เก็กฮวย มีหลายสายพันธ์ เก๊กฮวยขาว เก๊กฮวยเหลือง เก๊กฮวยป่า ดอกเก็กฮวยกลิ่นฉุน รสหวานขม ประโชยน์และสรรพคุณช่วยดับกระหาย ช่วยขับสารพิษ ขับเหงื่อ โทษของเก็กฮวย

เก็กฮวย ดอกเก็กฮวย สมุนไพร สรรพคุณของเก็กฮวย

นอกจากนี้ เก็กฮวย ช่วยดูดซับสารก่อมะเร็งและจุลินทรีย์ ช่วยขยายหลอดเลือดแดง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยป้องกันการโรคความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคเส้นเลือดตีบ ช่วยบำรุงเลือด ช่วยบำรุงสายตา ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ช่วยลดไข้  ช่วยแก้ไอ ช่วยระบายและย่อยอาหาร ช่วยขับลม บำรุงปอด บำรุงตับ บำรุงไต ใช้รักษาฝีเป็นหนอง ช่วยรักษาผมร่วง

ต้นเก๊กฮวย เป็นพืชที่ปลูกในแถบประเทศจีนและญี่ปุ่น และได้มีการแพร่กระจายมาในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสามารถปลูกได้ในพื้นที่สูง ในดอกเก๊กฮวย พบว่ามี สารฟลาโวนอยด์ ( Flavonoid ) สารไครแซนทีมิน ( Chrysanthemin ) สารอดีนีน ( Adenine ) สตาไคดวีน ( Stachydrine ) โคลีน ( Choline ) กรดอะมิโน และน้ำมันหอมระเหย ซึ่งสามารถช่วยรักษาโรคหัวใจ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดภาวะหัวใจล้มเหลว

ต้นเก๊กฮวย ที่นิยมในการบริโภค มีอยู่ 2 ชนิด คือ เก็กฮวยดอกขาว และ เก็กฮวยดอกเหลือง รายละเอียดของเก็กฮวยแต่ละชนิด มี ดังนี้

  • เก๊กฮวยดอกขาว มี 2 ชนิด คือ เก็กฮวยขาวดอกใหญ่ และ เก็กฮวยขาวดอกเล็ก
    • เก๊กฮวยขาวดอกใหญ่ มีลักษณะทั่วไป คือ ลำต้น ตรง แข็ง เป็นพุ่มใหญ่ ใบมีขนาดใหญ่ สีเขียวเข้ม ก้านใบมีสีม่วงอมเขียว ดอกมีสีขาว ขนาดใหญ่ ขนาดประมาณ 4.7-5 เซนติเมตร กลีบดอกมี 5-6 ชั้น มีกลีบดอกประมาณ 90 กลีบ เมื่อนำมาตากแดด ดอกจะแห้งเร็ว
    • เก๊กฮวยขาวดอกเล็ก มีลักษณะทั่วไป คือ ลำต้นตรง เป็นพุ่มเล็ก ลำต้นค่อนข้างอ่อน ดอกมีขนาดประมาณ 4.5 เซนติเมตร เล็กกว่าพันธุ์แรก ส่วนกลีบดอกมีมากกว่าที่ 6-7 ชั้น มีจำนวนกลีบดอกประมาณ 120 กลีบ ส่วนสีดอกมีสีขาวอมสีเนื้อ ดอกเมื่อนำมาต้มจะให้กลิ่นหอมกว่าดอกใหญ่ แต่อาจมีรสขมปนเล็กน้อย
  • เก๊กฮวยดอกเหลือง มีลักษณะทั่วไป คือ หลีบดอกมีสีเหลือง และให้รสขมมากกว่าพันธุ์ดอกขาว

เก๊กฮวย เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในประเทศจีน มีพันธุ์เก๊กฮวยที่นิยมปลูก และนำมาต้มเป็นน้ำเก๊กฮวยมากที่สุด คือ เก๊กฮวยดอกขาว ที่ปลูกมากกว่าร้อยละ 90 ของเก๊กฮวยทั้งหมด โดยเฉพาะที่เมืองหังโจ ประเทศจีน ส่วนเก๊กฮวยสีเหลือง ไม่นิยมทำน้ำเก๊กฮวย เพราะน้ำให้รสขม แต่นิยมใช้เป็นยาสมุนไพรสำหรับแก้ร้อนใน

สำหรับดอกเก๊กฮวยที่ชาวยุโรปนิยมใช้ชงเป็นชาดื่มเหมือนกับเก๊กฮวยของชาวเอเชียจะเป็นดอกเก๊กฮวยที่อยู่ในวงศ์เดียวกันดาวเรืองหรือเก๊กฮวย คือ ดอกคาโมมายล์ (Chamaemelum nobile (L.) All. มีกลีบดอก 2 สี คือ สีขาว และสีเหลือง

สรรพคุณของเก็กฮวย

สามารถ ช่วยดับกระหาย ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยขับเหงื่อ ช่วยดูดซับสารก่อมะเร็งและจุลินทรีย์ ช่วยขยายหลอดเลือดแดง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยป้องกันการโรคความดันโลหิตสูง ช่วยป้องกันการเกิดโรคเส้นเลือดตีบ ช่วยบำรุงเลือด ช่วยบำรุงสายตา ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ช่วยลดไข้  ช่วยแก้ไอ ช่วยระบายและย่อยอาหาร ช่วยขับลม บำรุงปอด บำรุงตับ บำรุงไต ใช้รักษาฝีเป็นหนอง ช่วยรักษาผมร่วง

ประโยชน์เก๊กฮวย

  • ดอกเก๊กฮวยแห้งนิยมใช้ต้มหรือชงเป็นชาดื่ม น้ำเก๊กฮวยจะมีสีเหลืองอ่อน และให้กลิ่นหอมน่าดื่ม น้ำ ซึ่งอาจใช้ทั้งดอกเก๊กฮวยแห้งหรือผงดอกเก๊กฮวย
  • ใช้เป็นส่วนผสมของยาสมุนไพร คือ เก๊กฮวยสีเหลือง ซึ่งให้รสขม
  • ใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์
  • ลำต้นเก๊กฮวย ใช้เป็นเชื้อเพลิงในครัวเรือน
  • ลำต้น และใบเก๊กฮวยที่เก็บดอกแล้ว ทำการไถกลบสำหรับเป็นปุ๋ยพืชสดหรือนำมาใช้ทำปุ๋ยหมัก

คำแนะนำในการบริโภคเก็กฮวย

  • เมล็ดพุด 1-2 เมล็ดจะให้น้ำสีเหลืองกำลังดี ถ้า 3 เมล็ดจะออกสีเหลืองมาก
  • วิธีทำน้ำเก๊กฮวยแบบถูกวิธีห้ามเคี่ยวดอกเก๊กฮวยเพราะจะทำให้น้ำมีรสขมได้
  • การกรองดอกเก๊กฮวยออกห้ามบี้เด็ดขาดเพราะจะทำให้น้ำมีรสขมได้
  • ถ้าต้มน้ำดอกเก๊กฮวยแล้วเปรี้ยว สาเหตุอาจมาจากการใส่ดอกเก๊กฮวยมากเกินไป หรือการใช้เวลาต้มนานจนเกินไป
  • การชงเก๊กฮวยแบบชงชาจะให้รสชาติที่ดีกว่าการนำมาต้มในน้ำเดือด ๆ นาน ๆ
  • ผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย มีอาการท้องเสียง่าย ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ
  • สำหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร การดื่มชาเก็กฮวยอาจทำให้เกิดกรดในกระเพาะเพิ่มมากขึ้น

เกร็ดความรู้

เก๊กฮวยชงจะกินง่ายกว่าต้ม เพราะต้มแล้วรสชาติจะออกขม แนะนำให้ชงโดยนำดอกเก็กฮวยใส่ถ้วยพอประมาณ จากนั้นเทน้ำเดือดจัดๆ ลงไป ปิดถ้วยทิ้งไว้ให้เย็นแล้วจึงนำมาดื่ม หากรู้สึกว่าจืดไปให้เติมน้ำตาลกรวดลงไปเล็กน้อย หมดถ้วยแล้วก็เติมน้ำร้อนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะจืด แต่เก็กฮวยมีข้อควรระวังคือ ผู้ที่มีอาการท้องร่วง ถ่ายบ่อย ควรรับประทานแต่น้อย

เมื่อพูดถึง สมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา และ มีฤทธิ์เป็นยาเย็น มีมากมายหลากหลายชนิด แต่ทว่า เก๊กฮวย นั้นนับได้ว่าเป็น สมุนไพร ที่ขึ้นชื่อเรื่องของ การเป็นยาเย็น เหมาะสมสำหรับการแก้อาการร้อนในและกระหายน้ำได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

เก๊กฮวย เป็นพืช สมุนไพรจีน ที่ต้องเพราะปลูกในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นตลอดทั้งปี โดย เก๊กฮวยนั้นเป็นพืชที่มีดอกสีเหลือง กลิ่นหอมอ่อนๆ ซึ่งคนทั่วไปอาจจะรู้จักเพียงแค่การนำมาทำน้ำเก๊กฮวยรสชาติหอมหวานชื่นใจเท่านั้น ซึ่งหลายคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่ามีประโยชน์อย่างไรซึ่งนอกจากจะนำมาทำน้ำดื่มที่มีสรรพคุณทางยามากมายแล้วนั้น

เก๊กฮวย มีสารฟลาโวนอยด์ในปริมาณที่สูงมาก โดยสารฟลาโวนอยด์ นั้นนับได้ว่าเป็นสารที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายชนิดหนึ่ง  โดย สรรพคุณหลักๆของเก๊กฮวย นั้นก็ คือ ช่วยลดอาการร้อนใน อีกทั้งยัง ช่วยแก้กระหายน้ำได้เป็นอย่างดี ซึ่งเก๊กฮวยนั้นจะมีคุณสมบัติ เป็นยาเย็น ช่วยในการฟื้นฟูสภาพและปรับสมดุลให้กับร่างกาย ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

นอกจากนั้น ดอกเก๊กฮวย ยังมีคุณสมบัติในการ ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยการขับของเสียออกทางเหงื่อนั่นเอง อีกทั้งยัง ช่วยในการดูดซับของเสีย และ สารก่อมะเร็ง ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายและขับออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี

จึงถือว่า ดอกเก๊กฮวย นั้นมี คุณประโยชน์ที่หลากหลาย นั่นเอง นอกจากนั้นแล้วดอกเก๊กฮวยยังมีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงโลหิตและช่วยในการขยายหลอดเลือดและช่วยแก้ไขปัญหาโรคเลือดต่างๆได้เป็นอย่างดีอีกด้วย และล่าสุดก็ยังมีผลงานวิจัยที่รับรองเกี่ยวกับดอกเก๊กฮวยว่าสามารถช่วยในการยับยั้งเชื้อไวรัสเอดส์ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

เมื่อพูดไปแล้ว เก๊กฮวย นั้นนับได้ว่าเป็น สมุนไพรที่มีประโยชน์ อีกทั้งยังมี สรรพคุณ ที่เหมาะสมสำหรับใช้ใน การบำรุงร่างกาย ได้เป็นอย่างดี โดยผู้ที่ต้องการใช้ เก๊กฮวยเพื่อบำรุงร่างกาย นั้นก็สามารถทำได้ง่ายๆเพียงการใช้ดอกเก๊กฮวยเพียงเล็กน้อย ประมาณ 4-5 ดอก ชงกับน้ำร้อนเพื่อทำเป็นชาจิบได้ตลอดเวลา จะช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ดื่มได้เป็นอย่างดี อีกทั้งหากดื่มก่อนนอนเป็นประจำก็จะช่วยให้นอนหลับได้สบายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากดอกเก๊กฮวยนั้นเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ

ซึ่งจะสามารถสร้างความผ่อนคลายให้กับผู้ดื่มได้เป็นอย่างดี อีกทั้งน้ำดอกเก๊กฮวยก็ยังเหมาะสำหรับการดื่มในฤดูร้อนเพื่อช่วยคลายจากความเหนื่อยและความร้อนแรงของแสงแดดได้เป็นอย่างดีเช่นกัน จึงนับได้ว่า ดอกเก๊กฮวย นั้นเป็น สมุนไพร ที่มีความสามารถที่จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง เก๊กฮวย ก็เป็น ดอกไม้ที่มีราคาไม่สูง จนเกินได้ด้วย เช่นกัน จึงเหมาะสำหรับนำมาทำเป็น สมุนไพรบำรุงร่างกาย ได้เหมาะกับทุกเพศและทุกวัยนั่นเอง

เก็กฮวย มีหลายสายพันธ์ เช่น เก๊กฮวยขาว เก๊กฮวยเหลือง เก๊กฮวยป่า ดอกเก็กฮวย มีกลิ่นฉุน มีรสหวานขม ประโชยน์และสรรพคุณของเก็กฮวย เช่น ช่วยดับกระหาย ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ช่วยขับเหงื่อ โทษของเก็กฮวย มีอะไรบ้าง

ลูกเดือย ธัญพืช สมุนไพร ลักษณะของต้นเดือยเป็นอย่างไร สรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงเส้นผม ช่วยบำรุงสมอง โทษของเดือย

เดือย ลูกเดือย สมุนไพร สรรพคุณของลูกเดือย

ต้นเดือย สามารถพบได้ในประเทศแถบเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดือย ภาษาอังกฤษ เรียก Adlay เดือย ชื่อวิทยาศาสตร์ เรียก Coix lacryma-jobi L ประโยชน์ของลูกเดือย สรรพคุณของลูกเดือย เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงเส้นผม ช่วยบำรุงสมอง ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยบำรุงกระดูก แก้ร้อนใน แก้คลื่นไส้อาเจียน

เดือย สรรพคุณ เช่น ช่วยบำรุงเลือด สำหรับสตรีหลังคลอด ช่วยบำรุงปอด ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องร่วง แก้ท้องเสีย ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงมดลูก ช่วยบำรุงไต ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และยีสต์ ช่วยขับพยาธิในเด็ก

คุณค่าทางโภชนากการของเดือย

ลูกเดือยให้คุณค่าทางอาหารสูง ซึ่งนักโภชนาการ ศึกษาพบว่าในเดือย มีวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินอี แคลเซียม ฟอสฟอรัส มีกรดอะมิโน เช่น กรดกลูตามิก ลูซีน อลานีน โปรลีน วาลีน ฟินิลอลานีน ไอโซลูซีน อาร์จีนีน เป็นต้น และยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว อย่าง กรดลิโนเลอิก กรดโอเลอิค และกรดไขมันอิ่มตัว เช่น ปาล์มิติก และสเตียริก

ลูกเดือย เป็นธัญพืชที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับข้าว เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศไทยถือเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง เพาะปลูกมากแถวภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพืชที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีเส้นใยอาหารสูง มีลักษณะของต้นคล้ายต้นข้าวโพด ลักษณะของเม็ดจะเป็นสีขาว ออกกลม ๆ รี ๆ รสชาติออกมันเล็กน้อย ลูกเดือยมีทั้งที่กินได้และกินไม่ได้ ชนิดที่กินได้นั้นจะมีเปลือกผลอ่อนซึ่งเรียกว่าเดือยกิน ปลูกไว้เพื่อใช้ทำเป็นอาหารและยา

หากพูดถึงธัญพืชที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับข้าวนั้นลูกเดือยถือได้ว่าเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เป็นพืชพื้นเมืองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกทั้งยังเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศไทยอีกด้วย โดยลูกเดือยนั้นมีคุณค่าทางอาหารสูงเป็นพืชที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวมีเส้นใยไฟเบอร์สูงลักษณะของต้นคล้ายกับต้นข้าวโพดลักษณะเม็ดจะออกเป็นสีขาวออกกลมๆรีๆ รสชาติของลูกเดือยนั้นจะออกรสหวานมันเล็กน้อยนั่นเอง โดยลูกเดือยนั้นถือได้ว่าเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงอีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยาที่มีความน่าสนใจโดยมีการใช้ในการบำรุงรักษาร่างกายกันยาวนานมาตั้งแต่สมัยโบราณนั่นเอง

ลูกเดือย ถือได้ว่าเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมากซึ่งในลูกเดือยเองนั้นจะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิดที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างเช่นวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินอี อีกทั้งนี้มีแร่ธาตุที่สำคัญอย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส ในปริมาณที่สูงซึ่งรวมทั้งมีกรดอะมิโนจำเป็นอีกหลากหลายชนิดด้วยเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วคนจะรู้จักกับลูกเดือยในนามของธัญพืชแต่วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเดือยให้มากยิ่งขึ้นซึ่งเดือยนั้นถือได้ว่าเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็นช่วยในการปรับสมดุลร่างกายและลดความร้อนได้เป็นอย่างดี

เดือย ถือได้ว่าเป็น อาหาร สำคัญที่ ช่วยในการบำรุงร่างกาย และ บำรุงกำลัง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยในช่วงพักฟื้นรวมถึงเด็กและผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน ลูกเดือย ยังมี สรรพคุณ ที่ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยให้ผู้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ทั้งยัง ช่วยบำรุงสายตา รวมถึง บำรุงเส้นผม และ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

นอกจากนั้นแล้ว เดือย ยังเป็น ยาบำรุงร่างกายสำหรับสตรี โดยเฉพาะซึ่งจะ ช่วยในการขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงมดลูก อีกทั้งยังช่วยในการเหนียวนำให้มีการตกไข่และ แก้อาการสตรีตกข่าวมากผิดปกติ นั่นเอง ถือได้ว่าเดือยนั้นเป็น สมุนไพร ที่สามารถ ใช้บำรุงร่างกาย ที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว

ประโยชน์ของลูกเดือย

  • คุณค่าทางอาหารสูง เนื่องจากประกอบด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและวิตามินต่างๆ หลายชนิด ตั้งแต่แคลเซียม ฟอสฟอรัส และมีกรดอะมิโน กรดไขมันไม่อิ่มตัว ส่วนวิตามินนั้นมีตั้งแต่วิตามิน A วิตามิน B1 และ B2 รวมถึงวิตามิน E ด้วย
  • ช่วยป้องกันรักษาโรค ด้วยสารอาหารหลายชนิดที่มีในลูกเดือย ทำให้ลูกเดือยนั้นนอกจากจะทำอาหารหวานรับประทานเพื่อความอร่อย แล้วยังมีประโยชน์ในแง่การรักษาสุขภาพ ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย
  • แก้อาการร้อนใน คลื่นไส้อาเจียน
  • แก้โรคนอนไม่หลับ และช่วยให้หายอ่อนเพลีย
  • ลดสภาวะไขมันในเลือดสูง
  • ยับยั้งสารก่อมะเร็ง ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง
  • ช่วยยับยั้งการเกิดเนื้องอก
  • ช่วยต้านเชื้อโรค โดยเฉพาะแบคทีเรียและเชื้อรา เหมาะที่คนเป็นโรคกระเพาะ ลำไส้จะรับประทาน
  • บำรุงร่างกายผู้ป่วย ระหว่างพักฟื้น เพราะมีคุณค่าอาหารสูง
  • บำรุงสมองบำรุงผิวพรรณให้ผ่องใส ไม่เป็นกระ
  • บำรุงสายตา เนื่องจากมีวิตามิน A สูง
  • ป้องกันโรคเหน็บชา เนื่องจากมีวิตามิน B
  • บำรุงเส้นผมให้ดกดำเป็นเงางาม
  • ป้องกันโรคเบาหวาน เนื่องจากเป็นอาหารที่มีรสจืด สามารถรับประทานโดยไม่ใส่น้ำตาลก็อร่อยอีกแบบ หรือจะต้มรวมในการหุงข้าวก็ได้
  • รับประทานเป็นประจำ สร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ดี
  • ใช้บำรุงเลือด เหมาะกับสตรีหลังคลอดบุตร
  • ป้องกันโรคกระดูกพรุน และทำให้มีกระดูกแข็งแรง

ปัจจุบันกระแสการรักสุขภาพเริ่มมีมากยิ่งขึ้นซึ่งทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจในการดูแลตนเองมากยิ่งขึ้นเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วผู้คนมักจะเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ซึ่งลูกเดือยเองก็ถือได้ว่าเป็นธัญพืชที่มีสารอาหารครบถ้วนและเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังสามารถช่วยสร้างความสมดุลให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดีนั่นเองรวมไปถึงรักษาอาการต่างๆและยังช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียเชื้อราหรือว่าเชื้อยีสต์ที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ปัจจุบันนี้มีการนำลูกเดือยมาแปรรูปเป็นอาหารและยาบำรุงร่างกายมากยิ่งขึ้นซึ่งสำหรับการนำมาทำเป็นอาหารนั้นในปัจจุบันลูกเดือยสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้ทั้งอาหารคาวและอาหารหวานโดยเฉพาะอาหารประเภทที่มีแป้งและน้ำเป็นส่วนผสมหลักนั่นเอง นอกจากนั้นแล้วปัจจุบันก็มีการนำลูกเดือยมาแปรรูปเป็นลูกเดือยอบกรอบและนำมาทำเป็นขนมหวานเช่นลูกเดือยเปียกเต้าทึงและน้ำลูกเดือยเป็นต้น
วิธีทำน้ำลูกเดือย
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำลูกเดือย ประกอบด้วย ลูกเดือย 100 กรัม ธัญพืชตามชอบใจ เม็ดบัว อัลมอนด์ หรืออื่นๆ น้ำตาลทราย น้ำเปล่า 6 ถ้วย

ขั้นตอนการทำน้ำลูกเดือย มีดังนี้  แช่ลูกเดือยไว้อย่างน้อย 1 คืนเพื่อให้ลูกเดือยนิ่ม จากนั้นนำลูกเดือยที่นิ่มแล้ว เติมน้ำลงไป แล้วนำไปปั่น ถ้าเป็นสมัยโบราณจะใช้เครื่องโม่ แต่ยุคปัจจุบันมีเครื่องปั่นไฟฟ้า สามารถกะความหยาบละเอียดได้ตามต้องการ เมื่อปั่นแล้ว ค่อยนำไปกรองเพื่อแยกน้ำกับกากการกรองนั้นขึ้นอยู่กับความชอบว่า ต้องการให้เหลือแต่น้ำลูกเดือยล้วนๆ หรือให้มีกากผสมด้วยนิดหน่อย นำน้ำลูกเดือยที่กรองแล้วไปตั้งบนไฟอ่อน ๆ เติมน้ำตาลทรายลงไป กะความหวานตามชอบ ส่วนใหญ่สาวๆ ไม่นิยมให้หวานนัก เมื่อคนจนน้ำตาลละลายหมดแล้ว จึงยกขึ้นพักไว้ให้ความร้อนคลายตัว แล้วจึงรับประทาน หรือถ้าชอบแบบอุ่นๆ ก็รับประทานได้เรื่อยๆ เหมือนการดื่มน้ำเต้าหู้ได้ทั้งร้อนทั้งเย็นตามชอบ