บอระเพ็ด ( Heart leaved moonseed ) พืชรสขม สมุนไพร นิยมทำยารักษาโรค สรรพคุณช่วยลดไข้ บำรุงกำลัง บำรุงเลือด ช่วยเจริญอาหาร เป็นยาอายุวัฒนะ ขับพยาธิบำรุงผิวพรรณ

บอระเพ็ด ต้นบอระเพ็ด สมุนไพร สรรพคุณของบอระเพ็ด

บอระเพ็ด ( Heart leaved moonseed ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของบอระเพ็ด คือ Tinospora crispa (L.) Miers ex Hook.f.& Thomso ชื่ออื่นของบอระเพ็ด เช่น ตัวเจตมูลยาน เถาหัวด้วน หางหนู จุ่งจิง เครือเขาฮอ เจตมูลหนาม เป็นต้น

ต้นบอระเพ็ด ถือไม้เลื้อย ซึ่งจะพบเห็นต้นบอระเพ็ด พันตามต้นไม้ เถาของบอระเพ็ดมีลัษณะกลมใหญ่เป็นปุ่ม มีสีเทาอมดำ รสขมจัด ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับกัน ลักษณะใบเหมือนรูปหัวใจ ขอบใบเรียบ สีเขียว ดอกจะออกตามซอกใบ สีเขียวอมเหลือง ขนาดเล็ก ผลเป็นทรงกลม สีเหลือง

สรรพคุณของบอระเพ็ด

สามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้ง ราก ลำต้น ใบ ดอก และผล รายละเอียด ดังนี้

  • รากของบอระเพ็ด ใช้ลดไข้ ดับพิษร้อน และ ช่วยเจริญอาหาร
  • ลำต้นของบอระเพ็ด ใช้ลดไข้ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุขัน บำรุงเลือด แก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยเจริญอาหาร เป็นยาอายุวัฒนะ
  • ใบของบอระเพ็ด ใช้แก้ไข้ ขับพยาธิ แก้ปวดฝี บำรุงธาตุ ลดความร้อนในร่างกาย บำรุงผิวพรรณ รักษาโรคผิวหนัง รักษาผดผื่นคัน บำรุงเส้นเสียง ใช้รักษาเลือดคั่งในสมอง เป็นยาอายุวัฒนะ
  • ดอกของบอระเพ็ด ใช้ฆ่าพยาธิในท้อง ในฟัน ในหู
  • ผลของบอระเพ็ด ใช้ขับเสมหะ ลดไข้

เมื่อพูดถึงสมุนไพรที่มีรสขมนั้นนับได้ว่า บอระเพ็ดเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีรสขม โดยอาจจะเรียกได้ว่ามีรสชาติที่ขมที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งรสชาติที่ขมของบอระเพ็ดนั้นมีสรรพคุณเหลือหลายที่มีบอระเพ็ด สมุนไพร รสขม ที่ใช้เป็นอายุวัฒนะ ผมหงอกแก้ด้วยบอระเพ็ดะโยชน์ต่อร่างกายและมีสรรพคุณทางยาที่มากล้น จนมีคำกล่าวว่าหวานเป็นลมขมเป็นยานั่นเอง บอระเพ็ดนั้นจัดเป็นต้นไม้ประเภทเครือเถา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะจะขึ้นเกี่ยวกับต้นไม้ชนิดไม้ยืนต้นเป็นหลัก

บอระเพ็ดเป็นสมุนไพรที่มีรสขม โดยรสชาติที่ขนของบอระเพ็ดนั้นมีสรรพคุณมากมายโดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้บอระเพ็ดเป็นยาสมุนไพรในการช่วยให้เจริญอาหารได้เป็นอย่างดี อีกทั้งบอระเพ็ดยังมีสารต้านอนุมูลอิสระมากมายโดยเฉพาะแทนนินซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการต่อต้านความเสื่อมชราและชะลอความแก่ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง นอกจากบอระเพ็ดจะถูกใช้เป็นยาสมุนไพรเพื่อบำรุงร่างกายแล้วบอระเพ็ดยังถูกนำมาใช้เพื่อบำรุงและฟื้นฟูร่างกายทางด้านต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องของความสวยความงาม เช่น หากผู้ใดที่มีปัญหาเรื่องของสุขภาพเส้นผมทั้งเส้นผมบางผมร่วงอีกทั้งยังรวมไปถึงผมหงอกก่อนวัยนั้นนับเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายคนวิธีการแก้ไขง่ายๆโดยใช้สมุนไพรบอระเพ็ดรับประทานวันละ 600 มิลลิกรัม โดยรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนขึ้นไปนั้นจะช่วยทำให้ผมกลับมาดกดำไม่ร่วงง่ายและยังช่วยให้ผมที่งอกนั้นกลับมาดกดำเหมือนเดิมได้เป็นอย่างดีนั่นเอง

นอกจากนั้นแล้วบอระเพ็ดยังสามารถช่วยให้ผู้ที่ทานเป็นประจำจะมีร่างกายที่แข็งแรงอีกทั้งยังมีความสดชื่นอยู่เสมอ
ความคมของบอระเพ็ดนั้นสามารถช่วยในการถอนพิษไข้ได้เป็นอย่างดีจึงมีการนำมาใช้เพื่อรักษาโรคใครหวัดและไอตัวร้อนรวมถึงอาการดีซ่านซึ่งสามารถรักษาได้เป็นอย่างดี แม้ในปัจจุบันนี้ผลงานวิจัยทางด้านการใช้บอระเพ็ดเป็น

สมุนไพรในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆนั้นอาจจะยังดูน้อยเนื่องจากสมุนไพรบอระเพ็ดนั้นจะไม่ค่อยมีคนพูดถึงกันมากเท่าไหร่ แต่ปัจจุบันนี้ในทางการแพทย์แผนไทยและเภสัชกรรมไทยได้มีการผลิตบอระเพ็ดแคปซูลเพื่อเป็นยาสมุนไพรบำรุงร่างกายออกมาวางจำหน่ายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการใช้สมุนไพรบำรุงร่างกายนั่นเองโดยถือได้ว่าเป็นการตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจและหันมาใช้ยาสมุนไพรแทนการใช้ยาแผ่นปัจจุบันนั้นเอง

โดยสมุนไพรบอระเพ็ดนั้นมีข้อดีคือสามารถช่วยในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังมีผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้น้อยกว่าการใช้ยาเคมีหรือยาแผนปัจจุบันนั่นเอง

ข้อควรระวังในการกินบอระเพ็ด

สมุนไพรบอระเพ็ดสำหรับการรับประทานในส่วนของรากอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจมีผลต่อหัวใจ เนื่องจากเป็นยารสขม สิ่งที่ต้องระวังก็คือไม่ควรใช้ติดกันต่อเนื่องเกิน 1 เดือน ถ้าหากจำเป็นต้องใช้ในเดือนถัดไปก็ควรเว้นระยะเวลา 1-2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อยเพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสภาพได้ก่อน ถ้าใช้ไปแล้วมีอาการมือเท้าเย็น แขนขาหมดเรี่ยวแรงก็ควรหยุดรับประทาน

ข้อควรคำนึงในการบริโภค บอระเพ็ดแบบแคปซูล คือ ไม่ควรทานติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่าหนึ่งเดือน เพราะ หากมีการทานเกินกว่าหนึ่งเดือน จะมีการสะสมในร่างกายทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียและเบื่ออาหารได้

สมุนไพรบอระเพ็ด สำหรับการรับประทานในส่วนของรากอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจมีผลต่อหัวใจ เนื่องจากเป็นยารสขม สิ่งที่ต้องระวังก็คือไม่ควรใช้ติดกันต่อเนื่องเกิน 1 เดือน ถ้าหากจำเป็นต้องใช้ในเดือนถัดไปก็ควรเว้นระยะเวลา 1-2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อยเพื่อให้ร่างกายสามารถปรับสภาพได้ก่อน ถ้าใช้ไปแล้วมีอาการมือเท้าเย็น แขนขาหมดเรี่ยวแรงก็ควรหยุดรับประทาน

ถ้าหากใช้แล้วเกิดอาการมือเท้าเย็น อ่อนเพลีย ตาเหลือง แขนขาหมดเรี่ยวแรง ขอแนะนำว่า ควรหยุดรับประทานในทันที และควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นการแสดงอาการเริ่มแรกของโรคตับอักเสบ หากดูจากข้อมูลผลรับรองการวิจัย และความเชื่อของคนในสมัยก่อนที่นำบอระเพ็ดมาใช้เป็นยาแล้วนั้น จะสามารถเห็นได้ว่า ไม่มีความเชื่อหรือผลวิจัยที่ช่วยรับรองที่ช่วยชี้ให้เห็นว่า บอระเพ็ด สามารถช่วยในการลดความอ้วนได้จริง อย่างไรก็ตาม บอระเพ็ด ก็ยังเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์อย่างมากมายต่อร่างกาย ซึ่งสามารถใช้ทานเป็นอาหารเสริมได้ แต่ควรอยู่ในปริมาณที่พอดี ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดผลเสียต่อร่างกาย ดังที่ได้กล่าวถึงไปแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว

บอระเพ็ด ( Heart leaved moonseed ) เป็นไม้เลื้อย พบได้ตามป่าดิบแล้ง สมุนไพรไทย รสขม สรรพคุณของบอระเพ็ด ลดไข้ บำรุงกำลัง บำรุงธาตุขัน บำรุงเลือด แก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยเจริญอาหาร เป็นยาอายุวัฒนะ ขับพยาธิ แก้ปวดฝี ลดความร้อนในร่างกาย บำรุงผิวพรรณ

งาดำ สมุนไพร เมล็ดงาดำนิยมนำมาบริโภค ลักษณะของต้นงาดำเป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการของงาดำ สรรพคุณช่วยชะลอวัย บำรุงผิวพรรณ บำรุงผม โทษของงาดำ มีอะไรบ้าง

งาดำ สมุนไพร สรรพคุณของงาดำ

งาดำ ( Sesamum ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของงาดำ คือ Sesamum indicum L สมุนไพร คุุณค่าทางโภชนาการของงาดำ สรรพคุณของงาดำ ช่วยชะลอความแก่  ช่วยบำรุงผิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยซ่อมแซมผิวพรรณ ช่วยบำรุงรากผม ช่วยให้ผมดกเงางาม ช่วยป้องกันการเกิดผมหงอก ช่วยบำรุงกำลัง ช่วยสลายไขมัน ใช้ลดความอ้วน ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในร่างกาย

นอกจากนั้น งาดำยังมีสรรพคุณ ช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงสมอง ช่วยบำรุงโลหิต ลดความดันโลหิต ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ช่วยให้นอนหลับสบาย  ป้องกันโรคหวัด ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน ป้องกันโรคท้องผูก ช่วยบรรเทาโรคริดสีดวงทวาร ช่วยป้องกันโรคข้อเสื่อม เป็นยาระบายอ่อนๆ  งาดำสามารถช่วยบำรุงร่างกาย ได้มากมาย เช่น ผม ผิว กระดูก เล็บ การขับถ่าย ระบบเลือด บำรุงหัวใจ หรือผู้หญิงวัยทอง ซึ่งงาดำช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ได้ดี

งาดำ ถือเป็นพืชชนิดพืชล้มลุก งาดำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Sesamum indicum L งาเป็นพืชท้องถิ่นของเอเชีย และแถบตะวันออกของทวีปแอฟริกา ในปัจจุบันสามารถพบงานได้ในประเทศเขตร้อน ต้นงา จะมีความสูงประมาณ 2 เมตร เมื่อผลของงาเแห้งจะมีเมล็ดเล็กๆสีดำ สามารถนำมารับประทานได้ งาถือว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์มาก หากรับประทานอย่างต่อเนื่องจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ในงาดำ จะมาสารอาหารมากมายประกอบด้วย วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินบี9 ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุสังกะสี และธาตุเหล็ก

ลักษณะของต้นงาดำ

ต้นงาดำ เป็นพืชล้มลุก เป็นไม้เนื้ออ่อน มีขนาดเล็ก ลำต้นตั้งตรงถึงยอด ลำต้นเป็นสี่เหลี่ยมสีเขียวเข้มปนม่วง มีร่องตามยาวและมีขนปกคลุม อวบน้ำ สูงประมาณ 0.5-2 เมตร ใบมีลักษณะคล้ายกับใบหญ้างวงช้าง มีขนตลอดทั้งใบ เป็นใบเดียวรูปไข่ หรือรูปหอก ขอบใบเป็นจัก ใบมีสีเขียวอ่อนไปจนถึงเขียวเข้ม บางพันธุ์ใบอาจเป็นสีเหลือง ก้านใบยาว 5 เซนติเมตร ดอกเป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลุ่มละ 1-3 ดอก ก้านดอกสั้น กลีบรองดอกมี 5 แฉก กลีบดอกมีสีขาว ขาวอมชมพู หรือม่วงอ่อน ผลหรือฝักขนาดค่อนข้างกลม รูปทรงกระบอกหรือแบน มีขนสั้น ๆ ปกคลุมรอบฝัก ปลายฝักมีจงอยแหลม เมล็ดมีรูปไข่ งาดำจะมีเมล็ดเป็นสีดำขนาดใหญ่กว่าเม็ดแมงลักเล็กน้อย ส่วนงาขาวจะมีสีนวล

คุณค่าทางโภชนาการของงาดำ

นักวิชาการได้ศึกษางาดำขนาด 100 กรัม พบว่า คุณค่าทางโภชนาการของงาดำต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 573 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 23.45 กรัม กากใยอาหาร 11.8 กรัม โปรตีน 17.73 กรัม น้ำ 4.69 กรัม น้ำตาล 0.30 กรัมไขมันรวม 49.67 กรัม กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 18.759 กรัม กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 21.773 กรัม กรดไขมันอิ่มตัว 6.957 กรัม
กรดกลูตามิก 3.955 กรัม กรดแอสพาร์ติก 1.646 กรัม เมไธโอนีน 0.586 กรัม ทรีโอนีน 0.736 กรัม ซีสทีอีน 0.358 กรัม ซีรีน 0.967 กรัม ฟีนิลอะลานีน 0.940 กรัม อะลานีน 0.927 กรัม อาร์จินีน 2.630 กรัม โปรลีน 0.810 กรัม ไกลซีน 1.215 กรัม ฮิสทิดีน 0.522 กรัม ทริปโตเฟน 0.388 กรัม ไทโรซีน 0.743 กรัม วาลีน 0.990 กรัม ไอโซลิวซีน 0.763 กรัม ลิวซีน 1.358 กรัม ไลซีน 0.569 กรัม
ไฟโตสเตอรอล 714 มิลลิกรัม เบต้าแคโรทีน 5 ไมโครกรัม วิตามินเอ 9 มิลลิกรัม วิตามินอี 0.25 มิลลิกรัม วิตามินบี 1 0.791 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.247 มิลลิกรัม วิตามินบี 3 4.515 มิลลิกรัม วิตามินบี 5 0.050 มิลลิกรัม วิตามินบี 6 0.790 มิลลิกรัม วิตามินบี 9 97 ไมโครกรัม ธาตุแคลเซียม 975 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 14.55 มิลลิกรัม ธาตุซีลีเนียม 5.7 ไมโครกรัม ธาตุโซเดียม 11 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 629 มิลลิกรัม ธาตุสังกะสี 7.75 มิลลิกรัม ธาตุโพแทสเซียม 468 มิลลิกรัม ธาตุแมกนีเซียม 351 มิลลิกรัม
ธาตุแมงกานีส 2.460 มิลลิกรัม และธาตุทองแดง 4.082 มิลลิกรัม

สรรพคุณของงาดำ

สำหรับ สรรพคุณทางยาของงาดำ ประกอบด้วย ช่วยชะลอความแก่  ช่วยบำรุงผิว ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย ช่วยซ่อมแซมผิวพรรณ ช่วยบำรุงรากผม ช่วยให้ผมดกเงางาม ช่วยป้องกันการเกิดผมหงอก ช่วยบำรุงกำลัง ช่วยสลายไขมัน ใช้ลดความอ้วน ช่วยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอลในร่างกาย ช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง ช่วยบำรุงสมอง ช่วยบำรุงโลหิต ลดความดันโลหิต ช่วยขยายหลอดเลือด ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ช่วยให้นอนหลับสบาย  ป้องกันโรคหวัด ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา ช่วยบำรุงกระดูก ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน ป้องกันโรคท้องผูก ช่วยบรรเทาโรคริดสีดวงทวาร ช่วยป้องกันโรคข้อเสื่อม

ข้อควรระวังในการบริโภคงาดำ

  1. สำหรับคนที่ลดน้ำหนักโดยการกินงาดำ เนื่องจากงาดำมีน้ำหนักเบา ซึ่งทำให้น้ำหนักตัวลดมาก อาจไม่ดีต่อสุขภาพ
  2. การบริโภคเมล็ดงาดำ มากเกินไปทำให้ลำไส้ใหญ่ถูกทำลายได้ และเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
  3. เมล็ดงา ทำให้ลำไส้ใหญ่อักเสบได้ และอาจทำให้ท้องผูก ปวดท้องได้
  4. อาการแพ้งาดำ ในการบริโภคงาดำสามารถทำให้แพ้ได้ อาการการแพงงาดำ เช่น ระบบย่อยอาหารผิดปกติ ตาอักเสบ น้ำมูกไหล หายใจลำบาก เป็นต้น หรือบางรายมีอาการแพ้อย่างรุนแรง คือ หอบ ความดันโลหิตต่ำ รู้สึกแน่นหน้าอก และทางเดินหายใจตีบตัน อาจเสียชีวิตได้ในที่สุด
  5. การบริโภคงาดำมากเกินไปอาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ไส้ติ่งได้
  6. คุณสมบัติหนึ่งของาดำคือ เป็นยาระบาย ซึ่งถ้าบริโภคมากเกินไปจะทำให้มีการถ่ายท้องมากเกินไป
  7. งาดำมีสรรพคุณในการบำรุงผม แต่ถ้าหากใช้มากเกินไป จะทำให้ผมร่วงได้
  8. ในสตรีมีครรภ์ ช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ไม่ควรรับประทานงาดำ อาจทำให้แท้งบุตรได้

ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove