หูดับเฉียบพลัน ภาวะสูญเสียการได้ยิน ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อาจเกิดจากติดเชื้อที่หู พักผ่อนไม่เพียงพอ มักสูญเสียการได้ยินเพียงข้างเดียว เกิดได้กับทุกคน
โรคหูดับเฉียบพลัน ส่วนมากแล้วไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรค ซึ่งจากการวินิจฉัยพบว่าสาเหตุอาจมาจาก การติดเชื้อไวรัส เช่น เชื้อเริม เมื่อร่างกายอ่อนแอจะทำให้เชื้อโรคจะทำให้ระบบประสาทหูเกิดปัญหา หรืออาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรียจากการกินเนื้อดิบโดยเฉพาะเนื้อหมู เลือดหมู ซึ่งในเนื้อหมูมีเชื้อสเตรปโตคอกคัส ซูอิส ( Streptococcus suis ) ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ หรือ ภาวะขาดเลือดไปเลี้ยงหูชั้นใน ลักษณะสาเหตุการขากเลือดไปเลี้ยงหูชั้นในพบบ่อยในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น รวมถึง ภาวะการได้ยินเสียงดังมากๆ เช่น ได้ยินเสียงระเบิด ฟ้าผ่า ประทัดดังๆ รวมถึงการใส่หูฟังที่เปิดเสียงดัง
สำหรับกลุ่มเสี่ยงในการเกิดภาวะหูดับ มักเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย ดดยเฉพาะคนช่วงอายุ 30-60 ปี โดยกลุ่มคนที่ทำงานสถานบันเทิงที่มีเสียงดังมากๆ เช่น ดารา นักแสดง พิธีกร นักร้อง หรือคนที่ใช้ชีวิตอยู่ตามสถานบันเทิงที่มีเสียงดัง รวมถึงผู้ที่ใส่หูฟังและเปิดเพลงเสียงดังๆ
หู เป็นอวัยวะสำคัญของร่างกาย เป็นที่ตั้งของอวัยวะรับเสียงเพื่อการได้ยิน เป็นอวัยวะเพื่อการทรงตัว ถ้าเราไม่สามารถได้ยินชัดเจน มีอาการหูอื้อ เราจะไม่อาจพูดคุยติดต่อสื่อสารและเข้าสังคมได้ตามปกติ ถ้ามีอาการเวียนหัว บ้านหมุน คลื่นไส้อาเจียน หรือหูดังมีเสียงรบกวนด้วยจะยิ่งทรมาน การหาสาเหตุของโรคและการให้การรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงทีเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญ สาเหตุของโรคอาจเป็นจากหูเอง หรือจากประสาทเกี่ยวข้อง หรือโรคทางสมอง หรืออาจมาจากโรคทางกายหลายๆอย่างที่เป็นต้นเหตุก็ได้ ถ้าเด็กเกิดใหม่มีการเสียการได้ยินตั้งแต่แรกเกิด ถ้าเป็นรุนแรงจะไม่อาจพูดได้ ทำให้ไม่อาจพัมนาตนเองและไม่อาจศึกษาเล่าเรียนได้อย่างเด็กปกติ และอาจเป็นใบ้
สาเหตุของการเกิดโรคหูดับ
สำหรับสาเหตุของการเกิดโรคหูดับเฉียบพลันนั้นมีหลายสาเหตุ และ ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดอย่างเฉพาะเจาะจงได้ แต่เกิดจากระบบประสาทหูส่วนการได้ยินเกิดปัญหาทำให้สูญเสียการได้ยิน ซึ่งเราสามารถสรุปสาเหตุของการเกิดภาวะหูดับได้ 4 สาเหตุ หลักๆประกอบด้วย
- ภาวะการติดเชื้อโรค มีกเกิดจากเชื้อไวรัสบางชนิดพบว่ามี 60% เป็นโรคหูดับจากติดเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสจะทำให้หูชั้นในอักเสบ ไวรัสที่ทำให้เป็นโรคหูดับ ได้แก่ ไวรัสไข้หวัดใหญ่ type B ไวรัสซัยโตเมกาโล ไวรัสคางทูม รูบิโอลา ไวรัสอีสุกอีใส ไวรัสงูสวัส เป็นต้น
- ภาวะการขาดเลือดไปเลี้ยงหูชั้นใน หากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหูชั้นในเกิดอุดตัน ตีบตัว หรือแตก ก็สามารถทำให้เกิดโรคหูดับ ได้
- ภาวะการเกิดโรคออโตอิมมูน เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหูดับ โรคในกลุ่มออโตอิมมูน เช่น โรคลูปัส อาจจะเกิดจากสภาวะร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ชนิดแอนติบอดี้ต่อเนื้อเยื่อในร่างกายตัวเอง
- ภาวะฉีกขาดของเยื่อหูชั้นใน การได้ยินเสียงดังมาก ๆ เช่น เสียงระเบิด เสียงฟ้าผ่าในบางรายเป็นโรคหูดับ จากความเครียดพักผ่อนไม่เพียงพอ
ช่องทางการรับเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของอาการหูดับ สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ 2 ทาง คือ ทางการบริโภค โดยการบริโภคเนื้อสุกร เครื่องใน หรือเลือดหมูที่ไม่ผ่านการปรุงให้สุก เช่น ลาบดิบๆ และใส่เลือดดิบ เป็นต้น และ การรับเชื้อโรคทางบาดแผล รอยถลอก เยื่อบุตา จากการสัมผัสสุกรที่เป็นโรค
อาการของผู้ป่วยโรคหูดับ
สำหรับอาการของผู้ป่วยโรคหูดับ หากเกิดจากสาเหตุการติดเชื้อโรค หลังจากที่รับเชื้อ ภายใน 3 วัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ ปวดบวมตามข้อ คอแข็ง พบเกิดอาการในช่วงเช้าหลังจากตื่นนอน อาการของโรคหูดับนั้น สามารถสังเกตุได้ดังนี้
- ไข้สูง ผู้ป่วยอาจมี
- อาการจากการติดเชื้อในกระแสโลหิต
- อุจจาระร่วง ท้องเสีย
- มีอาการจากการติดเชื้อที่เยื่อหุ้มสมองทำให้ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- อาจมีอาการติดเชื้อชนิดเป็นหนองที่ข้อ
- มักมีประสาทหูอักเสบจนหูดับ หรือ หูหนวกทั้งสองข้าง
การรักษาโรคหูดับ
แนวทางการรักษาโรคหูดับ ให้พักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูระบบประสาทหูให้กลับมาโดยเร็ว ลดการฟังเสียงดังๆ ส่วนมากแล้วอาการของผู้ป่วยโรคหูดับจะหายได้เองประมาณ 70 เปอร์เซ็นของผู้ป่วยทั้งหมด สำหรับการใช้ยารักษาโรคนั้นแพทย์จะให้ยาลดการอักเสบของเส้นประสาท แต่การวินิจฉัยโรคอย่างละเอียดเป็นสิ่งที่จำเป็น แพทย์จะทำการเจาะเลือด ตรวจการได้ยินระดับก้านสมอง ตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เนื่องจากการหาสาเหตุที่แท้จริงของโรคทำให้รักษาได้อย่างถูกต้อง ทำให้สามารถฟื้นตัวได้เร็วและกลับไปได้ยินเหมือนปกติได้
การป้องกันโรคหูดับ
สำหรับแนวทางการป้องกันการเกิดโรคหูดับ สามารถการป้องกันได้โดย หลีกเลี่ยงการฟังเสียงดัง หลีกเลี่ยงสถานที่ หรือสิ่งแวดล้อมที่มีเสียงดังๆ รวมถึงหลึกเลี่ยงการรับเชื้อโรคจากการกินหรือสัมผัสเชื้อโรคด้วย โดยแนวทางการป้องกันโรคหูดับ มีดังนี้
- หากทำงานเกี่ยวข้องกับสุกร ให้สวมเครื่องป้องกันต่างๆ เช่น รองเท้าบู๊ต สวมถุงมือ สวมเสื้อผ้าที่รัดกุม
- รักษาสุขอนามัยก่อนรับประทานอาหาร รวมถึงการปฏิบัติงานในสถานที่เสี่ยง เช่น ล้างมือ ล้างเท้า ล้างตัวให้สะอาดหลังการสัมผัสสุกร
- ไม่รับระทานเนื้อหมูที่ไม่สุกดี
- หลีกเลี่ยงการเดินทางหรืออยู่ในสถานที่ที่เสียงดัง
- ระวังการเกิดอุบัติเหตุที่กระทบกระเทือนต่อหูและศรีษะ