โยคะท่าอีกา ( Crow Pose ) ท่าโยคะที่บ่งบอกถึงความสำเร็จของการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ท่าที่ต้องใช้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและความสมดุลของร่างกาย
การออกกำลังกายโยคะ ท่าอีกา Crow Pose ท่านี้คล้ายๆกับท่า หกกบ ของบ้านเรา แต่ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ใช้ไม่ได้แตกต่างกันเลย ต้องใช้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขน และข้อมือ ช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อสะโพก กล้ามเนื้อหลัง และบริเวณลำคอ ประกอบกับการใช้สมาธิเพื่อสร้างสมดุลให้กับร่างกายในการทรงตัว ท่านี้ถือว่าต้องใช้ความชำนาญในการฝึกฝนค่อนข้างมาก ช่วงฝึกฝนในตอนแรกๆ หากกล้ามเนื้อแขนและข้อมือของคุณยังไม่แข็งแรง อาจสั่นเป็นเจ้าเข้ากันเลยทีเดียว ยิ่งประกอบกับการขาดสมาธิด้วยแล้ว อาจได้หกล้ม หน้ากระแทกพื้นกันวันละหลายหน กว่าจะบินได้แบบอีกา สำหรับการฝึกฝนท่านี้
วิธีการฝึกโยคะท่าอีกา ( Crow Pose )
นอกจากคิวการจัดระเบียบร่างกายที่บอกไปด้านบนนะคะ สิ่งที่สำคัญมากๆ คือ
โยคะท่าอีกา Crow Pose ถือว่าเป็นท่าที่ต้องใช้ร่างกายหลายส่วนประกอบกัน เมื่อฝึกฝนจนชำนาญก็จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ฝึกฝนได้มากในเรื่องการสร้างสมดุล และ การทรงตัว ซึ่งท่านี้ก็จะสามารถพลิกแพลงต่อเนื่องไปสู่ท่าโยคะที่ยากได้อีกหลายท่า ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนของแต่ละบุคคล
โยคะท่าอีกา Crow Pose โยคะท่านี้ ผู้ฝึกฝนควรละทิ้งความกังวลทั้งหลายทิ้งไปก่อน ไม่ว่าจะกังวลว่าจะทำไม่ได้ หรือ ความกังวลว่าจะเจ็บตัวเพราะหน้ากระแทกพื้น แต่ควรหันมาฝึกสมาธิ และพยายามทรงตัวโดยยกขาขึ้นทีละข้างแทน แทนที่จะดีดยกขาขึ้นพร้อมกัน นั่นถือว่าเสี่ยงต่อการหกล้มและทำให้ร่างกายเสียสมดุล การฝึกฝนควรมีการทำท่าพื้นฐานเพื่ออุ่นเครื่องก่อน เพื่อยืดเส้นหรือคลายกล้ามเนื้อ จะช่วยทำให้ร่างกายของคุณพร้อมสำหรับการฝึกฝนได้ดีขึ้น และการฝึกฝนควรทำไปตามขั้นตอน อย่ารีบร้อนหรือรีบเร่ง เพราะนอกจากจะสร้างความเครียดแล้ว ยังมีโอกาสทำผิดพลาดได้สูงด้วย
โยคะท่าอีกา Crow Pose จะทำท่านี้สำเร็จได้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ไม่แนะนำให้คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อมือฝึกฝนท่านี้ เพราะอาจทำให้บาดเจ็บมากขึ้นไปอีก ควรปลอดภัยไว้ก่อนเพื่อความสุขในการออกกำลังกายท่าอีกาหรือท่านกยาง ซึ่งเรียกกันว่า ผกาสนะ (bakasana) ในภาษาสันสกฤตนั้น เป็นหนึ่งในท่าการทรงตัวด้วยแขนท่าแรกๆ ที่นักเรียนโยคะจะได้เรียน ท่าอีกานี้ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้แขน ข้อมือ และกล้ามเนื้อหน้าท้อง มันยังยืดบริเวณหลังส่วนบนกับโคนขาหนีบด้วย ผกาสนะอาจจะเรียนรู้ลำบากสักหน่อย แต่ถ้าฝึกเป็นประจำก็จะสามารถทำท่านี้ได้คล่องจนสามารถดัดแปลงไปสู่ท่าอาสนะอื่นๆ ที่ยากขึ้นได้
โยคะ (สันสกฤต: योग) เป็นกลุ่มของการปฏิบัติหรือการประพฤติทางกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ โดยถือกำเนิดที่ประเทศอินเดีย หลายพันปีมาแล้ว วิธีการฝึกโยคะนั้นมีการได้ถ่ายทอดจากอดีตถึงปัจจุบัน ในแถบหุบเขาอินดัส วอลเลย์ มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โดยนักโบราณคดีได้ค้นพบไม้แกะสลัก และงานศิลปะประเภทรูปปั้น ที่มีการฝึกโยคะ นักปราชญ์ชาวฮิน ชื่อ ปตัญชลี ได้ปรับปรุงรูปแบบการฝึกโยคะขั้นพื้นฐาน และได้เขียนตำราสูตรการฝึกโยคะไว้ 8 ข้อ ผู้ที่ฝึกและปฏิบัติโยคะ หากเป็นชายจะเรียกว่า โยคี และหากเป็นสตรีจะเรียกว่า โยคินี โยคะมาเป็นการออกกำลังกาย จะเน้นความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของกระดูกทำให้เลือดและสารอาหารไปเลี้ยงส่วนประสาท ทำให้การทำงานของต่อมต่างๆทำงานดีขึ้น ท่าต่างๆในการฝึกโยคะ จะยืดเหยียดกล้ามเนื้อตามแบบของโยคะสอดคล้องกับการหายใจ และการทำสมาธิ การฝึกโยคะจะทำให้สุขภาพจิตและสุขภาพกายดี
แหล่งอ้างอิง