใบหน้า และถ้ามีเหงื่อออกมาก ควร ล้างหน้าด้วย น้ำเปล่าแล้วซับหน้าให้แห้ง
  • ดื่มน้ำมากๆ การดื่มน้ำช่วยทำให้เซลล์ของผิวหนังและร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยกำจัดสารตกค้างออกจากร่างกายได้ดี
  • ลดความเครียด ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งไขมันออกมามากกว่าปรกติทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย การลดความเครียดทำให้ร่างกายไม่หลั่งไขมันออกมามากลดการเกิดสิวได้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอ ส่งผลกับผิวหน้าและผิวพรรณซ่อมแซมตัวเอง
  • หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดกระทบ
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสภาพผิวหนังของเรา
  • หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษซับมัน แล้วหันมาใช้กระดาษทิชชู สำหรับซับน้ำมันส่วนเกินแทน เพราะ กระดาษซับมันนั้น จะทำให้น้ำมันถูกซับออกไปจนหมด ส่งผลทำให้ต่อมไขมัน ผลิตน้ำมันออกมาอีกในปริมารที่มากขึ้น
  • ยาคุมกำเนิด สามารถควบคุมสิว ที่มีสาเหตุจากฮอร์โมนแอนโดรเจน ยาคุมกำเนิดนั้นมีฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrigen) ที่จะเข้าไปกดการทำงานของฮอร์โมนแอนโดรเจน

การป้องกันการเกิดสิว

การป้องกันการเกิดสิวนั้น ต้องป้องกันควบคุมปัจจัยที่เกิดจากปัญหาด้านพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ผิด โดยรายละเอียด ดังนี้

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ โดยนอนไม่เกิน 5 ทุ่ม และให้นอนวันละ 8 ชั่วโมง
  2. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ให้ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว
  3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
  4. ควบคุมเรื่องการกินอาหาร โดยเฉพาะอาหารมัน ขนม แป้งและของหวาน
  5. ลดความเครียด ผ่อนคลาย ลดความกังวล

สิว โรคผิวหนัง ภาวะรูขุมขนอักเสบ ลักษณะของสิว มี 3 แบบ คือ สิวอุดตันหัวเปิด สิวอุดตันสิวหัวปิด สิวอักเสบ สาเหตุของการเกิดสิว มีอะไรบ้าง ประเภทของสิว และแนวทางการรักษาสิว ต้องทำอย่างไร


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove