ฟ้าทะลายโจร ( Kariyat ) สมุนไพร ประโยชน์และสรรพคุณช่วยสมานแผล ลดไข้ แก้ไอ ขับเสมหะ รักษาระบบทางเดินอาหารอักเสบ รักษาทอนซิลอักเสบ ต้นฟ้าทลายโจรเป็นอย่างไรฟ้าทะลายโจร สมุนไพร สรรพคุณของฟ้าทะลายโจร

ต้นฟ้าทะลายโจร ภาษาอังกฤษ เรียก Kariyat ชื่อวิทยาศาสตร์ของฟ้าทะลายโจร คือ Andrographis paniculata Wall. ex Ness. สำหรับชื่อเรียกอื่นๆของฟ้าทะลายโจร เช่น น้ำลายพังพอน ฟ้าสาง หญ้ากันงู สามสิบดี ฟ้าสะท้าน เขยตายยายคลุม เมฆทะลาย เป็นต้น ซึ่งชื่อเรียกของฟ้าทลายโจร ก็จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องถิ่น จัดเป็นสมุนไพรท้องถิ่นในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่น อินเดีย จีน ศรีลังกา และ ไทย นิยมนําส่วนของใบและลําต้นใต้ดินมาทํายารักษาโรค

ลักษณะของต้นฟ้าทะลายโจร

ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุก การขยายพันธุ์ของฟ้าทะลายโจรสามารถขยายพันธ์โดยใช้เมล็ด ลักษณะของต้นฟ้าทะลายโจร มีดังนี้

  • ลำต้นฟ้าทะลายโจร มีลำต้นตั้งตรง ปลายกิ่งเป็นสี่เหลี่ยมสีเขียว ความสูงประมาณ 2 ฟุต
  • ใบของฟ้าทลายโจร เป็นใบเดี่ยว ใบแคบ ตรงปลายและโคนใบจะแหลม ผิวมัน สีเขียว
  • ดอกของฟ้าทลายโจร เป็นช่อตามง่ามใบ และส่วน ยอดของต้น ลักษณะของดอกเป็นหลอด ส่วนปลายของดอก จะแยกออกเป็น 5 กลีบ มีสีขาวอมม่วง ดอกฟ้าทะลายโจรจะแบ่งออกเป็น 2 ปาก โดยปากบนจะแยกออกเป็น 3 กลีบ และปากล่างจะแยกออก 2 กลีบ และมีเลี้ยง 5 กลีบผลของฟ้าทะลายโจร มีขนาดเล็ก และเมื่อผลแก่เต็มที่จะแตกออกเป็นสองซีก ภายมีสีน้ำตาล

สารสำคัญในฟ้าทะลายโจร

การศึกษาสารสำคัญในฟ้าทะลายโจร พบว่ามีสารสําคัญ 3 สาร ซึ่งเป็นสารในกลุ่ม Lactone  ประกอบด้วย สารแอดโดรกราโฟไลด์ ( Andrographolide ) , สารนีโอแอนโดรกราโฟไลด์ ( NeoAndrographolide ) และ สาร 14-ดีอ๊อกซี่แอนโดรกราโฟไลด์ ( 14-deoxy-andrographolide )

ฟ้าทะลายโจร สามารถรักษาโรคไข้หวัดได้ เนื่องจากในฟ้าทะลายโจรมีสารสำคัญ คือ ไดเทอร์ปีนแลคโตน ( Diterpene Lactones ) ฟลาโวนอยด์ ( Flavonoid ) และสารประกอบอื่นๆ ซึ่งสรรพคุณช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

สรรพคุณของฟ้าทะลายโจร

สำหรับการใช้ประโยชน์จากฟ้าทะลายโจร เพื่อการรักษาโรคและบำรุงร่างกาย สามารถใช้ประโยชน์จากทั้งต้น ทั้งสดและต้นแห้งย โดยรายละเอียดของสรรพคุณฟ้าทะลายโจร มีดังนี้

  • ใบของฟ้าทะลายโจร สามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวก แผลไฟไหม้ นำมาบดผสมกับน้ำมันพืช แล้วพอกบริเวณแผล
  • ต้นของฟ้าทะลายโจร นำมาใช้แก้บิด ชนิดติดเชื้อ แก้โรคระบบทางเดินอาหารอักเสบ ลดไข้ แก้ทอนซิลอักเสบ โดยนำต้นฟ้าทะลายโจร มาต้มน้ำและนำไปดื่ม

วิธีนำฟ้าทะลายโจรมาใช้ประโยชน์ในการรักษาโรค

  • ทำยาชง ด้วยการใช้ใบสดหรือใบแห้ง (ใบสดจะมีสรรพคุณที่ดีกว่า) ประมาณ 5-7 ใบ แล้วนำมาต้มกับน้ำเดือดลงจนเกือบเต็มแก้ว แล้วปิดฝาทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง เมื่ออุ่นแล้วก็นำมารินดื่ม โดยให้รับประทานก่อนอาหารและก่อนนอนครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3-4 ครั้ง
  • ทำยาเม็ดฟ้า ด้วยการใช้ใบสดนำมาล้างให้สะอาด แล้วผึ่งในที่ร่มที่มีลมโกรกให้แห้ง (ห้ามตากแดด) นำมาบดจนเป็นผงละเอียด แล้วนำมาปั้นผสมกับน้ำผึ้ง (หรือน้ำเชื่อมก็ได้เช่นกัน) ให้เป็นเม็ดขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเหลือง (หนักประมาณ 250 มิลลิกรัม) เมื่อปั้นเสร็จแล้วให้ผึ่งลมจนแห้ง (ถ้าไม่แห้งแล้วนำมารับประทานจะขมมาก) โดยรับประทานก่อนอาหารและก่อนนอนครั้งละ 4-10 เม็ด วันละ 3-4 ครั้ง
  • ทำยาแคปซูล ด้วยการใช้ผงยาที่ปั้นเป็นยาลูกกลอน ก็ให้นำมาใส่ในแคปซูล เพื่อที่จะช่วยกลบรสขมของยา ทำให้รับประทานได้ง่าย โดยขนาดแคปซูลที่ใช้คือ ขนาดเบอร์ 2 (250 มิลลิกรัม) ใช้รับประทานก่อนอาหารและก่อนนอนวันละ 3-4 แคปซูล วันละ 3-4 ครั้ง
  • ทำยาผง สำหรับใช้สูดดม โดยใช้ยาผงที่บดละเอียดนำมาใส่ขวด ปิดฝาเขย่าแล้วเปิดฝาออก ผงควันก็จะลอยออกมา ก็ให้สูดดมควันนั้นเข้าไป โดยผงยาจะติดที่คอช่วยทำให้ยาออกฤทธิ์ที่ลำคอโดยตรง จึงช่วยลดเสมหะ แก้อาการเจ็บคอ ช่วยลดน้ำมูก และช่วยฆ่าเชื้อในจมูกได้เป็นอย่างดี (ซึ่งวิธีนี้จะดีกว่าวิธีกวาดคอ วิธีเป่าคอ และวิธีการชง เพราะจะรู้สึกขมน้อย ไม่รู้สึกขยาดเวลาใช้ ใช้งานง่ายและสะดวก) โดยนำมาสูดดมบ่อย ๆ วันละหลาย ๆ ครั้ง แต่ถ้ารู้สึกคลื่นไส้ให้หยุดใช้สักพัก เมื่อหายแล้วก็นำมาสูดใหม่จนกว่าอาการจะดีขึ้น
  • ทำยาดองเหล้า ด้วยการใช้ผงแห้งที่ได้นำมาแช่กับสุราโรง 40 ดีกรี (แต่ถ้าใช้แอลกอฮอล์ที่สามารถรับประทานได้ หรือ Ethyl alcohol ก็จะดีกว่าเหล้า) โดยแช่พอท่วมยาผงขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากนั้นปิดฝาขวดให้แน่น ทิ้งไว้ 7 วัน และให้เขย่าขวดทุก ๆ วัน วันละ 1 ครั้ง เมื่อครบตามกำหนดก็ให้กรองเอาแต่น้ำนำมาดื่มก่อนอาหารครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ (รสชาติจะขมมาก) วันละ 3-4 ครั้ง (ส่วนที่เหลือก็ให้เก็บไว้ในขวดที่สะอาดและปิดให้สนิท)

โทษของฟ้าทะลายโจร

การใช้ฟ้าทะลายโจร เพื่อรักษาโรคต้องใช้อย่างถูกวิธีและใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งโทษของฟ้าทะลายโจร มีดังนี้

  • ฟ้าทะลายโจรอาจส่งผลให้ความดันโลหิตต่ําลง แต่ยังไม่มีผลการยืนยันผลต่อการใช้ในคน ผู้ที่มีภาวะความต่ําจึงไม่ควรรับประทาน เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ
  • ฟ้าทะลายโจรอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกผิกปกติหรือรอยฟกช้ําได้ง่าย ผู้ที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติจึงควรหลีกเลี่ยงที่จะรับประทาน รวมถึงผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดใช้สมุนไพรนี้อย่างน้อย 2 สัปดาห์

กลุ่มคนที่ไม่ควรบริโภคฟ้าทะลายโจร

  • สตรีมีครรภ์
  • คนที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ
  • คนที่เคยมีประวัติเป็นโรคหัวใจรูห์มาติค (Rheumatic heart disease)
  • คนที่มีอาการเจ็บคอเนื่องมาจากการติดเชื้อ Streptococcus group A
  • คนที่มีประวัติเคยเป็นโรคไตอักเสบ เนื่องมาจากการติดเชื้อ Streptococcus group A
  • คนที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรียและมีอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูง มีอาการหนาวสั่น มีหนองในลำคอ

ฟ้าทะลายโจร ( Kariyat ) คือ สมุนไพร ประโยชน์และสรรพคุณของฟ้าทะลายโจร ช่วยสมานแผล ลดไข้ แก้ไอ ขับเสมหะ รักษาระบบทางเดินอาหารอักเสบ รักษาทอนซิลอักเสบ ต้นฟ้าทลายโจรเป็นอย่างไร

เสาวรส ( Passionfruit ) กระทกรกฝรั่ง สมุนไพร สรรพคุณช่วยสมานแผล บำรุงผิว บำรุงสายตา ลดไขมันในเลือด ช่วยถ่ายพยาธิ แก้ไอ ขับเสมหะ นิยมนำมารับประทานผลเสาวรสเสาวรส กระทกรกฝรั่ง สมุนไพร สรรพคุณของกระทกรก

ต้นเสาวรส ภาษาอังกฤษ เรียก Passionfruit ชื่อวิทยาศาสตร์ของเสาวรส คือ Passiflora edulis สำหรับชื่อเรียกอื่นๆของเสาวรส เช่น กระทกรก สุคนธรส เป็นต้น เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ทวีปอเมริกาใต้ พบในประเทศบราซิล ปารากวัย อาร์เจนตินา

ต้นเสาวรส หรือเรียกอีกชื่อว่า กะทกรกฝรั่ง เป็นผลไม้ เพื่อสุขภาพที่มีต้นกำเนิดในแถบทวีปอเมริกาใต้ ลักษณะของผลกลม มีสีเขียว เมื่อสุกจะมีหลายสี เช่น สีม่วง สีเหลือง สีส้ม เป็นต้น สำหรับเสวรสในประเทศไทยนิยมปลูก 3 สายพันธุ์ โดยในผลเสาวรสนั้นจะมีเมล็ดจำนวนมาก มีกลิ่นคล้ายฝรั่งสุก รสออกเปรี้ยวจัด แต่บางสายพันธุ์จะมีรสออกอมหวานด้วย

เสาวรส สมุนไพร ผลไม้ ประโยชน์ของเสาวรส

เสาวรส เป็นไม้เลื้อย ผลของเสาวรสจะมีทรงกลม ผลอ่อนของเสารสจะมีสีเขียว เมื่อสุกมื่อสุกจะมีหลายสี เช่น สีม่วง สีเหลือง สีส้ม กลิ่นคล้ายผลฝรั่งสุก มีรสเปรี้ยว แหล่งปลูกเสาวรสเพื่อการพาณิชย์มีหลายประเทศ เช่น อินเดีย ศรีลังกา นิวซีแลนด์ ประเทศแถบทะเลแคริบเบียน บราซิล โคลอมเบีย โบลิเวีย เอกวาดอร์ อินโดนีเซีย เปรู เปอร์โตริโก สาธารณรัฐโดมินิกัน สหรัฐอเมริกา อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย แอฟริกาตะวันออก เม็กซิโก อิสราเอล คอสตาริกา แอฟริกาใต้ และ โปรตุเกส

เสาวรสในประเทศไทย

สำหรับเสาวรสในประเทศไทย เราพบว่ามีการปลูกเสาวรสอยู่ 3 สายพันธุ์ คือ เสาวรสพันธุ์สีม่วง เสาวรสพันธ์สีเหลือง และ เสาวรสพันธ์ผสม สำหรับพันธ์สีม่วง เปลือกสีม่วง เนื้อในสีเหลืองอมหวาน แต่ไม่ค่อยทนโรคในเขตร้อน เสารสพันธุ์สีเหลือง หรือ เสาวรสสีทอง เป็นสายพันธ์ที่นิยมปลูกในเขตร้อน ผลแก่สีเหลือง รสเปรี้ยวมาก  ส่วนเสาวรสพันธุ์ผสม ผลสุกเป็นสีม่วงอมแดง รสเปรี้ยวจัด และ กลิ่นแรง

ลักษณะของต้นเสาวรส

สำหรับต้นเสาวรส ไม้เลื้อย สามารถขยายพันธ์ โดยการปักชำและการเสียบยอด ลักษณะของต้นเสาวรส มีดังนี้

  • ลำต้นเสาวรส ลำต้นเป็นเถา ไม้เลื้อย มีหนามขนาดเล็ก เถาแตกมือเกาะบริเวณซอกใบ
  • ใบเสาวรส เป็นใบเดี่ยว ใบมีสีเขียว ปลายแฉกแหลม ใบหนา และ สากมือ
  • ดอกเสาวรส เป็นดอกเดี่ยว ออกดอกตามซอกใบและเถา ดอกสีเขียว ด้านในสีขาว ดอกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
  • ผลเสาวรส เป็นผลเดี่ยว ทรงกลม อวบน้ำ สีเปลือกแตกต่างกันตามแต่ละสายพันธุ์
  • เมล็ดเสาวรส ลักษณะรี เมล็ดด้านในสีดำ เยื่อหุ้มเมล็ดมีรสเปรี้ยวจัด เมล็ดของเสาวรส เป็นส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ทำน้ำผลไม้บริโภค

คุณค่าทางโภชนาการของเสาวรส

สำหรับการบริโภคเสาวรสเป็นอาหาร นิยมบริโภคผลเสาวรส นักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของผลเสาวรสขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 97 กิโลแคลอรี และ มีสารอาหารสำคัญมากมาย ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 23.38 กรัม น้ำตาล 11.2 กรัม กากใยอาหาร 10.4 กรัม ไขมัน 0.7 กรัม โปรตีน 2.2 กรัม วิตามินเอ 64 ไมโครกรัม เบตาแคโรทีน 734 ไมโครกรัม วิตามินบี 2 0.13 มิลลิกรัม วิตามินบี 3 1.5 มิลลิกรัม วิตามินบี 6 0.1 มิลลิกรัม วิตามินบี 9 14 ไมโครกรัม โคลีน 7.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 30 มิลลิกรัม วิตามินเค 0.7 ไมโครกรัม ธาตุแคลเซียม 12 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 1.6 มิลลิกรัม ธาตุแมกนีเซียม 29 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 68 มิลลิกรัม โพแทสเซียม 348 มิลลิกรัม ธาตุโซเดียม 28 มิลลิกรัม และธาตุสังกะสี 0.1 มิลลิกรัม

ในเสาวรสมี ไลโคพีนในชั้นเพอริคาร์บ ผลเสาวรสสุก มีบีตา-แคโรทีน โพแทสเซียมและใยอาหารสูง ส่วนน้ำเสาวรส ให้วิตามินซีสูง ผลเสารสสีม่วง นิยมบริโภคสด

สรรพคุณของเสาวรส

สำหรับการใช้ประโยชน์จากเสาวรสเพื่อการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ตั้งแต่ ยอด ราก ใบ ผล ซึ่งรายละเอียดของ ประโยชน์ของเสาวรส มีดังนี้

  • ยอดของเสาวรส นำมารับประทานเป็นผัดสด สามารนำไปทำแกง หรือลวก ทากับน้ำจิ้ม เนื้อไม้ของเสาวรส เป็นยาบำรุงธาตุขัน ใช้รักษาแผลได้
  • รากของเสาวรส หากนำมาต้ม สามารถใช้ รักษาผดผื่นคัน และกามโรคได้
  • ใบของเสาวรส หากนำมาบดละเอียดคั้นน้ำ สามารถทำเป็นยาถ่ายพยาธิได้
  • ดอกของเสาวรส สามารถใช้แก้ไอ ขับเสมหะ
  • ผลของเสาวรส รับประทานเมล็ด นำมาคั้นเป็นน้้ำเสาวรส ดื่มเพื่อสุขภาพ น้ำเสาวรสมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา และบำรุงผิวพรรณ น้ำเสารสมีวิตามินซีสูง ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน  นอกจากนั้นยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ก่อนเวลาอันควร สามารถกำจัดสารพิษในเลือด บำรุงไต รักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สามารถลดไขมันในเลือดได้

สำหรับประโยชน์ของเสาวรสและสรรพคุณของเสาวรสนั้นก็มีมากมายหลายข้อ เพราะเสาวรสอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุรวมอยู่หลายชนิด ซึ่งได้แก่ วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 กรดโฟลิก ธาตุแคลเซียม ธาตุเหล็ก ธาตุแมกนีเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุโพแทสเซียม ธาตุสังกะสี และคาร์โบไฮเดรต โดยยังมีของแถมนั่นก็คือใยอาหารในปริมาณสูงรวมอยู่ด้วย ซึ่งนิยมนำมารับประทานเป็นผลไม้สด โดยเสาวรสที่ลักษณะดีนั้นต้องไม่เหี่ยว ผิวต้องเต่งตึง

โทษของเสาวรส

ห้ามรับประทานในส่วนของต้นสดเสารสเด็ดขาด เนื่องจาก ต้นเสาวรสมีสารพิษอันตราย อาจทำให้เสียชีวิตได้

เสาวรส ( Passion fruit ) กระทกรกฝรั่ง สมุนไพร สรรพคุณของเสาวรส ช่วยสมานแผล บำรุงผิว บำรุงสายตา ลดไขมันในเลือด ช่วยถ่ายพยาธิ แก้ไอ ขับเสมหะ นิยมนำมารับประทานเนื้อของผลเสาวรส น้ำมาทำอาหารต่างๆมากมาย


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove