มังคุด ราชินีแห่งผลไม้ สรรพคุณทางยามากมาย

มังคุด Mangosteen ราชินีแห่งผลไม้ นิยมกินผลมังคุดเป็นอาหาร เปลือกผลมังคุดมีประโยชน์ ช่วยสมานแผล แก้ท้องเสีย ลดอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย ทำเครื่องสำอางค์

มังคุด ผลไม้ สมุนไพร

ต้นมังคุดภาษาอังกฤษ เรียก Mangosteen ชื่อวิทยาศาสตร์ของมังคุด คือ Garcinia mangostana Linn.  สำหรับชื่อเรียกอื่นของมังคุด เช่น แมงคุด เมงค็อฟ เป็นต้น ซึ่งชื่อเรียกจะเรียกแตกต่างกันตามแต่ละพื้นที่ ต้นมังคุด เป็นพันธุ์ไม้ไม่ผลัดใบเขตร้อนชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ที่หมู่เกาะซุนดาและหมู่เกาะโมลุกกะ แพร่กระจายพันธุ์ไปสู่หมู่เกาะอินดีสตะวันตกเมื่อราวพุทธศตวรรษที่ 24 แล้วจึงไปสู่ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส ปานามา เอกวาดอร์ ไปจนถึงฮาวาย ประเทศไทยมีการปลูกมังคุดมานานแล้ว มีกล่าวถึงมังคุดในพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ในสมัยรัชกาลที่ 1 นอกจากนั้นบริเวณโรงพยาบาลศิริราชยังเคยเป็นที่ตั้งของวังที่มีชื่อว่า วังสวนมังคุด รวมถึงในจดหมายเหตุของราชทูตจากศรีลังกาที่เข้ามาขอพระสงฆ์ไทย ได้กล่าวถึงมังคุดว่าเป็นหนึ่งในผลไม้ที่นำออกมารับรองคณะทูต

ประโยชน์ของมังคุด สามารถนำมารับประทานเป็นผลไม้ หรือ ทำเป็นน้ำผลไม้ ซึ่งมังคุดมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยและการเกิดริ้วรอย ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส เสริมสร้างระบบภูมิต้านทานโรค ช่วยลดกลิ่นปาก ผลมังคุดสามารถนำมาประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน เช่น แกง ยำ มังคุดลอยแก้ว ซอสมังคุด นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น มังคุดกวน แยมมังคุด มังคุดแช่อิ่ม ทอฟฟี่มังคุด เป็นต้น นอกจากนั้นเปลือกมังคุด มีสารช่วยป้องกันเชื้อรา เหมาะสำหรับนำมาทำปุ๋ย เปลือก มังคุดมีสารจีเอ็ม-1 ใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอาง และนำมาแปรรูปเป็นสบู่

มังคุดในประเทศไทย

ประเทศไทยมึภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เหมาะสำหรับการปลูกมังคุ ซึงมังคุดจากประเทศไทยมีรสชาติที่อร่อยมาก จึงเป็นแหล่งผลิตมังคุดเพื่อการส่งออกมากเป็นอันดับต้นๆของโลก โดยส่งออกไปหลายประเทศทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และเนเธอแลนด์ มูลค่าการส่งออกแต่ละปีมากกว่า 1,500 ล้านบาท

มังคุดของประเทศไทยที่ถูกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศนั้นมีทั้งในรูปของผลไม้สดและมังคุดแปรรูป ซึ่งภาคใต้เป็นแหล่งปลูกมังคุดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มังคุดเป็นผลไม้ที่มีเอกลักษณ์ในรูปร่างของผลที่สวยงาม มีขั้วผลเหมือนมงกุฎรสชาติอร่อยหวานอมเปรี้ยวเป็นที่ชื่นชอบของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ จนได้รับฉายาว่า “ Queen of Fruits

ปัจจุบันมังคุด เป็นผลไม้ที่มีศักยภาพสูงทางเศรษฐกิจการ ผลไม้ส่งออกของประเทศไทยและมีแนวโน้มว่ามังคุดจะมีความสำคัญมากขึ้นอีกด้วย เนื่องจากว่าประเทศไทยได้ทำการขยายตลาดการส่งออกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนซึ่งมีประชากรสูง ก็ให้ความสนใจกับไม้ผลชนิดนี้ด้วย

ลักษณะของต้นมังคุด

ต้นมังคุด เป็นไม้ยืนต้น พันธุ์ไม้ไม่ผลัดใบเขตร้อนชนิดหนึ่ง ความสูงประมาณ 10-12 เมตร สามารถขยายพันธ์โดยการทายกิ่ง ตอนกิ่ง และ เพาะเมล็ดพันธ์ ลักษณะของต้นมังคุด มีดังนี้

  • ลำต้นของมังคุด ลักษณะลำต้นตั้งตรง เปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลเข้ม เปลือกของมังคุดมีน้ำยางสีเหลือง
  • ใบของมังคุด เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงกัน รูปไข่หรือรูปวงรี มีขอบขนาน ความกว้างประมาณ 6-12 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 15-25 เซนติเมตร เนื้อของใบหนาและค่อนข้างเหนียวเหมือนหนัง ด้านหลังของใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบจะมีสีเขียวอ่อน
  • ดอกของมังคุด เป็นดอกเดี่ยวออกตามซอกใบ เป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงสีเขียวอมเหลือง กลีบดอกมีสีแดง
  • ผลของมังคุด ลักษณะกลม เปลือกนอกสีเข้มแข็ง เมื่อผลแก่เต็มที่จะมีสีม่วงแดง มียางสีเหลือง เนื้อผลสีขาวฉ่ำน้ำ มีเมล็ดอยู่ในเนื้อผล

คุณค่าทางโภชนาการของมังคุด

สำหรับการบริโภคมังคุดเป็นอาหารนิยมรับประทานเนื้อของผลมังคุด ซึ่งนักโภชานการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของมังคุดขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 76 แคลอรี และ มีสามารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย โปรตีน 0.5 กรัม คาร์โบไฮเดรท 18.4 กรัม ใยอาหาร 1.7 กรัม แคลเซียม 11 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 17 มิลลิกรัม เหล็ก 0.9 มิลิลกรัม วิตามินบี1 0.09 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.06 มิลลิกรัม ไนอะซิน 0.01 มิลลิกรัม

เปลือกของมัคคุด มีสารแทนนิน ( tannin ) ช่วยให้แผลหายเร็ว ช่วยลดอาการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนองได้

สรรพคุณของมังคุด 

สำหรับการใช้ประโยชน์จากมังคุดด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค ใช้ประโยชน์จากเปลือกมังคุด ซึ่งสรรพคุณของเปลือกมังคุดมี ดังนี้

  • รักษาโรคท้องเสียเรื้อรัง และโรคลำไส้ โดยใช้เปลือกมังคุดครึ่งผลต้มกับน้ำรับประทานครั้งละ 1 แก้ว
  • รักษาอาการท้องเดิน ท้องร่วง โดยเปลือกมังคุต้มกับน้ำปูนใส ในเด็กให้รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนชาทุก 4 ชั่วโมง ในผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะทุก 4 ชั่วโมง
  • รักษาแผลน้ำกัดเท้า แผลพุพอง ใช้เปลือกผลสดหรือแห้ง ฝนกับน้ำปูนใส ทาแผลน้ำกัดเท้า แผลพุพอง วันละ 2-3 ครั้ง
  • บำรุงผิวพรรณ รักษาสิว รักษากลากเกลือน
  • ต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
  • ช่วยลดไข้
  • ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
  • ช่วยเพิ่มพลังงานแก่ร่างกาย เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า
  • ช่วยลดความเครียด ป้องกันสมองเสื่อม บำรุงระบบประสาท บำรุงสมอง
  • ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร
  • บำรุงหัวใจ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
  • ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
  • ช่วยบำรุงสุขภาพช่องปาก รักษาแผลในช่องปาก
  • แก้อักเสบ ช่วยรักษาข้อเข่าอักเสบ
  • มีสารแทนนิน ช่วยสมานแผล ทำให้แผลหายเร็ว

โทษของมังคุด

สำหรับการใช้ประโยชน์จากมังคุดต้องใช้อย่างเหมาะสมและต้องได้รับคำแนะนำการใช้อย่างถูกต้องจากผู้เชียวชาญ ซึ่งโทษของมังคุด มีดังนี้

  • มังคุดมีสารแซนโทน ( Xanthone ) ในปริมาณมาก มีประโยชน์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ลดความดันโลหิต ต้านการเกิดโรคมะเร็ง และอาการแพ้ต่าง ๆ แต่ก็ยังขาดข้อมูลในการสนับสนุนว่ามังคุดจะสามารถรักษาอาการต่าง ๆ เหล่านี้ได้จริง ถึงแม้ยังไม่มีรายงานการศึกษาความเป็นพิษในมนุษย์ แต่ก็พบอาการไม่พึงประสงค์หลายอย่างในแต่ละบุคคล เช่น มีอาการผิวหนังบวมแดง เป็นผื่นคันขึ้นตามตัว ปวดศีรษะ ปวดบริเวณข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ท้องเสีย ถ่ายเหลว ลำไส้แปรปรวน เป็นต้น
  • มังคุดมีสารแทนนิน ( Tannin ) ในเปลือกของมังคุด หากบริโภคมากเกินไปและต่อเนื่อง อาจจะทำให้เกิดเป็นพิษต่อตับ ไต การเกิดมะเร็งในร่องแก้ม ในทางเดินอาหารส่วนบน และยังไปลดจำนวนของเม็ดเลือดขาวจนทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดต่ำลงจากปกต

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร โรค แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยข้อมูลดีๆ เนื้อหาในเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา

Beezab.com source of health knowledge, herbs, diseases, mothers and children, healthy food, yoga and Dhamma.  The content on this page is for educational purposes only. We are not intended to be a substitute for medical advice. Diagnosis of disease or treatment of disease in any way If you are sick, You should consult a doctor.

Last Updated on March 12, 2024