กระเพาะอาหารอักเสบ เกิดจากกระเพาะอาหารเป็นแผล มีอาการบวมแดง เกิดได้ทุกเพศทุกวัย กินอาหารไม่เป็นเวลา อาการปวดท้อง เมื่อเป็นโรคกระเพาะอักเสบต้องทำอย่างไรโรคกระเพาะอักเสบ โรคระบบทางเดินอาหาร โรคไม่ติดต่อ ปวดท้อง

กระเพาะอาหารอักเสบ เป็น โรคระบบทางเดินอาหาร โรคยอดฮิต สำหรับคนทำงานหนัก รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา หากมีอาการปวดท้อง ให้สันนิษฐานก่อนเลยว่าเป็น โรคกระเพาะอาหาร แล้ว แต่อาการปวดท้องมีหลายสาเหตุ มาทำความรู้จักกับ โรคกระเพาะอาหาร โรคกระเพาอาหารอักเสบ กันว่า โรคกระเพาะอาหารเกิดจากอะไร อาการของโรคกระเพาะอาหารมีอะไรบ้าง แล้วจะรักษาได้อย่างไร

โรคกระเพาะอาหาร คือ การเกิดแผลที่เยื่อบุกระเพาะอาหารหรือลำไส้ ซึ่งโรคกระเพาะอาหารสามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย

โรคกระเพาะอาหารอักเสบ คือ อาการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร เป็นลักษณะของการเกิด แผล การบวม แดงภายในกระเพาะอาหาร โรคนี้สามารถพบได้ในทุกอายุ ทุกเพศ

โรคกระเพาะอาหารอักเสบ นั้นเป็นโรคที่พบบ่อย แต่จากสถิติสาเหตุของการเกิดโรคนั้นไม่ชัดเจน เมื่อผู้ป่วยพบแพทย์ จะได้รับการรักษาตามอาการ และเมื่ออาการดีขึ้น ก็จะไม่ตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียด ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรัง สำหรับโรคกระเพาะอาหารนั้นมีรายงานว่าประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้เป็นโรคนี้สูงถึงประมาณปีละ 2 ล้านคน

สาเหตุของโรคกระเพาะอาหาร

สาเหตุของการเกิดโรคกระเพาะอาหาร นั้นเกิดจากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักๆ คือ การรักประทานอาหารไม่ตรงเวลา และนิยมรับประทานอาหารรสจัด ที่มีกรดสูง เราได้รวมสาเหตุของการเกิดโรคกระเพา มีรายละเอียดดังนี้

  • การหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากก่าวปกติ ซึ่งการหลังกรดนั้นเกิดจากการถูกกระตุ้นให้เกิดการหลั่ง
  • ความเครียด ซึ่งความเครียดจะกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดมากขึ้น
  • การดื่มเครื่องดื่มมี่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ และน้ำอัดลม
  • การสูบบุหรี่ บุหรี่ทำให้เกิดการหลั่งกรดของกระเพราอาหาร
  • โรคแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น โรคในกลุ่มอาการโซลลิงเจอร์-เอลลิสัน(Zollinger-Ellisson syndrome)
  • การกินยาบางชนิด กินยาแก้ปวด ลดไข้ แก้ปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ ยาชุดที่มีแอสไพริน และยาสเตียรอยด์ ยาในกลุ่มนี้จะทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารทำใหเเกิดแผลที่กระเพาะอาหาร
  • การกินอาหารรสจัด เช่น เผ็ดจัด และเปรี้ยวจัด
  • การดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มเหล่านี้จะกระตุ้นการหลังกรดในกระเพาอาหาร
  • การกินอาหารไม่เป็นเวลา เมื่อถึงเวลาระบประทานอาหารกระเพาอาหารจะหลังกรดออกมา หากไม่รับประทานอาหารก็จะทำให้เกิดการหลั่งกรดในกระเพาอาหารโดยไม่มีอาหารสำหรับย่อย กรดเลยไปทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดแผล
  • การติดเชื้อโรค ซึ่งเชื้อโรคที่อันตรายคือ เชื้อแบคทีเรีย เอชไพโลไร ซึ่งเชื้อตัวนี้ทำให้เกิดการอักเสบของกระเพาะอาหาร เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะอาหารได้
  • กรรมพันธุ์ จากสถิติพบว่าผู้ป่วยที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคกระเพาะอาหาร คนในครอบครัวนั้นก็จะมีโอกาสเกิดโรคกระสูง

อาการของผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารอักเสบ

สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหา โรคกระเพาะอาหารอักเสบ นั้นจะมีอาการ คือ ปวดท้องในบริเวณกระเพาะอาหาร อาการเป็นๆหายๆ ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอบ่อย รู้สึกอึดอัดแน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อาจอาเจียนเป็นเลือดได้ เบื่ออาหาร และผอมลง และเลือดออกจากเยื่อบุกระเพาะอาหาร อุจจาระเป็นสีดำ

การรักษาโรคกระเพาะอาหาร

การรักษาโรคกระเพาอาหาร นั้น มีวิธีรักษาอยู่ 3 วิธีหลักๆ คือ การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การใช้ยารักษาและการผ่าตัด ซึ่งเราจะอธิบายให้ฟังรายละเอียดของการรักษาโรคกระเพาะอาหารมีดังนี้

  1. การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต เนื่องจากสาเหตุของการเกิดโรคกระเพาะอาหารหลักๆเกิดจาก การใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง จนเกิดผลเสียต่อกระเพาะอาหาร ซึ่งการปรับพฤติกรรม คือ เลิกพฤติกรรมที่ทำให้อาการของโรคกระเพาะอาหารรุนแรงขึ้นไปอีก เช่น การกินอาหารไม่เป็นเวลา การรับประทานอาหารรสจัด การดืมสุรา การดื่มชา กาแฟ การสูบบุหรี่ ความเครียด เป็นต้น
  2. การรักษาด้วยการใช้ยารักษา การกินยาต้องกินอย่างสม่ำเสมอ ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด โดยปรกติแล้วแผลในกระเพาะอาหารจะหายภายใน 6 สัปดาห์ ซึ่งยาที่ใช้ในการรักษาโรคกระเพาะอาหารนั้น มีอยู่ 4 ชนิด ประกอบด้วย
    • ยาลดกรด ( antacid ) ให้รับประทานก่อนกินอาหาร 120 นาที หรือหลังรับประทานอาหาร 60 นาที และรับประทานก่อนนอน
    • ยาลดการหลั่งกรด ( acid-suppressing drugs ) รับประทานวันละครั้งก่อนนอน
    • ยาปฏิชีวนะ เป็นยาที่ใช้รักษาแผลกระเพาะอาหารจากการติดเชื้อโรค ซึ่งขึ้นอยู่กับเชื้อโรคที่พบ
    • ยาเคลือบกระเพาะ ( Stomach-lining protector ) ใช้สำหรับเคลือบแผลในกระเพาะ
  3. การผ่าตัด เป็นวิธีรักษาที่ไม่คอยได้ใช้ ซึ่งจะใช้วิธีนี้ในเฉพาะกรณีที่มีความรุนแรงมาก เช่น เลือดไหลไม่หยุด กในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก ผลกระเพาะอาหารทะลุและลำไส้เล็กเกิดการทะลุ กระเพาะอาหารมีการอุดตัน
    การรักษาโรคกระเพาะอาหารในปัจจุบันมียาที่ใช้รักษาจำนวนมาก และได้ผลดี การผ่าตัดจะใช้ในกรณีที่หนักมากเท่านั้น

การดูแลตัวเองสหรับผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ

การดูแลตัวเองสำหรับ ผู้ป่วยโรคกระเพาะ นั้น ต้องมีข้อควรปฏิบัตติ ดังนี้

  • กินยาตามคำสั่งแพทย์ อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ
  • งดอาหารที่กระตุ้นอาการปวดท้อง เช่น อาหารรสจัด อาหารที่มีกรด
  • เลิกบุหรี่
  • เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ลดการดื่มเครื่องดื่มประเภทคาเฟอีน
  • ดูแลความสะอาดเกี่ยวกับอาหารและภาชนะในการใส่อาหาร
  • ผ่อนคลาย ลดความเครียด
  • หากมีอาการอาเจียนเป็นเลือด หรือ มีเลือดปนให้พบแพทย์

การป้องกันการเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ

การป้องกันโรคกระเพาะ นั้นสำคัญที่สุด คือ การปรับพฤติกรรมส่วนตัว เพื่อไม่ให้กระตุ้นสาเหตุของการเกิดโรคกระเพาะ โดยสามารถสรุปเป็นข้อๆได้ ดังนี้

  • รักษาความสะอาด โดยเฉพาะอาหารที่จะบริโภค เพื่อป้องกันการติตเชื้อ
  • ผ่อนคลาย เนื่องจากความเครียด ช่วยกระตุ้นให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร
  • หลีกเลี้ยงการกินยากลุ่มยาแก้ปวด หรือ ยาสเตียรอยด์
  • เลิกบุหรี่
  • เลิกดื่มสุรา
  • ลดการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน
  • รักษาและควบคุมโรค ที่มีความเสี่ยงต่อโรคกระเพาะอาหารอักเสบ

สมุนไพรรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ

ฟักทอง สมุนไพร ผักสวนครัว สรรพคุณของฟักทองฟักทอง ขมิ้น สมุนไพร สมุนไพรไทยขมิ้น
เดือย ลูกเดือย สมุนไพร ประโยชน์ของเดือยลูกเดือย ฟ้าทลายโจร สมุนไพร สมุนไพรไทย ประโยชน์ของฟ้าทะลายโจรฟ้าทะลายโจร

โรคกระเพราะอาหารอักเสบ ความสำคัญของโรคนี้ อยู่ที่ต้องกินข้าวให้ตรงเวลา และ อาหารที่กิน ต้องไม่ระคายเคือง กระเพาะอาหาร ก็เพียงเท่านี้ แต่หลายคนทำไม่ได้

โรคกระเพาะอาหาร คือ อาการอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร เกิดจากหลายสาหตุ กระเพาะอาหารเป็นแผล มีอาการบวมแดงภายในกระเพาะอาหาร โรคนี้เกิดได้กับทุกเพศทุกวัย โรคทางเดินอาหาร โรคยอดฮิต สำหรับคนเครียดและคนทำงานหนัก กินอาหารไม่เป็นเวลา อาการของโรคกระเพาะอาการ คือ ปวดท้อง สาเหตุ อาการ การรักษา และ การดูแล เมื่อเป็นโรคกระเพาะ

การฝึกให้เด็กรู้จักทักษะการแก้ปัญหา ช่วยให้เด็กมีวิธีในการคิดเรื่องการแก้ปัญหา ทักษะการแก้ปัญหา มี การหาข้อมูล การวิเคราะห์ และการคิดอย่างมีหลักการ

การเลี้ยงลูก การพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา

คำกล่าวที่ว่า ” การเรียนรู้สำคัญกว่าความรู้ “ หากจะขยายความถึงคำคำนี้แล้ว หากลูกของเรารู้จัก การคิดวิเคราะห์ เพื่อแก้ไขปัญหา ต่างๆ นั้น จะ ช่วยเสริมทักษะในการคิด และ พัฒนาให้ลูกอย่างยั่งยืนได้

การแก้ไขปัญหา ภายใต้ ความคิด หลักการ เหตุผล และ ความคิดสร้างสรรค์ ช่วยให้ลูกน้อยเป็นผู้ใหญ่ที่ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ในอนาคตได้

ทักษะที่เกี่ยวข้องในเรื่องการแก้ปัญหา

การพัฒนาทักษะ ในเรื่อง การคิดแก้ไขปัญหา นั้น ต้อง พัฒนาทักษะ ในด้านต่างๆ คือ การหาข้อมูล การคิดเชิงวิเคราะห์ และ การคิดเชิงหลักการ ซึ่งรายละเอียดของทักษะในการแก้ปัญหา มีรายละเอียด ดังนี้

  1. ทักษะการหาข้อมูล รากฐานของการแก้ไขปัญหาคือ ข้อมูล ก่อนที่เราจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ จำเป็นต้องมีข้อมูลประกอบในการคิด ไม่ใช่การคิดโดยปราศจากข้อมูลและหลักการ การหาข้อมูลในปัจจุบันง่ายขึ้นมาก เนื่องจากข้อมูลข่าวสารต่างๆอยู่บนโลกออนไลน์ เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน ที่ความรู้ต่างๆจะอยู่ในห้องสมุดเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่การพิจารณาข้อเท็จจริง และความถูกต้องของข้อมูล จึงต้องคำนึงถึงมากที่สุด หากเราคิดและตัดสินใจจากข้อมูลที่ผิดพลาดแล้ว ก็เป็นความคิดที่ผิดจากฐานความรู้นั้นเอง
  2. ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ทักษะการวิเคราะห์ นั้น เป็น การทำความเข้าใจกับสถานการณ์ แยกแยะ ส่วนประกอบ ความสัมพันธ์ของข้อมูล ที่จะนำมาใช้ คิดวิเคราะห์ เพื่อนำไป ประกอบการคิด และ การตัดสินใจ อย่างถูกต้อง
  3. ทักษะการคิดเชิงหลักการ ทักษะการคิดวิเคราะห์ ด้วยหลักการและเหตุผล เพื่อการเชื่อมโยง แนวความคิดอย่างมีเหตุผล ซึ่งในสถานการณ์ต่างๆที่มีปัญหา หาก คิดวิเคราะห์ปัญหา ต่างๆที่มีความสลับซับซ้อน หากวิเคราะห์ดีๆ เราจะมองเห็น สาเหตุของปัญหา และ แก้ไขได้อย่างถูกต้อง

การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน

การเรียน แบบการใช้ปัญหาเป็นหลัก ภาษาอังกฤษ เรียก Problem Based Learning คือ วิธีการเรียนการสอน ที่ใช้ปัญหา หรือ สถานการณ์เป็นจุดเริ่มต้นของการแสวงหาความรู้ของเด็ก ซึ่งเป็น การเรียนที่ พัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา การเรียนรู้ด้วยตนเองและการทำงานร่วมกันเป็นทีม มุ่งเน้นให้เด็กเป็นผู้ตัดสินใจในสิ่งที่ต้องการแสวงหาความรู้

การจัดการการเรียนแบบการแก้ปัญหาเป็นหลัก จะมุ่งให้ผู้เรียนได้ฝึกการใช้ทักษะ 4 ด้าน คือ ทักษะการคิด ( Critical thinking )  ทักษะการสื่อสาร ( Communicate ) ทักษะการทำงานเป็นทีม ( Collaborate ) ทักษะการสร้างนวตกรรม ( Creative )

วิธีการจัดการเรียนการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน

พ่อแม่ และครู สามารถสร้างกิจกรรมง่ายๆ สำหรับเด็กได้ โดยการจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นฐาน เป็น แนวทางใน การจัดกิจกรรม การเรียนที่ พัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา  และ การเรียนรู้ด้วยตนเอง

  • จะมีการแบ่งกลุ่มผู้เรียนให้ฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม
  • การจัดกลุ่ม จะต้องสร้างความแตกต่างของกลุ่มต่างๆ เพื่อสร้างข้อจำกัดของปัญหา เพื่อฝึกการคิดวิเคราะห์ปัญหา
  • การกระตุ้นความรู้สึกอยากเรียนรู้ในแต่และปัญหา
  • ให้เวลาในการลงมือแก้ไขปัญหา
  • ส่งเสริมให้เด็กทุกคนมีความคิดว่าเราทำได้ เป็นกำลังใจและคอยสนับสนุนไม่ทิ้งให้เด็กรู้สึกว่าถูกทิ้งให้อยู่กับปัญหาคนเดียว

การเรียนรู้สำคัญกว่าความรู้ จุดเริ่มต้นของการแสวงหาความรู้ สู่ การพัฒนาทักษะการคิดแก้ปัญหา และ การเรียนรู้ด้วยตนเอง เรื่องการเลี้ยงลูกเป็น สิ่งสำคัญ ที่สุด ของคนเป็นพ่อกับแม่ ลูกจะโตขึ้นมาอย่างปลอดภัย ใน ภาวะสังคมที่อยู่ยาก พ่อแม่ ต้องสร้างพื้นฐานอย่างเอาใจใส่

การเลี้ยงลูก ตั้งแต่เริ่มต้นตั้งแต่ปัญหาจนถึงการเลี้ยงลูกให้มีพัฒนาการที่ดี แข็งแรง สมบรูณ์ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ การเลี้ยงลูกนั้น มีรายละเอียดที่แตกต่างกันตามช่วงอายุของลูก การจะสร้างลูกให้เจริญเติบโตขึ้มมาพร้อมกับพัฒนาการที่ดี เป็นคนเก่ง มีพัฒนาการด้านร่างกาย สมองและอารมณ์ ที่ดี จำเป็นต้องเข้าใจเด็ก อย่างถูกต้อง