นิ่วที่ถุงน้ำดี เรียกหลายชื่อ นิ่วน้ำดี เกิดก้อนิ่วขนาดเล็กจำนวนมากที่ถุงน้ำดี ทำให้ปวดท้อง ท้องอืดง่าย เจ็บที่ลิ้นปี่และชายโครงขาว ตัวเหลือง ตาเหลืองนิ่วถุงน้ำดี นิ่วในถุงน้ำดี นิ่วที่ถุงน้ำดี รักษานิ่วถุงน้ำดี

นิ่วในถุงน้ำดี ภาษาอังกฤษเรียก Gallstone หรือ Cholelithiasis คือ ภาวะขาดความสมดุลของสารประกอบในน้ำดี จึงทำให้เกิดการตกผลึกเป็นก้อนนิ่ว ขนาดเล็กจำนวนมากที่ถุงน้ำดี โดยทั่วไปโรคนี้ไม่รุนแรงสามารถรักษาได้ เป็นโรคของผู้ใหญ่ พบมากในคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป อัตราการเกิดโรคผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

ข้อสังเกตุสัญญาณว่าเรามีโอกาศเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี มีข้อสังเกตุ ดังนี้

  1.  มีอาการปวดท้อง จุกเสียด และแน่น บริเวณลิ้นปีี่หรือใต้ชายโครงด้านขวา
  2. มีอาการอาหารไม่ย่อย และ อิ่มง่าย หลังจากกินอาหารที่มีความมัน
  3. มีอาการคลี่นไส้และอาเจียน พร้อมกับมีไข้
  4. มีอาการตัวเหลืองและตาเหลือง

สาเหตุของการเกินนิ่วในถุงน้ำดี

ถุงน้ำดี จะเป็นอวัยวะที่ทำงานร่วมกับตับ ซึ่งตับจะสร้างน้ำดี และนำไปเก็ยที่ถุงน้ำดี เมื่อร่างกายต้องการน้ำดีเพื่นนำไปย่อยไขมัน ถุงน้ำดีจะส่งน้ำดีผ่านทางท่อน้ำดี ไปยังลำไส้เพื่อทำหน้าที่ย่อยอาหาร การเกิดนิ่วที่ถุงน้ำดี เกิดจากการสะสมสารประกอบในน้ำดีที่ไม่สมดุล จึงทำให้เกิดการตกผลึก เป็นนิ่ว และเข้าไปอุดตันทางเดินของน้ำดี ทำให้เกิดตัวเหลืองตาเหลือง ถุงน้ำดีอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ เป็นต้น

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดนิ่วที่ถุงน้ำดี

ปัจจัยต่างๆที่มีผลต่อการเกิดก้อนนิ่วที่ถุงน้ำดี มีรายละเอียด ดังนี้

  • ภาวะคอเล็สเตอรัลสูง ในคนอ้วนทำให้ความสามารถการบีบตัวของถุงน้ำดีน้อยลง
  • การได้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ระดับคอเลสเตอรัลในน้ำดีสูง
  • ภาวะการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
  • เพศ ซึ่งพบว่าเพศหญิงมีโอกาสการเกิดโรคสูงกว่าเพศชาย เนื่องจากการตั้งครรถ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้คอเรสเตอรัลสูง
  • อายุที่มากขึ้น ทำให้การสะสมคอเรสเตอรัลมีมากขึ้น
  • การกินยาลดไขมัน
  • ผู้ป่วยเบาหวาน
  • การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายละลายไขมันมากไป

ชนิดของนิ่วในถุงน้ำดี

นิ่วในถุงน้ำดี สามารถแบ่งชนิดของนิ่วได้ 3 ชนิด คือ นิ่วในถุงน้ำดีชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล นิ่วในถุงน้ำดีชนิดที่เกิดจากเม็ดสีหรือบิลิรูบิน โดยรายละเอียด มีดังนี้

  • นิ่วถุงน้ำดีชนิดที่เกิดจากคอเลสเตอรอล (cholesterol stones) สามารถพบได้ร้อยละ 80 ของสาเหตุการเกิดนิ่วที่ถุงน้ำดี ลักษณะจะเป็นก้อนสีขาว เหลือง หรือ เขียว เกิดจากการมีคอเลสเตอรอลมากในน้ำดี และถุงน้ำดีไม่สามารถบีบออกได้มากพอ จนเกิดการสะสม
  • นิ่วถุงน้ำดีชนิดที่เกิดจากเม็ดสี หรือ บิลิรูบิน (pigment stones) พบในผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็ง หรือ คนที่มีความผิดปกติของเลือด เช่น โรคธาลัสซีเมีย โรคโลหิตจาง เป็นต้น

อาการของผู้ป่วนโรคนิ่วในถุงน้ำดี

สำหรับโรคนิ่วในถุงน้ำดี สามารถพบอาการของโรคได้ ดังนี้

  • มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง บริเวณช่วงท้องส่วนบน หรือ ชายโครงด้านขวา มีอาการปวดร้าวไปยังบริเวณกระดูกสะบัก หรือ บริเวณไหล่ด้านขวา
  • มีอาการอาเจียน และ คลื่นไส้
  • มีอาการด้านระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แสบร้อนที่ยอดอก มีลมในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะเสียดแน่นท้องบริเวณลิ้นปี่หลังรับประทานอาหารมัน
  • มีไข้
  • มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง
  • ปัสสาวะมีสีเข้ม

การรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี

สำหรับแนวทางการรักษาโรคนี้ มีแนวทางการรักษา คือ การผ่าตัดถุงน้ำดี การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง การผ่าตัดถุงน้ำดีโดยการส่องกล้อง  การส่องกล้องตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อนในกรณีที่มีนิ่วในท่อน้ำดีร่วมด้วย โดยรายละเอียด มีดังนี้

  • การรักษาเริ่มต้นด้วยการประคับประคองตามอาการ เช่น การลดกรดในกระเพราอาหาร ให้ยาปฏิชีวนะเมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรียของถุงน้ำดี และให้ผู้ป่วยงดการรับประทานอาหารมัน ๆ
  • การใช้ยาละลายนิ่วในถุงน้ำดี การใช้ยาสามารถรักษาได้ผลกับนิ่วบางชนิดเท่านั้น และผู้ป่วยยังต้องกินยาติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • การสลายนิ่วด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ( Extracorporeal shock wave lithotripsy – ESWL )  เป็นการใช้คลื่นเสียงกระแทกนิ่วให้แตก แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ป่วยจะปวดท้อง และมีอัตราการรักษาสำเร็จไม่สูง การรักษาด้วยวิธีทนี้ปัจจุบันแพทย์ไม่นิยมใช้
  • การผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออก ( Cholecystectomy ) เป็นการรักษาที่ทำให้หายขาด แต่มีผลข้างเคียง และ ต้องป้องกันและเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนหลังจากการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดถุงน้ำดีในปัจจุบันจะมี 2 วิธี คือ การผ่าตัดถุงน้ำดีแบบเปิดหน้าท้อง (Open cholecystectomy) การผ่าตัดถุงน้ำดีโดยการส่องกล้อง (Laparoscopic cholecystectomy)
  • การส่องกล้องเพื่อตรวจรักษาท่อทางเดินน้ำดีและตับอ่อน (Endoscopic retrograde cholangiopancreatography – ERCP) ใช้สำหรับการรักษาในผู้ป่วยมีนิ่วในท่อน้ำดี เพื่อเอานิ่วออกจากท่อน้ำดี

การป้องกันการเกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดี

  • ควบคุมอาหาร ลดการกินอาหารที่มีความมัน มีคอเสเตอรัลสูง รวมถึงอาหารหวาน เช่น น้ำอัดลม อาหารกระป๋อง เป็นต้น
  • ควบคุมน้ำหนัก
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย
  • ทานอาหารจำพวกแป้งไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ผักผลไม้สด ถั่ว และธัญพืชต่างๆ เป็นต้น
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ตรวจสุขภาพประจำปี

โรคนิ่วที่ถุงน้ำดี เรียกหลายชื่อ เช่น นิ่วน้ำดี นิ่วถุงน้ำดี หรือ นิ่วในถุงน้ำดี การเกิดก้อนิ่วขนาดเล็กจำนวนมากที่ถุงน้ำดี ทำให้ ปวดท้อง ท้องอืดง่าย เจ็บที่ลิ้นปี่ และ ชายโครงขาว ตัวเหลือง ตาเหลือง

นิ่วในไต ( Kidney Stone ) กรดยูริคในเลือดสูงจนเกิดตะกอนในไต ทำให้ขัดขวางทางเดินปัสสาวะจนเกิดการติดเชื้อ อาการปวดท้องปวดบั้นเอว ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดเวลาปัสสาวะนิ่วในไต โรคไต โรคในช่องท้อง โรคไม่ติดต่อ

นิ่วในไต เป็น โรค ชนิดหนึ่ง โรคที่สามารถพบได้กับคนทุกเพศและทุกวัย ความเข้มข้นของแคลเซียม การติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ ความผิดปกติของร่างกาย จาก การเกิดนิ่วในไต คืออะไร อาการของนิ่วในไต เป็นอย่างไร รักษาอย่างไร

ไต ถือเป็น อวัยวะ ที่เป็นส่วนหนึ่งกับ ระบบทางเดินปัสสาวะ เป็น การขับของเสียออกทางปัสสาวะ การเกิดนิ่วในไต  เกิด การตกผลึกของของเสียที่ทางปัสสาวะ ซึ่งผลิกนี้ เกิดการอุดตันทางเดินปัสสาวะ ทำให้ ขับถ่ายไม่ได้ ซึ่งส่งผลเสียให้เกิดการ ปัสสาวะขัด มี การติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ สามารถ ทำให้ไตเสื่อม ได้ มาทำความรู้จักกับ โรคนิ่วในไต และ ระบบทางเดินปัสสาวะ กัน

สาเหตุของการเกิดนิ่วที่ไต

นิ่วที่ไตเกิดจากตกผลึกของสิ่งแปลกปลอมในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งรวมถึง ไต โดย ตะกอน เหล่านี้ ทำให้เกิดการติดขัดของระบบทางเดินปัสสาวะ นิ่ว เกิดขึ้นจาก การติดเชื้อแบคทีเรีย การมีกรดยูริคในเลือกสูง การดื่มน้ำไม่เพียงพอ
การกินอาหารที่มีโปรตีนสูง ที่ได้มาจากสัตว์ ตำแหน่งที่พบ นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ได้แก่ ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และ ท่อปัสสาวะ

อาการของผู้ป่วยนิ่วในไต

อาการของโรคนิ่วในไต จะพบว่า ผู้ป่วยมี อาการปวดที่ท้องบริเวณบั้นเอว ปัสสาวะเป็นเลือดปน มี อาการปวดเวลาปัสสาวะ มีไข้ มี อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะขัด

การรักษาโรคนิ่วในไต

การรักษานิ่วที่ทางเดินปัสสาวะ สามารถรักษาด้วยการใช้ยารักษา การผ่าตัด การเจาะเพื่อดูดเอานิ่วออก หรือ การสลายนิ่ว

การป้องกันการเกิดนิ่วในไต

ข้อควรปฏิบัติการดูแลร่างกายให้ปราศจาค โรค และ ลดโอกาสเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต รายละเอียด ดังนี้

  1. ให้ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ต่อความต้องการของร่างกายในปัจจุบัน ซึ่ง ร่างกายต้องการน้ำ ประมาณ วันละ 8 แก้วต่อวัน
  2. ควบคุมการบริโภคอาหาร อาหารในกลุ่มที่ไม่ควรกินมากเกินไป คือ ผักผลไม้ที่มีโพแทสเซียม และ ความเป็นกรด-ด่าง ไขมันจากพืช และ ไขมันจากปลา อาหารที่มีเนื้อสัตว์ ซึ่งเป็น อาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น สัตว์ปีก ตับ เครื่องใน หลีกเลี่ยงอาหาร ที่มี ออกซาเลตสูง เช่น งา ผักโขม และ ถั่วต่างๆ
  3. ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ ผ่อนคลาย เพื่อลดความเครียด เนื่องจาก ความเครียด มี โอกาสเสี่ยงทำให้เกิดก้อนนิ่ว

อาการปัสสาวะขัด เกิดจากการอัดตันของทางเดินปัสสาวะ จากนิ่ว ซึ่ง สมุนไพรช่วยขับปัสสาวะ ช่วยให้ปัสสาวะขัดหายได้ เราจึงของแนะนำ สมุนไพรช่วยขับปัสสาวะ มีดังนี้

มะเฟือง สมุนไพร สมุนไพรไทย ผลไม้มะเฟือง
เตย ใบเตย สมุนไพร ประโยชน์ของใบเตยเตย
ผักโขม สมุนไพร ผักสวนครัว ประโยชน์ของผักโขมผักโขม
กระเจี๊ยบ สมุนไพร สรรพคุณของกระเจี๊ยบ ประโยชน์ของกระเจี๊ยบกระเจี๊ยบ

นิ่วในไต ( Kidney Stone ) คือ ภาวะการเกิดนิ่วหรือตะกอนที่ไต โรคเกี่ยวกับไต ซึ่งนิ่วหรือตะกอน ทำให้เกิดการติดขัดของระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย มีกรดยูริคในเลือกสูง อาการของโรคนิ้วในไต จะมีอาการปวดที่ท้องบริเวณบั้นเอว ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดเวลาปัสสาวะ มีไข้ คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะขัด โรคนี้สามารถเกิดได้กับทุกคน โรคนิ่วในไต


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove