ซาร์ส ( SARS ) หรือ ไข้หวัดมรณะ ภาวะติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส 2 ชนิด คือ โคโรนาไวรัส และ พาราไมโซไวรัส ทำให้ปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง รักษาอย่างไรซาร์ส SARS ไข้หวัดมรณะ โรคติดต่อ

โรคไข้หวัดมรณะ เราเรียกโรคนี้ว่า ซาร์ส ( SARS ) ซึ่งมาจากคำว่า Severe acute respiratory distress syndrome เป็นภาวะการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง เป็นโรคที่อุบัติใหม่ โดยพบว่ามีการติดเชื้อครั้งแรงที่ประเทศจีนในปี พ.ศ. 2545 จากนั้นจึงมีการระบาดไปยังอีกหลายประเทศทั่วโลก ในการระบาดอย่างหนังในช่วงเวลานั้นสามารถสามารถหยุดได้ในปีต่อ

สถานการณ์โรคซาร์สในปัจจุบัน

องค์การอนามัยโลกได้ประกาศการสิ้นสุดการระบาดของโรคซาร์ส ในช่วงปลายปี พ.ศ.2546 แต่ยังพบว่ามีการติดเชื้อโรคซาร์สอีกครั้งในห้องปฏิบัติการทางจุลชีววิทยาที่ไต้หวันและสิงคโปร์ แต่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ.2547 เกิดการแพร่ระบาดเข้าไปในชุมชนที่ประเทศจีน ซึ่งทางรัฐบาลจีนจึงได้ออกมาตรการห้ามจำหน่าย และ บริโภคเนื้อชะมด และให้ทำลายชะมดกว่า 10,000 ตัว ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบมีการกลับมาแพร่ระบาดของโรคซาร์สอีก

มาตรการควบคุมการระบาดของโรคซาร์ส

เนื่องจากโรคระบาดทางการหายใจเป็นภาวะที่ระบาดของเชื้อโรคอย่างรวดเร็ว การควบคุมการระบาดของโรคซาร์สจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในการลดการระบาด ซึ่งแนวทางการป้องกันการระบาดของโรค ดังนี้

  • ต้องแจ้งสถานการณ์การระบาดของโรค และ ให้ความรู้ความเข้าใจต่อประชาชนในพื้นที่มีการระบาดของโรค
  • หากพบว่ามีคนที่ติดเชื้อโรคจำเป็นต้องสืบสวนเพื่อหาสาเหตุของการติดเชื้อ กลุ่มคนใกล้ชิดที่มีความเสี่ยง รวมถึงสถานที่ต่างๆที่ผู้ป่วยมีการสัมผัส เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  • ต้องคัดแยกผู้ป่วยที่ติดเชื้อออกจากกลุ่มคน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรค

สาเหตุของโรคซาร์ส

โรคซาร์สเกิดจากร่างกายมนุษย์ติดเชื้อไวรัส 2 ชนิด คือ  ไวรัสในกลุ่ม โคโรนาไวรัส และ ไวรัสในกลุ่ม พาราไมโซไวรัส ซึ่งไวรัสเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เกิดอาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ คล้ายอาการของโรคหวัด ซึ่งการแพร์เชื้อและติดต่อของโรคเกิดจากการสัมผัสเชื้อโรคจากคนทีมีเชื้อโรคจากการไอ จาม หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจ การแพร่กระจายจะเร็วมากจากการสูดดมหรือสัมผัสระอองสารคัดหลั่งจากการไอจาม

อาการของผู้ป่วยโรคซาร์ส

เมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะการฟักตัวของโรคภายใน 7 วัน เมื่อถึงระยะแสดงอาการผู้ป่วยจะมีไข้สูงมาก หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร บางคนอาจมีถ่ายอุจจาระเหลว หลังจากนั้นจะมีอาการไอแห้งๆแบบไม่มีเสมหะ หอบเหนื่อย หายใจลำบาก และหากตรวจดูระดับออกซิเจนในเลือดก็จะพบว่ามีค่าลดลง (Hypoxemia) ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง  คือ เกิดภาวะหายใจล้มเหลว ซึ่งอันตรายอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด

ภาวะแทรกซ้อนของโรคซาร์ส

โรคซาร์สเป็นภาวะติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ และไม่มียารักษาโรค ซี่งร่างกายสามารถสร้างภูมิต้านทานโรคได้เองโดยต้องอาศัยเวลาในการปรับตัวของร่างกาย แต่สิ่งสำคัญคือ การป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคซึ่งจะทำให้ความรุนแรงของโรคมากขึ้นจนยากที่จะรักษา ซึ่งภาวะแทรกแซงที่ต้องระวังมีดังนี้

  • ภาวะเลือดมีออกซิเจนน้อย ( Hypoxia ) ระบบการหายใจมีหน้าที่เพิ่มออกซิเจนในเลือด เมื่อเกิดการติดเชื้อที่ทางเดินหายใจทำให้ประสิทธิภาพของปอดลดลง ส่งผลต่อการทำงานของร่างกายทั้งหมด
  • ภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ( Acute respiratory distress syndrome : ARDS ) เมื่อระบบการทำงานประสิทธิภาพลดลง ทำให้การหยุดหายใจอย่างกระทันหัน

การรักษาโรคซาร์ส

สำหรับแนวทางการรักษาโรคซาร์ส ( SARS ) ปัจจุบันยังไม่มียารักษา การรักษาโรคใช้วิธีการประคับประครองตามอาการของโรค เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรค เช่น การให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ยาแก้ไอ ให้น้ำเกลือ ใช้เครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น และให้ผู้ป่วยพักผ่อนให้มากๆ เพื่อให้ร่างกายได้พักฟื้นและรักษาร่างกาย แนวทางต่างๆควรดำเนินการ ดังนี้

  • ผู้ป่วยที่มีอาการหนักจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและแยกผู้ป่วยอย่างรัดกุม
  • ผู้ป่วยที่มีอาการน้อย ต้องแยกตัวอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีการแพร่ระบาดต่อคนอื่นๆ โดยให้แยกกลุ่มเสี่ยงออกจากพื้นที่ เช่น เด็กอ่อน หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว และต้องปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นอย่างเคร่งครัด เช่น การใส่ผ้าปิดปากปิดจมูก ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน รวมถึงแก้วน้ำ จาน ชาม ช้อน ส้อม และแยกทำความสะอาด แยกรับประทาน ส่วนขยะที่เกิดจากผู้ป่วยควรแยกถุงและแยกทิ้งแบบเป็นขยะติดเชื้อ ห้ามให้ผู้ป่วยออกจากบ้าน โดยต้องหยุดงาน หยุดเรียน หยุดทำธุระต่าง ๆ รวมทั้งต้องมีการติดตามอาการและการปฏิบัติตัวจากเจ้าหน้าที่ทุกวัน เช่น การโทรศัพท์สอบถาม

การป้องกันโรคไข้หวัดมรณะSARS )

สำหรับโรคซาร์ส เป็นภาวะการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ และไม่มียารักษาโรค ถึงแม้ว่าร่างกายจะสามารถสร้างภูมิต้านทานโรคได้เอง็ตาม แต่ภาวะการติดเชื้อหากร่างกายอ่อนแอก็เป็นอันตรายต่อชีวิตได้ แนวทางการป้องกันโรคเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในการลดความสี่ยงการเกิดโรค แนวทางการป้องกันโรค มีดังนี้

  1. ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคซาร์สจะต้องมีการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายของโรคอย่างเข้มงวด
  2. แพทย์และพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยซาร์สจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เช่น สวมถุงมือ ใส่เสื้อกาวน์ ใส่แว่นตาป้องกันการติดเชื้อ หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ เป็นต้น
  3. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศหรือเขตพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคซาร์ส
  4. ดูแลสุขภาพร่างกายทั่วไปให้แข็งแรง โดยการหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
  5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  7. งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร โรค แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยข้อมูลดีๆ เนื้อหาในเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา

Beezab.com source of health knowledge, herbs, diseases, mothers and children, healthy food, yoga and Dhamma.  The content on this page is for educational purposes only. We are not intended to be a substitute for medical advice. Diagnosis of disease or treatment of disease in any way If you are sick, You should consult a doctor.

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของเรา ถุงกระสอบทรัพย์ทวี จำหน่ายถุงกระสอบมีซิบ สำหรับย้ายหอย้ายบ้าน ย้ายสำนักงาน มีสินค้าประกอบด้วย ถุงสายรุ้ง ถุงไนลอน ถุงการ์ตูน และ ถุงล้อลาก

โรคซาร์ส SARS ไข้หวัดมรณะ เกิดจากเชื้อไวรัส 2 ชนิด คือ โคโรนาไวรัส และ พาราไมโซไวรัส ทำให้ปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง พบครั้งแรกที่ประเทศจีน ยังไม่มียารักษาโรค

โรคซาร์ส ปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง โรคทางเดินหายใจ โรคติดต่อ
ซาร์ส หรือ SARS ย่อมาจาก Severe acute respiratory distress syndrome หรือบางคนเรียกว่า กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง คือ โรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัส ชื่อ SARS coronavirus โดยผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการทางระบบหายใจ ซึ่งอาจรุนแรงจนมีโอกาสเสียชีวิตได้สูง เป็นโรคที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ โดยเกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศจีนในปี พ.ศ. 2545 ติดต่อกันได้ง่าย จึงทำให้เกิดการระบาดไปยังอีกหลายประเทศทั่วโลก องค์การอนามัยโลกร่วม กับองค์การต่างๆ จึงได้พยายามควบคุมโรค และสามารถหยุดการระบาดได้ในปีต่อมาคือ พ.ศ.2546 ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่พบการระบาดขึ้นมาอีก

สถานการณ์โรคซาร์สในปัจจุบัน

หลังจากวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2546 ที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศสิ้นสุดการระบาดของโรคซาร์ส ในช่วงปลายปี พ.ศ.2546 พบการติดเชื้อโรคซาร์สอีกครั้ง ในห้องปฏิบัติการทางจุลชีววิทยาที่ไต้หวันและสิงคโปร์ แต่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ.2547 เกิดการแพร่ระบาดเข้าไปในชุมชนที่ประเทศจีน ซึ่งทางรัฐบาลจีนจึงได้ออกมาตรการห้ามจำหน่าย และ บริโภคเนื้อชะมด และให้ทำลายชะมดกว่า 10,000 ตัว ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบมีการกลับมาแพร่ระบาดของโรคซาร์สอีก

สาเหตุของการเกิดโรคซาร์ส

สาเหตุของโรคไข้หวัดมรณะ (SARSโรคซาร์สนี้ เกิดจากเชื้อไวรัส 2 ชนิด คือ  ไวรัสในกลุ่ม “โคโรนาไวรัส” และ ไวรัสอยู่ในกลุ่ม “พาราไมโซไวรัส” สาเหตุของโรคซาร์ส ได้ถูกค้นพบในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2546 จากการนำเนื้อเยื่อของผู้ป่วยไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ทำให้ทราบว่าสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส และการตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสทำให้ทราบว่าเป็นไวรัสที่อยู่ในกลุ่มที่ชื่อว่า Coronaviridae ซึ่งไวรัสที่อยู่ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะทำให้เกิดเป็นโรคหวัด หรืออาการทางระบบหายใจส่วนล่าง (ปอด และหลอดลม) ได้ แต่มักไม่รุนแรง สำหรับไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคซาร์สนี้ได้ถูกตั้งชื่อว่า SARS coronavirus (SARS-CoV)

อาการของผู้ป่วยโรคซาร์ส

โรคนี้ มีระยะของการเกิดโรคที่ ภายใน 7 วัน หลังจากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ผู้ป่วยจะมีอาการ มีไข้สูงมาก หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร บางคนอาจมีถ่ายอุจจาระเหลว แล้วจะตามมาด้วยอาการไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ หอบเหนื่อย หายใจลำบาก และหากตรวจดูระดับออกซิเจนในเลือดก็จะพบว่ามีค่าลดลง (Hypoxemia) ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง คือเกิดภาวะหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ในที่สุด

ภาวะแทรกซ้อนของโรคซาร์ส

  • ประมาณร้อยละ 10 ถึง 20 ของผู้ป่วย ที่อยู่ในโรงพยาบาล จะมีภาวะเลือดมีออกซิเจนน้อย (Hypoxia) และจำเป็นต้องใส่ท่อและเครื่องช่วยหายใจ
  • ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ได้แก่ ภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute respiratory distress syndrome : ARDS) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่สำคัญ
  • สำหรับผู้ป่วยที่รอดชีวิต ในบางรายอาจพบว่า หากทดสอบการทำงานของปอดอาจยังมีผิดปกติบ้าง หรือหากเอกซเรย์ปอดยังพบความผิดปกติเล็กน้อย อยู่ได้นานถึงประมาณ 12 เดือน

การรักษาโรคซาร์ส

การรักษาโรคไข้หวัดมรณะ SARS ) หากพบว่าผู้ป่วยต้องสงสัยว่าจะป่วยเป็นไข้หวัดมรณะ ต้องรีบรับนำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อควบคุมาการระบาดของโรคและเฝ้าติดตามอาการ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้ และไม่มีคำแนะนำที่แน่นอนในการเลือกใช้ยาสำหรับการรักษาโรคนี้ เพราะยังไม่มียาที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสซาร์สได้ การรักษาจึงทำได้เพียงการประคับประคองตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้แก้ปวด ให้ยาแก้ไอ ให้น้ำเกลือ ใช้เครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น

  • ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก หรือเป็นผู้สูงอายุ หรือมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ (เช่น มีโรคประจำตัว) จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและแยกผู้ป่วยอย่างรัดกุม
  • ผู้ป่วยที่มีอาการน้อย ร่างกายแข็งแรง อาจทำการแยกตัวโดยให้อยู่ที่บ้านได้ แต่ภายในบ้านต้องไม่มีเด็กอ่อน หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมทั้งต้องมีห้องน้ำและห้องนอนแยกเป็นส่วนตัว และต้องปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นอย่างเคร่งครัด เช่น การใส่ผ้าปิดปากปิดจมูก ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน รวมถึงแก้วน้ำ จาน ชาม ช้อน ส้อม และแยกทำความสะอาด แยกรับประทาน ส่วนขยะที่เกิดจากผู้ป่วยควรแยกถุงและแยกทิ้งแบบเป็นขยะติดเชื้อ ห้ามให้ผู้ป่วยออกจากบ้าน โดยต้องหยุดงาน หยุดเรียน หยุดทำธุระต่าง ๆ รวมทั้งต้องมีการติดตามอาการและการปฏิบัติตัวจากเจ้าหน้าที่ทุกวัน เช่น การโทรศัพท์สอบถาม
  • เมื่ออาการต่าง ๆ ทั้งไข้ ไอ หายใจหอบ หรืออื่น ๆ หายสนิทไปแล้วจนครบ 10 วัน ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำงาน ไปเรียน และใช้ชีวิตตามปกติได้โดยไม่ต้องแยกห้อง

การป้องกันโรคไข้หวัดมรณะSARS )

ต้องปิดปากและจมูก สวมหน้ากากป้องกัน เชื้อโรคเช้าสู่ร่างกาย ดูแลสุขอนามัย ให้สะอาด ไม่ให้มีเชื้อโรค ในพื้นที่ที่มีการระบาดก็ได้มีการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายของโรคอย่างเข้ม งวด โดยมาตรการสำคัญคือ การแยกผู้ป่วยและผู้ที่มีประวัติสัมผัสโรค ในบางพื้นที่ต้องมีการสั่งปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยนานนับเดือน รวมถึงโรงพยาบาลอีกหลายแห่งด้วย

  1. ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคซาร์สจะต้องมีการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายของโรคอย่างเข้มงวด
  2. แพทย์และพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยซาร์สจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เช่น สวมถุงมือ ใส่เสื้อกาวน์ ใส่แว่นตาป้องกันการติดเชื้อ หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ เป็นต้น
  3. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศหรือเขตพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคซาร์ส
  4. ดูแลสุขภาพร่างกายทั่วไปให้แข็งแรง โดยการหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
  5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  7. งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

โรคซาร์ส ( SARS ) ไข้หวัดมรณะ โรคติดต่อเกิดจากการติดเชื้อไวรัส 2 ชนิด คือ โคโรนาไวรัส และ พาราไมโซไวรัส ทำให้ปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง โรคติดเชื้อ พบครั้งแรกที่ประเทศจีน แพร่ระบาด ฮ่องกง เวียดนาม สิงคโปร์ แคนาดา สหรัฐ ฝรั่งเศส อังกฤษ ไต้หวัน และ เยอรมนี


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove