หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท อาการปวดหลัง ปวดร้าวลงที่ขา ปวดไปถึงน่อง ปวดหลังเท้า เจ็บข้อพับ นิ้วเท้าชา เกิดจากการนั่งนานๆ หรือ การกระแทกที่กระดูกสันหลังหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โรคระบบประสาท โรคกระดูก

โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท หากท่านมีอาการ อาการปวดหลัง อาการปวดร้าวลงที่ขา ปวดไปถึงน่อง หรือ หลังเท้าข้างใดข้างหนึ่ง เจ็บข้อพับเข่าด้านหลัง ปวดน่อง นิ้วเท้าชา เป็นอาการเริ่มต้นเตือนให้ท่านรู้ว่า อาจเป็น โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท

ในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์มีความก้าวหน้า สามารถทานยา ทำกายภาพบำบัด โดยไม่ต้องผ่าตัด ก็สามารถทำได้ เรามาทำความรู้จักกับโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทให้ละเอียดมากกว่านี้ เพื่อใหรู้เท่าทันโรคนี้ ว่า สาเหตุของการเกิดโรค อาการ และการรักษา ต้องทำอย่างไร ป้องกันการเกิดเส้นประสาทสันหลังเสื่อม และกระดูกสันหลังเคลื่อนไปทับเส้นประสาทที่คอหรือเอวได้

โรคนี้เป็นโรคเสี่ยงของคนวัยทำงาน หรือ เป็นโรคหนึ่งของออฟฟิตซินโดรม ทำไมคนวัยทำงานจึงมีความเสี่ยงเกิดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เนื่องจาก คนในวัยทำงานใช้ร่างหนัก ในขณะที่ไม่สัมพันธ์กับการพักผ่อน รวมถึงการออกเดินทาง ไปในสถานที่ต่างๆ การเคลื่อนไหวร่างกายมีมากกว่าคนในทุกวัย เราได้รวมพฤติกรรมเสี่ยงที่มีโอกาสให้หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทไขสันหลัง มีดังนี้

  1. มีกิจกรรมที่ต้อง ก้มๆ เงยๆ มากเกินไป
  2. การยกของหนัก ในท่าทางไที่ไม่ถูกต้อง และต้องยกของหนักในเวลานานๆ
  3. อาชีพบางอาชีพที่ต้องใช้ความแข็งแรงของร่างกายสูง ที่ร่างกายต้องรองรับการกระแทกสูง เช่น งานก่อสร้าง
  4. การมีน้ำหนักตัวมากเกินกว่าที่ร่างกายจะรับไหว ทำให้ร่างกายต้องใช้ร่างกายและกล้ามเนื้อมาก มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคเช่นกัน
  5. การนั้งในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป โดยไม่มีการปรับอิริยาบถ เช่น การนั้งทำงานบนโต้ะทำงานนานเกินไป

พฤติกรรมเหล่านี้เป็นพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทไขสันหลังได้ เรามาดูว่าอาการของหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เป็นอย่างไร

อาการของโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท

การที่หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทไขสันหลัง อาจทำให้เกิดอาการอักเสบอย่างรุนแรง แบบฉับหลัน ได้ แต่ลักษณะอาการจะเกิดขึ้น บริเวณ หลังและขา โดยสามารถสรุปอาการได้ดังนี้

  • ปวดหลังในส่วนเอวตอนล่าง อาจปวดทั้งสองข้างหรือข้างเดียวก็ได้ อาการปวนนี้จะปวดเวลานั่ง เนื่องจากท่านั้นหมอนรองกระดูกจะถูกกระทบกระเทือนมากที่สุด
  • มีอาการปวดที่ขา มีอาการขาชา และบางครั้งกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง
  • มีอาการปวดหรือชา ตามแนวกระดูกสันหลัง ปวดตั้งแต่ นิ้วเท้า เท้า น่อง ต้นขา ไปถึงเอว มีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ

สาเหตุของโรคหมอนรองกระดูกเส้นประสาท

สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท นั้นตามที่กล่าวในข้างต้นถึงปัจจัยที่มีความเสียงในการเกิดโรคแล้วนั้น เราจะสรุป สาเหตุของการเกิดโรคนี้ ให้ละเอียดมากขึ้น มีดังนี้

  • การยกของหนัก ในท่าทางการยกที่ไม่ถูกต้อง
  • โรคอ้วน และน้ำหนักตัวที่มากเกิน
  • การนั่งทำงานท่าเดิมนานๆ โดยไม่มีการขยับตัว
  • การเกิดอุบัติเหตุ ที่มีการกระทบกระเทือนต่อกระดูกสันหลัง

สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุของการเกิดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท การป้องการการเกิดโรคเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ยิ่งกว่าการรักษา การเกิดโรคนี้ยังมีสิ่งที่ต้องระวังให้มากกว่านี้ คือ การเกิดโรคแทรกซ้อนที่มาจากการเกิดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท โดยโรคแทรกซ้อนของการเกิดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทมีดังนี้

  • การรักษามีโอกาสในการเกิดอุบัตติเหตุ ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของ หลอดลม หลอดอาหาร และเส้นเลือดใหญ่
  • มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ ที่มีผลต่อเส้นประสาทกล่องเสียง ทำให้อาจเสียงแหบได้
  • การผ่าตัด อาจทำให้ข้อกระดูกไม่เชื่อม
  • การรักษาด้วยการผ่าตัดอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ภายหลังการผ่าตัดได้

การรักษาโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท

สำหรับการรักษาโรคนี้ ด้วยเทคโลดลยีทางการแพทย์มีมากขึ้น มีการรักษาด้วยการผ่าดับ ด้วยเทคนิค MIS เป็นการผ่าตัดกระดูกสันหลัง โดยส่องกล้องจุลทรรศน์ แบบแผลเล็ก เป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง และลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัตติเหตุต่อเส้นประสาท โดยการรักษาโรคนี้ยังสามารถรักษาได้หลายวิธี ดังนี้

  • รับประทานยา เป็นการรับประทานยา แก้ปวด แก้อักเสบ และยาคลายกล้ามเนื้อ
  • การรักษาด้วยการทำกายภาพบำบัด
  • การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงประสาท
  • การผ่าตัดหมอนรองกระดูกผ่านกล้องเอ็นโดสโคป
  • การผ่าตัดหมอนรองกระดูกด้วยกล้องจุลทรรศน์
  • การผ่าตัดเชื่อมข้อกระดูกโดยใช้คอมพิวเตอร์นำวิถี

การป้องกันการเกิดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

การป้องกันการเกิดโรคทำได้โดยการหลีกเลี่ยง ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคทั้งหมด เช่น ไม่ยกของหนัก ยกของในท่าที่ถูกต้อง ไม่ยกของหนักเป็นเวลานาน ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ สำหรับการนั่งทำงานบ่อยๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และออกกำลักกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลัง และหน้าท้องอยู่เป็นประจำ

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ปวดหลัง ปวดร้าวลงที่ขา ปวดไปถึงน่อง ปวดหลังเท้า เจ็บข้อพับด้านหลัง นิ้วเท้าชา โรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท เกิดจากการนั่งอยู่กัยที่นานๆ หรือ การกระแทกที่กระดูกสันหลัง สาเหตุ อาการ การรักษาโรค

หลอดเลือดแดงที่ขาตีบ เลือดไม่สามารถไหลเวียนที่ขาได้จากการตีบของเส้นเลือดบริเวณขา ส่งผลเกิดอาการปวดขา ปวดน่อง เป็นตะคริว ชาที่เท้า ขาอ่อนแรง โดยเฉพาะเวลาเดินหลอดเลือดที่ขาตีบ โรคหลอดเลือด โรคไม่ติดต่อ

หากมีอาการเส้นเลือดตีบที่ขา แต่เป็นไม่มาก ก็จะยังไม่เห็นอาการชัดเจน แต่หากมีอาการ เราสามารถสังเกตุได้จากอาการดังนี้ คือ ปวดน่อง เป็นตะคริว ชาที่เท้า ขาอ่อนแรง โดยเฉพาะเวลาเดิน  จะมีการปวดขาเมื่อต้องเดินนานๆ และอาการเหล่านี้จะเป็นๆ หายๆ ดังนั้น หากพบว่ามีอาการลักษณะนี้ สามารถสันนิฐานได้ว่า ท่าเป็นโรค เส้นเลือดขาตีบ แล้ว

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคเส้นเลือดขาตีบ

สำหรับปัจจัยที่ทำให้เส้นเลือดที่ขาตีบ มีดังนี้

  • พันธุ์กรรม
  • อายุที่สูงขึ้น
  • อาการหลอดเลือดแดงแข็งตัว
  • การสูบบุหรี่
  • ภาวะอ้วน
  • การพักผ่อนน้อย
  • ไม่ออกกำลังกาย
  • ภาวะโรคแทรกซ้อน เป็นผลข้างเคียงของการเกิดโรค เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และ โรคไขมันในเลือดสูง เป็นต้น

หากท่านมีอาการดังกล่าวต้องแจ้งให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เมื่อแพทย์สงสัยแพทย์จะซักประวัติเพิ่มเติม ครวจร่างกายเพิ่มเติม และส่งตรวจพิเศษเพิ่มเติม

อาการของผู้ป่วยโรคเส้นเลือดแดงที่ขาตีบ

เราจะสังเกตุได้อย่างไรว่า มีอาการเป็นโรคเส้นเลือดแดงตีบ คือ ขนที่ขาจะน้อย สีผิวของขาจะคล้ำ หรือในผู้ป่วยบางคนขาจะซีด ไม่สามารถคลำชีพจรที่หลังเท้าได้ เท้าเย็น เป็นแผลเรื้อรังที่เท้า เล็บหนา บางลายจะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และ ถ้าเป็นหนักมาก นิ้วเท้าอาจเน่าได้

  • ขนที่เท้าหรือขาจะน้อย
  • สีผิวของขาจะคล้ำขึ้น บางรายอาจจะซีด
  • คลำชีพขจรที่หลังเท้าไม่ได้
  • เท้าจะเย็นอุณหภูมิเท้าสองข้างไม่เท่ากัน
  • เสื่อมสมรรถภาพทางเพศในชายที่เป็นความดันโลหิตสูง
  • แผลเรื้อรังที่เท้า
  • เล็บหนาตัว
  • หากเป็นมากจะมีการเน่าของนิ้ว

การตรวจโรคเส้นเลือดแดงขาตีบ

สามารถทำได้หลายวิธี เช่น

  1. การตรวจด้วยวิธี ankle-brachial index (ABI) เป็นการวัดความดันเลือดที่แขนและขา
  2. การฉีดสี Arteriogram เข้าไปที่เส้นเลือด เพื่อตรวจสอบตำแหน่งที่ตีบของเส้นเลือด
  3. การวัดระดับน้ำตาลในเลือด
  4. การวัดระดับไขมันในเลือด
  5. การตรวจคลื่นไฟฟ้าที่หัวใจ

การรักษาโรคเส้นเลือดแดงที่ขาตีบ

สามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ การลดปัจจัยเสี่ยงของโรคทั้งหมด การรักษาสามารถทำได้ดังนี้

  1. การเดิน เพื่อช่วยกระตุ้นให้หลอดเลือดแดงมีการสร้างใหม่
  2. หลีกเลี่ยงการประคบน้ำแข็งหรือน้ำร้อน
  3. เลือกสวมรองเท้าที่พอดีกับขนาดของเท้า
  4. ลดการบริโภคอาหารประเภทไขมัน แป้งและน้ำตาล
  5. งดการสูบบุหรี่
  6. บริโภคอาหารประเภทวิตามินB ให้มากขึ้น
  7. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  8. ใช้ยารักษาควบคู่ไปด้วย ยากที่ใช้จะเป็นยา ต้านเกล็ดเลือด
  9. การควบคุมระดับไขมันในเลือด

หากรักษาโดยการลดอาการเสี่ยงของโรคแล้วยังไม่ดีขึ้น สามารถใช้การทำ Balloon ที่เส้นเลือดแดงบริเวณที่มีการตีบได้

การป้องกันโรคเส้นเลือดแดงตีบที่ขา

สามารถทำได้โดยงดปัจจัยเสี่ยงทั้งหมด เช่น รักษาระดับน้ำตาลและไขมันในเส้นเลือดให้อยู่ในระดับปรกติ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ งดการสูบบุหรี่ ตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี เป็นต้น

  • รักษาระดับไขมันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • หยุดสูบบุหรี่
  • รักษาน้ำหนัก อย่าให้อ้วน
  • ควบคุมระดับน้ำตาลให้ใกล้เคียงปกติ

สมุนไพรใช้ลดน้ำหนัก สามารถช่วยป้องกันและรักษาการเป็นโรคหลอดเลือดแดงที่ขาตีบได้ เราจึงได้รวบรวมสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยลดความอ้วน มาให้เป็นความรู้เสริม มีดังนี้

ตรีผลา สมุนไพร สมุนไพรไทย สรรพคุณของตรีผลาตรีผลา ถั่วเขียว ถั่วงอก ธัญพืช สมุนไพรถั่วเขียว
แมงลัก เมล็ดแมงลัก ใบแมงลัก สมุนไพรแมงลัก อะโวคาโด ผลไม้ สมุนไพร สรรพคุณของอะโวคาโดอะโวคาโด
ชุมเห็ดเทศ ต้นชุมเห็ดเทศ สรรพคุณของชุมเห็ดเทศ สมุนไพรชุมเห็ดเทศ ต้นกระเจีียว ดอกกระเจียว สรรพคุณของกระเจียว ประโยชน์ของกระเจียวกระเจียว

โรคเส้นเลือดขาตีบ คือ ภาวะเลือดไม่สามารถส่งไปไหลเวียนที่ขาได้ เนื่องจากเกิดการตีบที่เส้นเลือด บริเวณขา เป็น โรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ไม่ใช้โรคติดต่อ ส่งผลให้เกิดอาการปวดขา ปวดน่อง เป็นตะคริว ชาที่เท้า ขาอ่อนแรง โดยเฉพาะเวลาเดิน และจะดีขึ้นเมื่อได้พัก ปัจจัยเสียงที่ทำให้เกิดโรคนี้ การรักษาโรคหลอดเลือดแดงที่ขาตีบ


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove