กระเพรา Basil สมุนไพร รู้จักกันดีในสังคมไทย ผัดใบกระเพราอาหารยอดนิยม สรรพคุณของกระเพรา แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับลม กระเพรามีโทษหรือไม่ รู้จักกับกระเพรา

กระเพรา สมุนไพร สรรพคุณของกระเพรา

กระเพรา ภาษาอังกฤษ เรียก Basil ชื่อวิทยาศาสตร์ของกระเพรา คือ Ocimum sanctum, Linn. สำหรับชื่อเรียกอื่นๆของกระเพรา เช่น กระเพราแดง กระเพราขาว ก่ำก้อขาว ก่ำก้อดำ กอมก้อขาว กอมก้อด ห่อตูปลา ห่อกวอซู เป็นต้น กระเพรา เป็นพืชพื้นเมืองของเขตร้อนของทวีปเอเชียและแอฟริกา ซึ่งพบมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น พม่า ไทย ลาว กัมพูชา เป็นต้น ผักสวนครัว พืชอายุสั้น พบเห็นได้ทั่วไปในบ้านของสังคมไทย สรรพคุณของกระเพราแก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ ช่วยขับลม รักษาโรคผิวหนัง ไล่แมลง แก้ไอ ขับเสมหะ

ประโยชน์ของกะเพรา  นิยมนำใบกระเพราใช้ประกอบอาหาร ใบกระเพรามีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสเผ็ดร้อน เพิ่มรสชาติให้กับอาหาร น้ำมันหอมระเหยของใบกระเพรามีสารสำคัญ ประกอบด้วย ไลนาลูออล ( linalool ) และ เมทิลคาวิคอล ( methylchavicol ) สามารถนำมาใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ แก้ปวดท้อง บำรุงธาตุ น้ำมันหอมระเหยจากกระเพรามีประโยชน์มากมายและราคาสูง

ลักษณะของต้นกระเพรา

ต้นกะเพรา พืชล้มลุก ที่มีความสูงประมาณ 60 เซ็นติเมตร สามารถขยายพันธุ์โดยการเพราะเมล็ดพันธ์  ปลูกง่าย ไม่ต้องการแสงมาก ไม่ต้องการการดูแลมาก ลักษณะของต้นกระเพรา มีดังนี้

  • ลำต้นกระเพรา แตกกิ่งก้านสาขา ความสูงประมาณ 60 เซ็นติเมตร โคนลำต้นค่อนข้างแข็ง ลำต้นมีขนและมีกลิ่นหอม
  • ใบกระเพรา ลักษณะเป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม ใบเป็นทรงรี ปลายแหลมหรือมน โคนแหลม ขอบจักฟันเลื่อยและเป็นคลื่น แผ่นใบมีขนโดยเฉพาะยอด ใบสีเขียว เรียกกะเพราขาว ใบสีแดงเรียกกะเพราแดง
  • ดอกกระเพรา ลักษณะดอกออกเป็นแบบช่อฉัตร ออกบริเวณปลายยอดและปลายกิ่ง รูปคล้ายระฆัง ดอกสีขาวแกมม่วงแดงมีจำนวนมาก กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกัน ปลายเรียวแหลม ด้านนอกมีขน
  • เมล็ดกระเพรา  เมล็ดกลมเล็กๆ สีน้ำตาล อยู่ในดอกแห้งของกระเพรา นำไปแช่น้ำเปลือกหุ้มเมล็ดพองออกเป็นเมือกเมื่อแก่หรือแห้ง เมล็ดจะเป็นสีดำอยู่ข้างในซึ่งหุ้มด้วยกลีบเลี้ยง 

คุณค่าทางโภชนาการของกระเพรา

สำหรับการรับประทานกระเพราเป็นอาหารนิยมรับประทานส่วนใบเป็นอาหาร ซึ่งนักโภชนากการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของใบกระเพราสด ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 23 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย ไขมัน 0.6 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 0.4 กรัม ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 0.1 กรัม โซเดียม 4 มิลลิกรัม  โพแทสเซียม 295 มิลลิกรัม คาร์โบไฮเดรตทั้งหมด 2.7 กรัม กากใยอาหาร 1.6 กรัม น้ำตาล 0.3 กรัม โปรตีน 3.2 กรัม และ วิตามินต่างๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามืนดี วิตามินบี  วิตามินบี วิตามินอี วิตามินเค และสารอาหารอื่นๆ เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก  แมกนีเซียม ไทอามิน ไรโบพลาวิน ไนอาซิน  ซิงค์ และ ฟอสฟอรัส

น้ำมันหอมระเหยของกระเพรามีสารสำคัญยู่หลายชนิด เช่น  โอวิมอล ( ocimol ) เมทิลคาวิคอล ( methylchavicol ) แคลิโอฟิลลีน ( caryophyllene ) ไลนาลูออล ( linalool ) บอร์มีออล ( bormeol ) ยูจีนอล ( eugenol )  และ แคมฟีน ( camphene )

สรรพคุณของกระเพรา

สำหรับการใช้ประโยชน์จากกระเพรา ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถนำมาใช้ ทั้งส่วน ใบ เมล็ด และราก รายละเอียด ของสรรพคุณของกระเพรา มีดังนี้

  • ใบสดของกระเพรา มีน้ำมันหอมระเหย ประกอบไปด้วย ไลนาลูออล ( linalool ) และ เมทิลคาวิคอล ( methylchavicol ) สรรพคุณใช้เป็นยาขับลม แก้ท้องอืด แก้ท้องเฟ้อ แก้ปวดท้อง บำรุงธาตุ
  • ใบแห้งของกระเพรา สรรพคุณช่วยยับยั้งการเจริญเติมโตของเชื้อโรคบางชนิด ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์บางชนิด
  • เมล็ดของกระเพรา นำเมล็ดไปแช่น้ำ เมล็ดจะพองเป็นเมือกสีขาว นำไปพอกในบริเวณตา จะไม่ทำให้ตาเราช้ำ
  • รากของกระเพรา ใช้รากแห้ง นำมาชงหรือต้มดื่ม แก้โรคธาตุพิการ

โทษของกระเพรา

สำหรับการใช้ประโยชน์จากกระเพรา มีข้อควรระวังในการใช้ประโยชน์ ซึ่งโทษของกระเพรา มีดังนี้

  • น้ำยางจากกะเพรา มีความเป็นพิษ อย่าให้ยางสัมผัสผิว เพราะจะทำให้ระคายเคือง
  • การปลูกกระเพราเชิงพาณิยช์อาจมีสารตกค้างในใบกระเพรา ดังนั้นหากเป็นใบกระเพราที่ไม่ทราบที่มาหรือไม่แน่ใจใว่สะอากปราศจาคสารตกค้าง ให้ล้างให้สะอาดก่อนนำมาทำอาหาร

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร (แบ่งตามสรรพคุณรักษาโรคของสมุนไพร) โรค (แบ่งต่ามอาการป่วยของอวัยวะต่างๆ) แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลการดูแลตัวเองเบื้องต้น ข้อมูลดีๆในเว็ยไซต์แห่งนี้เนื้อหามีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา

ตำลึง นิยมปลูกริมรั้วบ้าน สรรพคุณของตำลึง ช่วยแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยขับลม บำรุงสายตา รักษาแมงสัตว์กัดต่อย ลดน้ำตาลในเลือด ใช้รักษาแผล โทษของตำลึงเป็นอย่างไร

ตำลึง สมุนไพร ผักพื้นบ้าน

ต้นตำลึง ภาษาอังกฤษ เรียก Lvy Gourd, Coccinia ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของตำลึง คือ Cocconia grandis (L.) Voigt สำหรับชื่อเรียกอื่นๆ ของผักตำลึง เช่น ผักแคบ แคเด๊าะ สี่บาท ผักตำนิน เป็นต้น สังคมไทยรู้จักผักตำลึงเป็นอย่างดี ผักตำลึงนิยมนำมาทำอาหารรับประทาน ทานเป็นผักสด หรือ นำมาผัด มาต้มกิน ผักตำลึงมีสารเอนไซม์อะไมเลส สรรพคุณช่วยย่อยแป้ง และมีบีตาแคโรทีน ช่วยซ่อมแซมส่วนของร่างกายที่สึกหรอ

ประโยชน์ของตำลึง  สามารถนำมารับประทานและยังนำมาเป็นส่วนประกอบของเครื่องประทินผิวและยารักษาโรคในการแพทย์แผนโบราณ เช่น นำเถาและใบมาตำผสมกับปูนแดงใช้ทาบริเวณรักแร้ ช่วยระงับกลิ่นกาย ยอดตำลึงนำมาผสมน้ำผึ้ง นำมาพอกหน้าช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง เป็นต้น สำหรับอาหารไทย นิยมใช้ยอดและใบตำลึงกินเป็นผักสด และใช้ประกอบอาหารได้หลายเมนู เช่น  แกงจืด ต้มเลือดหมู แกงเลียง ก๋วยเตี๋ยว ผัดไฟแดง ไข่เจียว เป็นต้น

ลักษณะของต้นตำลึง

ต้นตำลึง เป็นพืชล้มลุก ไม้เลื้อยซึ่งลำต้นจะเลื้อยเกาะตามหลัก เช่น แนวรั้วบ้าน ต้นไม้ สามารถขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ดพันธ์ ลักษณะของต้นตำลึง มีดังนี้

  • ต้นตำลึง เป็นไม้เถาเลื้อยขึ้นตามหลักเสา ตามรั้วบ้านหรือพันต้นไม้อื่น อายุยืนยาวหลายปี มีมือเกาะยึดออกตรงข้ามใบ ลำต้นเล็กยาว เมื่ออายุมากลำต้นหรือเถาจะใหญ่และแข็งแรงมากขึ้น
  • ใบตำลึง เป็นใบเดี่ยว สีเขียว รูปสามเหลี่ยม กว้าง 5 ซม. ยาว 6-7 ซม. สลับข้างกัน ตำลึงตัวผู้ใบหยักเว้าลึก 3-5 หยัก ต่างจากใบของต้นตำลึงตัวเมียที่เป็นรูปสามเหลี่ยม อยู่แยกต้นออกจากกัน
  • ดอกตำลึง สีขาวปลายกลีบ 5 แฉก ข้างในมีเกสรสีเหลืองอ่อน มองคล้ายรูประฆัง
  • ผลตำลึง เป็นรูปไข่คล้ายผลแตงกวาแต่เล็กกว่ามาก กว้าง 1 -2 ซม. ยาว 3-4 ซม. เมื่ออ่อนจะมีสีเขียวมีลายขาว ผลสุกเต็มที่สีแดงสด ภายในมีเมล็ดมากมาย ส่วนตำลึงตัวผู้มีแต่ดอกแต่ไม่มีผล

คุณค่าทางโภชนาการของตำลึง

สำหรับการบริโภคตำลึงเป็นอาหารนิยมรับประทานใบและยอดอ่อนตำลึงเป็นอาหาร นักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของตำลึงขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 35 กิโลแคลอรี มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย โปรตีน กากใยอาหาร 1 กรัม เบตาแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม  ธาตุฟอสฟอรัส และ ธาตุเหล็ก

สรรพคุณของตำลึง

สำหรับการใช้ประโยชน์จากตำลึงด้านการบำรุงร้างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ใบ ดอก เมล็ด ราก ลำต้น ซึ่งสรรพคุณของตำลึง มีดังนี้

  • รากของตำลึง สรรพคุณลดไข้ แก้อาเจียน ลดความอ้วน แก้ฝี แก้ปวดบวม แก้พิษร้อนใน แก้พิษแมลงป่องหรือตะขาบข่อย
  • ลำต้นของตำลึงสรรพคุณแก้อาการวิงเวียนศรีษะ  รักษาโรคผิวหนัง ลดระดับน้ำตาลในเลือด
  • ใบของตำลึง สรรพคุณลดวามร้อนในร่างกาย รักษาโรคผิวหนัง แก้ผื่นคันจากหมามุ้ย แก้ปวดแสบปวดร้อน แก้แมลงสัตว์กัดต่อย แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้จุกเฉียด
  • ดอกของตำลึง สรรพคุณรักษาอาการคันผิวหนัง
  • เมล็ดของตำลึง สรรพคุณใช้รักษาหิด

โทษของตำลึง

การรับประทานตึลึงหรือใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ไม่พบอันตรายจากการใช้ประโยชน์จากตำลึงในด้านต่างๆ แต่ตำลึงมีฤทธิ์เป็นยาเย็น ลดความร้อนในร่างกาย สำหรับคนที่มีภาวะตัวเย็นอยู่แล้วหากรับประทานตำลึงมากเกินไปอาจทำให้ตัวเย็น เกินอาการชา

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร (แบ่งตามสรรพคุณรักษาโรคของสมุนไพร) โรค (แบ่งต่ามอาการป่วยของอวัยวะต่างๆ) แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลการดูแลตัวเองเบื้องต้น ข้อมูลดีๆในเว็ยไซต์แห่งนี้เนื้อหามีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove