ว่านหางจระเข้ Aloe สมุนไพรบำรุงผิวพรรณ รักษาแผล ช่วยชะลอวัย ทำความรู้จักกับต้นว่านหางจระเข้ว่าเป็นอย่างไร สรรพคุณและโทษของว่านหางจรเข้ ผลิตภัณฑ์จากว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ สมุนไพรบำรุงผิวพรรณ

ว่านหางจระเข้ ภาษาอังกฤษ เรียก Aloe ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของว่านหางจระเข้ คือ Aloe barbadenisi Mill. สำหรับชื่อเรียกอื่นๆของว่านหางจระเข้ เช่น  ว่านไฟไหม้ หางตะเข้ เป็นต้น นิยมนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำเครื่องสำอางค์ สำหรับบำรุงผิว สรรพคุณของว่านหางจระเข้ เช่น รักษาแผล บำรุงผิว รักษาแผลในกระเพาะอาหาร และ บำรุงเส้นผม

ประโยชน์ของว่านหางจระเข้ ว่านหางจระเข้ สามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ชรา และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้อีกด้วย อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ รวมไปถึงกรดอะมิโนอีกหลายชนิดที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นพืชเพียงไม่กี่ชนิดที่มีวิตามินบี12

ว่านหางจระเข้ มีถิ่นกำเนิดมาจากแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ปลูกง่าย โดยการใช้หน่ออ่อน ปลูกได้ดีในบริเวณทะเลที่เป็นดินทราย และมีปุ๋ยอุดมสมบูรณ์ดี จะปลูกเอาไว้ในกระถางก็ได้ ในแปลงปลูกก็ได้ ปลูกห่างกันสัก 1-2 ศอก เป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก แต่ต้องมีการระบายน้ำดีพอ ชอบแดดรำไร ไม่ชอบแดดจัด

ลักษณะของต้นว่านหางจระเข้

ต้นว่านหางจระเข้ เป็น ไม้ล้มลุก ความสูงประมาณ 30 เซ็นติเมตร ลักษณะเป็นข้อและปล้องสั้น ใบของว่านหางจระเข้ เป็น ใบเดี่ยว ยาว อวบน้ำ มีสีเขียวอ่อน ภายในใบมีวุ้นใส ดอกว่านหางจระเข้ จะเป็นช่อออกตรงกลางต้น ดอกย่อยของว่านหางจระเข้ เป็นหลอดห้อยลง จะมีสีส้ม

สรรพคุณของว่านหางจระเข้

สำหรับการใช้ประโยชน์จากว่านหางจระเข้ ในด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค เราจะใช้น้ำยางที่ใบของว่านหางจระเข้มาใช้ประโยชน์ สามารถรับประทานและทาภายนอกได้ ซึ่งสามารถสรุปสรรพคุณของว่านหางจระเข้ ได้ดังนี้

  • ช่วยรักษาแผล รักษาฝี รักษาแผลสด รักษาแผลที่ริมฝีปาก รักษาแผลถลอก ช่วยสมานแผล รักษาแผลไฟไหม้ รักษาแผลน้ำร้อนลวก
  • บำรุงผิวพรรณ ช่วยขจัดรอยแผลเป็น ช่วยปกป้องผิวพรรณจากแสงแดด ลดอาการผิวแห้ง รักษาฝ้า รักษาโรคเรื้อน
  • ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคเบาหวาน
  • ช่วยแก้อาการปวดหัว
  • ช่วยบำรุงระบบทางเดินอาหาร รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยแก้กระเพาะลำไส้อักเสบ
  • เป็นยาระบาย ช่วยรักษาโรคท้องผูก ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร
  • ช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อ

สารสำคัญในว่านหางจระเข้

น้ำยางของว่านหางจระเข้ มี สารโพลียูโรไนด์และโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งเป็นสารสำคัญที่สามารถช่วยรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้นและป้องกันการติดเชื้อได้ดี แต่การสกัดสารโพลียูโรไนด์และโพลีแซคคาไรด์ต้องใช้กระบวนการผลิตที่ดีเท่านั้น นอกจากว่านหางจระเข้ทำให้แผลสะอาด ยังกระตุ้นเนื้อเยื่อที่เสียให้เจริญเติบโตขึ้นใหม่ได้เร็วขึ้น

ผลิตภัณฑ์จากว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณเด่นในเรื่องการบำรุงผิวพรรณและรักษาแผล จึงมีผลิตภัณฑ์ที่ถูกแปรรูปจากว่านหางจระเข้อยู่หลากหลายเกี่ยวกับผิวพรรณและการรักษาแผล มีดังนี้

  • เจลว่านหางจระเข้ สรรพคุณ ใช้ทาเพื่อลดอาการบวม เป็นครีมทาใต้ตา บำรุงผิวหน้า เพิ่มความชุ่มชื้น ใช้ผสมกับส่วนผสมต่าง ๆ พอกหน้าแทนวุ้นว่านหางจระเข้ได้ ทั้งยังใช้ทาแผลพุพอง แผลสด เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนได้อีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งผ่านการยิงเลเซอร์ และมีรอยไหม้แดงบนใบหน้า จะทำให้บรรทาอาการลงและฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • ครีมว่านหางจระเข้ ก็มีสรรพคุณเดียวกันกับเจลว่านหางจระเข้ แตกต่างกันที่เนื้อผลิตภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เข้มข้นกว่า อาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีหน้ามัน เพราะเนื้อครีมจะให้ความรู้สึกหนักกว่าเนื้อเจล แต่ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่มีหน้าแห้ง เพราะจะให้ความชุ่มชื้นที่มากกว่า

ทั้งนี้นอกจากเจลว่านหางจระเข้และครีมว่านหางจระเข้แบบทั่วไปแล้ว ยังถูกต่อยอดออกไปเป็นเจลล้างหน้าว่านหางจระเข้ เจลและครีมว่านหางจระเข้แบบผสมสารกันแดด นอกจากนี้ยังมีน้ำว่านหางจระเข้สำหรับดื่มอีกด้วย โดยสรรพคุณไม่แตกต่างจากว่านหางจระเข้สดมากนัก

โทษของว่านหางจระเข้

สำหรับการใช้ประโยชน์จากว่านหางจระเข้ มีข้อควรระวังอยู่บ้าง ซึ่งคำแนะนำในการใช้ว่านหางจระเข้ มีดังนี้

  • วุ้นจากใบว่านหางจระเข้นำมาใช้รักษาแผลได้ดี แต่ต้องทำให้สะอาดก่อนนำมาพอกและทาแผลไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
  • ว่านหวางจะระเข้ มีสรรพคุณเป็นยาระบาย สำหรับสตรีมีครรภ์และสรีระหว่างมีประจำเดือนไม่ควรใช้
  • ไม่ควรรับประทานสารสกัดจากใบว่านหางจระเข้ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพราะ เป็นอัยตรายต่อร่างกาย อาจทำให้มีผลข้างเคียงต่างๆ เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง และ ภาวะไตวายฉับพลัน

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร (แบ่งตามสรรพคุณรักษาโรคของสมุนไพร) โรค (แบ่งต่ามอาการป่วยของอวัยวะต่างๆ) แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลการดูแลตัวเองเบื้องต้น ข้อมูลดีๆในเว็ยไซต์แห่งนี้เนื้อหามีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา

เสาวรส Passion fruit หรือ กระทกรกฝรั่ง ผลไม้ สรรพคุณบำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ แก้ไอ ขับเสมหะ ผลเสาวรสนิยมยำมาทำอาหาร รสชาติอร่อย วิตามินสูง

เสาวรส กระทกรกฝรั่ง ผลไม้ สมุนไพร

ต้นเสาวรส ภาษาอังกฤษ เรียก Passionfruit ชื่อวิทยาศาสตร์ของเสาวรส คือ Passiflora edulis ชื่อเรียกอื่นๆของเสาวรส เช่น กระทกรก สุคนธรส เป็นต้น ต้นเสาวรสมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวีปอเมริกาใต้ ซึ่งพบว่ามีเสาวรสในบราซิล ปารากวัย อาร์เจนตินา ประโยชน์ของเสาวรส มีสรรพคุณหลากหลาย อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 กรดโฟลิก ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุแมกนีเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุโพแทสเซียม ธาตุสังกะสี และคาร์โบไฮเดรต นิยมรับประทานเสาวรสเป็นผลไม้สด

แหล่งปลูกเสาวรสเพื่อการพาณิชย์มีหลายประเทศ เช่น อินเดีย ศรีลังกา นิวซีแลนด์ ประเทศแถบทะเลแคริบเบียน บราซิล โคลอมเบีย โบลิเวีย เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย เปรู เปอร์โตริโก สาธารณรัฐโดมินิกัน สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย แอฟริกาตะวันออก เม็กซิโก อิสราเอล คอสตาริกา แอฟริกาใต้ และ โปรตุเกส

สายพันธ์เสาวรส

ต้นเสาวรส มีอีกชื่อหนึ่งว่า กะทกรกฝรั่ง สำหรับเสวรสในประเทศไทย นิยมปลูก 3 สายพันธุ์ คือ เสาวรสสีม่วง เสาวรสสีเหลือง และ เสาวรสลูกผสม รายละเอียด ดังนี้

  • เสาวรสสีม่วง ลักษณะของผลจะมีสีม่วง เป็นเสาวรสที่พบได้มากในที่สูงที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลา สายพันธ์นี้ผลจะมีขนาดเล็ก มีรสชาติดี มีกรดต่ำสีสวยและหวาน เหมาะสำหรับรับประทานเป็นผลไม้สด
  • เสาวรสสีเหลือง ลักษณะของผลเป็นสีเหลือง พบได้ตามพื้นที่สูงตามชายฝั่งทะเล ลักษณะเด่นผลมีขนาดใหญ่ ผลดก มีกรดมาก เหมาะสำหรับแปรรูป
  • เสาวรสลูกผสม เกิดจากการผสมระหว่างเสาวรสสีม่วงกับเสาวรสสีเหลือง ลักษณะผลใหญ่ ให้ผลดก มีเมล็ดมาก สามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี

เสาวรสในประเทศไทย

สำหรับเสาวรสในประเทศไทย เราพบว่ามีการปลูกเสาวรสอยู่ 3 สายพันธุ์ คือ เสาวรสพันธุ์สีม่วง เสาวรสพันธ์สีเหลือง และ เสาวรสพันธ์ผสม สำหรับพันธ์สีม่วง เปลือกสีม่วง เนื้อในสีเหลืองอมหวาน แต่ไม่ค่อยทนโรคในเขตร้อน เสารสพันธุ์สีเหลือง หรือ เสาวรสสีทอง เป็นสายพันธ์ที่นิยมปลูกในเขตร้อน ผลแก่สีเหลือง รสเปรี้ยวมาก  ส่วนเสาวรสพันธุ์ผสม ผลสุกเป็นสีม่วงอมแดง รสเปรี้ยวจัด และ กลิ่นแรง

ลักษณะของต้นเสาวรส

ต้นเสาวรส เป็นไม้เลื้อย การขยายพันธุ์เสาวรส สามารถขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ดพันธ์ การปักชำ และ การตอนเถา ซึ่งนิยมขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ดพันธ์มากที่สุด ลักษณะของต้นเสาวรส มีดังนี้

  • ลำต้นเสาวรส ลำต้นเป็นเถา ไม้เลื้อย มีหนามขนาดเล็ก เถาแตกมือเกาะบริเวณซอกใบ
  • ใบเสาวรส เป็นใบเดี่ยว ใบมีสีเขียว ปลายแฉกแหลม ใบหนา และ สากมือ
  • ดอกเสาวรส เป็นดอกเดี่ยว ออกดอกตามซอกใบและเถา ดอกสีเขียว ด้านในสีขาว ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
  • ผลเสาวรส เป็นผลเดี่ยว ทรงกลม อวบน้ำ สีเปลือกแตกต่างกันตามแต่ละสายพันธุ์
  • เมล็ดเสาวรส ลักษณะรี เมล็ดด้านในสีดำ เยื่อหุ้มเมล็ดมีรสเปรี้ยวจัด เมล็ดของเสาวรส เป็นส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ทำน้ำผลไม้บริโภค

คุณค่าทางโภชนาการของเสาวรส

การบริโภคเสาวรสเป็นอาหาร นิยมรับประทานผลเสาวรส ซึ่งนักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของผลเสาวรส ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 97 กิโลแคลอรี และ มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 23.38 กรัม น้ำตาล 11.2 กรัม กากใยอาหาร 10.4 กรัม ไขมัน 0.7 กรัม โปรตีน 2.2 กรัม วิตามินเอ 64 ไมโครกรัม เบตาแคโรทีน 734 ไมโครกรัม วิตามินบี 2 0.13 มิลลิกรัม วิตามินบี 3 1.5 มิลลิกรัม วิตามินบี 6 0.1 มิลลิกรัม วิตามินบี 9 14 ไมโครกรัม โคลีน 7.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 30 มิลลิกรัม วิตามินเค 0.7 ไมโครกรัม ธาตุแคลเซียม 12 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 1.6 มิลลิกรัม ธาตุแมกนีเซียม 29 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 68 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 348 มิลลิกรัม ธาตุโซเดียม 28 มิลลิกรัม และธาตุสังกะสี 0.1 มิลลิกรัม

น้ำเสาวรส มีสาระสำคัญ เช่น Carotenoid ( คาโรทีนอยด์ ) Pectin methyhesterase ( เอนไซม์ เพคทนเมทิลเอสเตอเรส ) Catalase ( คาทาเลส ) Leucine ( ลิวซีน ) Valine ( วาลีน ) Tyrosine ( โทโรซีน ) Prline ( โพรลีน ) Threonine ( ทรีโอนีน ) Glycine ( ไกลซีน ) Aspertic acid ( กรดแอสพาร์ทิก ) Arginine ( อาร์จินีน ) Lysine ( ไลซีน ) และ Alkalod ( อัลคาลอยด์ )

สรรพคุณของเสาวรส

การใช้ประโยชน์จากเสาวรส ด้านการรักษาโรคและการบำรุงร่างกาย สามารถใช้ประโยชน์ได้จาก ยอดเสาวรส รากเสาวรส ใบเสาวรส และผลเสาวรส สรรพคุณของเสาวรส มีดังนี้

  • ยอดของเสาวรส สรรพคุณบำรุงธาตุขัน รักษาแผล
  • รากของเสาวรส สรรพคุณรักษาผดผื่นคัน รักษากามโรค
  • ใบของเสาวรส สรรพคุณช่วยถ่ายพยาธิ
  • ดอกของเสาวรส สรรพคุณแก้ไอ ขับเสมหะ
  • ผลของเสาวรส สรรพคุณบำรุงสายตา บำรุงผิวพรรณ ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน  ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ก่อนเวลาอันควร ช่วยกำจัดสารพิษในเลือด บำรุงไต รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ลดไขมันในเลือด

โทษของเสาวรส

สำหรับการใช้ประโยชน์จากเสาวรสด้านการรักษาโรค ห้ามรับประทานต้นสดของเสารส เนื่องจาก ต้นเสาวรสมีพิษ เป็นอันตรายทำให่เสียชีวิตได้

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร (แบ่งตามสรรพคุณรักษาโรคของสมุนไพร) โรค (แบ่งต่ามอาการป่วยของอวัยวะต่างๆ) แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลการดูแลตัวเองเบื้องต้น ข้อมูลดีๆในเว็ยไซต์แห่งนี้เนื้อหามีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove