โบทูลิซึม ติดเชื้อโบทูลินัมท็อกซิน อ่อนแรง หนังตาตก

โรคโบทูลิซึม ( Botulism ) ภาวะการติดเชื้อโบทูลินัมท็อกซิน ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หนังตาตก ภาวะการหายใจล้มเหลว แนวทางการรักษาและป้องกันโรคทำอย่างไรโบทูลิซึม โรค โรคติดเชื้อ โรคระบบประสาท

โรคโบทูลิซึ่ม ( Botulism ) ภาวะการติดเชื้อโรคที่เป็นโรคร้ายแรงที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง ในช่วง พ.ศ. 2493-2502 ( ค.ศ. 1950-1959 ) ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการภาวะการหายใจล้มเหลวภายในเวลา 60 วัน ซึ่งในระหว่างการติดเชื้อผู้ป่ยจะเกิดภาวะแทรกซ้อนง่าย  สำหรับประเทศไทยมีการพบการอุบัติของโรคโบทูลิซึมใน ปีพ.ศ. 2549 ซึ่งมีผู้ป่วยมากถึง 190 คนในคราวเดียว

โรคโบทูลิซึม ( Botulism ) เกิดจากร่างกายติดเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ แบคทีเรียคลอสตริเดียมโบทูลินัม ( Clostridium botulinum ) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบอยู่ได้ทั่วไป ตามพื้นดิน ในน้ำจืด และในน้ำทะเล เมื่อมีสภาวะที่เหมาะสม คือ ในสภาพอากาศที่ไม่มีออกซิเจน แบคทีเรียจะแบ่งตัวสร้างสปอร์ ( Spore ) และปล่อยพิษออกมา เรียกว่า Botulinum toxin

โบทูลินัมท็อกซิน ( Botulinum toxin ) มี  7 ชนิด คือ ชนิด A B C D E F และ G ซึ่งแต่ละชนิดจะแตกต่างกันตามกลไกในการสลายโปรตีน โบทูลินัมท็อกซินจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทกล้ามเนื้อทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อ แต่ในการกลับกับสามารถระงับอาการเจ็บปวด และ ช่วยลดการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติผิดปกติได้ โบทูลินัมท็อกซิน ( Botulinum toxin ) จึงถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคต่างๆได้เช่นกัน

ประวัติของโบทูลินัมท็อกซิน ( Botulinum toxin )

โบทูลินัมท็อกซิน ( Botulinum toxin ) พบครั้งแรกในยุคสงครามนโปเลียน ตั้งแต่ พ.ศ. 2338-2356 มีการค้นพบคนที่มีอาการป่วยเป็นอัมพาต พบว่ามีการเชื่อมโยงกับไส้กรอก ซึ่ง ภาษาละติน เรียก botulus ใน พ.ศ. 2365 มีการตีพิมพ์งานวิจัย พบว่าพิษที่สกัดออกมาจากไส้กรอก ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนแรง และเหงื่อไม่ออก สารพิษตัวนี้ใช้รักษาความผิดปกติต่างๆของระบบประสาทได้

จากนั้น 75 ปีต่อมา Emile-Pierre van Ermengen ค้นพบว่าสาเหตุของอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง และเหงื่อไม่ออก เกิดจากสารพิษที่ถูกผลิตขึ้นจากแบคทีเรียคลอสตริเดียมโบทูลินัม ( Clostridium botulinum ) เรียกว่า โบทูลินัมท็อกซิน ( Botulinum toxin )

ชนิดของโรคโรคโบทูลิซึ่ม ( Botulism )

โรคที่เกิดจากโบทูลินั่มท็อกซิน ( botulinum toxin ) สามารถแบ่งได้ 5 ชนิด โดยแยกจากสาเหตุของการติดเชื้อ ประกอบด้วย

  • Foodborne botulism คือ โรคโบทูลิซึ่มที่เกิดจากการกิน ซึ่งอาหารมีการปนเปื้อนสารโบทูลินั่มท็อกซิน พบบ่อยในอาหารกระป๋อง สำหรับประเทศไทยผู้ป่วยโบทูลิซึ่มส่วนใหญ่พบว่ามาจากการกินหน่อไม้บรรจุปี๊บ
  • Intestinal botulism คือ โรคโบทูลิซึ่มที่เกิดจากการกินสปอร์ของแบคทีเรียคลอสตริเดียมโบทูลินัม ( Clostridium botulinum )
  • Wound botulism คือ โรคโบทูลิซึ่มที่เกิดจากบาดแผลเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียคลอสตริเดียมโบทูลินัม ( Clostridium botulinum ) มักพบได้ในกลุ่มผู้ที่ใช้สารเสพติดโดยการฉีดยา
  • Biological weapon คือ การรับเชื้อที่เกิดจากการสร้างเชื้อแบคทีเรียคลอสตริเดียมโบทูลินัม ( Clostridium botulinum ) ซึ่งพบมีการผลิตโบทูลินั่มท็อกซินเพื่อเป็นอาวุธสงครามชีวภาพในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
  • Iatrogenic botulism คือ การใช้โบทูลินั่มท็อกซิน ( botulinum toxin ) ชนิด A เพื่อรักษาโรคบางชนิด

สาเหตุของโรคโบทูลิซึม ( Botulism )

โรคโบทูลิซึม ( Botulism ) เกิดจากร่างกายติดเชื้อแบคทีเรีย ชื่อ แบคทีเรียคลอสตริเดียมโบทูลินัม ( Clostridium botulinum ) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบอยู่ได้ทั่วไป ตามพื้นดิน ในน้ำจืด และในน้ำทะเล เมื่อมีสภาวะที่เหมาะสม คือ ในสภาพอากาศที่ไม่มีออกซิเจน แบคทีเรียจะแบ่งตัวสร้างสปอร์ ( Spore ) และปล่อยพิษออกมา เรียกว่า Botulinum toxin

อาการโรคโบทูลินั่ม

สำหรับอาการของโรคเมื่อเกิดการรับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ผู้ป่วยจะไม่มีไข้แต่จะมีอาการหัวใจจะเต้นช้า ความดันเลือดปรกติ ต่อมาผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการอ่อนแรง โดยเริ่มจากใบหน้า ภาวะการกลืนอาหาร ภาวะการหายใจ จากนั้นจะเกิดอาการกับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เช่น คอ แขน และขา ผู้ป่วยจะมีอาการพูดไม่ชัด ปากแห้ง หนังตาตก หากเกิดภาวะรุนแรงจะทำให้เกิดภาวะการหายใจล้มเหลวเสียชีวิตได้

การรักษาโรคโบทูลิซึม ( Botulism )

แนวทางการรักษาโรคโบทูลิซึม ( Botulism )  แพทยืจะใช้การรักษาด้วยการให้ยาต้านพิษ และ ประคับประครองอาการต่างๆของโรค ซึ่งต้องเฝ้าระวังระบบประสาทการหายใจล้มเหลว ด้วยการให้เครื่องช่วยหายใจ แนวทางการรักษาโรคโบทูลิซึม ( Botulism ) มีดังนี้

  • การให้ยาต้านพิษ ในผู้ป่วยที่ไม่ใช่เด็กทารก จะให้สารต้านพิษ Botulinum toxin ซึ่งผลิตจากเซรุ่มที่ได้จากม้า (Equine antitoxin) แต่สำหรับเด็กทารก แพทย์จะให้ยาสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี/Antibody) ซึ่งผลิตจากเซรุ่มของคน (Human botulism immune globulin) เนื่องจากการให้ Equine antitoxin พบว่าไม่สามารถรักษาได้ นอกจากนั้น การให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Clostridium botulinum ก็พบ ว่า ไม่มีประโยชน์เช่นกัน
  • การรักษาแผล โดยจะรักษาในผู้ป่วยที่มีบาดแผล ปากของบาดแผลที่แคบจะต้องถูกเปิดให้กว้างขึ้น เพื่อให้ออกซิเจนเข้าไปสัมผัสกับบาดแผลให้ทั่วถึง ซึ่งจะทำให้เชื้อนี้ไม่ผลิตพิษขึ้นมาอีก และให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อแบคทีเรียนี้ในผู้ป่วยที่มีบาดแผลด้วย แม้ว่าประ โยชน์ที่ได้รับยังไม่ชัดเจนก็ตาม
  • การรักษาประคับประคองตามอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องเฝ้าติดตามระ บบการหายใจ โดยหากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจอ่อนแรง จนเกิดภาวะการหายใจล้มเหลว ก็ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือผู้ป่วยที่มีอาการท้องผูก ก็ต้องใช้ยาระบาย/ยาแก้ท้องผูก หรือการสวนทวารช่วย หรือหากมีอาการ ท้องอืด แน่นท้อง ก็ต้องใช้ยาลดอาการ หรือใส่สายให้อา หารและดูดเอาอากาศและน้ำย่อยออกมา หรือผู้ป่วยที่ปัสสาวะไม่ออก ก็ต้องใส่สายสวนปัสสาวะ เป็นต้น

การป้องกันโรคโบทูลิซึม ( Botulism )

สำหรับแนวทางการป้องกันโรคนี้ คือ การลดภาวะเสี่ยงต่างๆในการติดเชื้อโรคและการทำร่างกายให้แข็งแรง เพื่อสามารถต้านเชื้อโรคได้ ซึ่งแนวทางการป้องกันโรค มีดังนี้

  • ไม่แนะนำให้เด็กทารกที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี บริโภคน้ำผึ้ง ยกเว้นจะนำไปปรุงเป็นอาหารที่ผ่านความร้อนที่อุณหภูมิมากกว่า 116 องศาเซลเซียส ร่วมกับการเพิ่มความกดอากาศขณะปรุง เช่น การตุ๋น หรือการอบ เพื่อทำลายสปอร์ของเชื้อโรคโบทูลิซึมที่อาจปนเปื้อน
  • หลีกเลี่ยงการอาหารหมักดอง
  • การรับประทานอาหารกระป๋องรวมถึงนมผง ต้องรับประทานจากผู้ผลิตที่เชื้อถือเรื่องความสะอาดได้ ดูฉลาก อย. บริโภคก่อนวันหมดอายุ และไม่เลือกบรรจุภัณฑ์ที่มีรอยบุบ รอยแตก รอยรั่ว บวม โป่ง เป็นสนิม
  • เข้ารับการฉีดวัคซีนสำหรับฉีดป้องกันพิษ Botulinum toxin
  • รับประทานอาหารที่สะอาดถูกสุขอนามัย
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
โรคน่ารู้
ปัจจัยของการเกิดโรคต่างๆนั้น บางปัจจัยสามารถมองเห็นได้ แต่บางปัจจัยก็ไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งปัจจัยการเกิดโรคมาจาก 3 ส่วน คือ มนุษย์ สิ่งแวดล้อม และ เชื้อโรคต่างๆที่ทำให้ร่างกายของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตผิดปรกติ
ไวรัสโคโลน่า โรคปอดอักเสบ โรคทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อ
โรคไวรัสโคโลน่า
โรคเอดส์ ติดเชื้อไวรัสเอชไอวี โรคติดต่อ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคเอดส์
โรคกระดูกพรุน โรคข้อและกระดูก โรคไม่ติดต่อ โรคผู้สูงอายุ
 โรคกระดูกพรุน
ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ข้ออักเสบ โรคไม่ติดต่อ โรคกระดูก
 โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
โรคเก๊าท์ อาการโรคเก๊าท์ โรคข้อกระดูก รักษาเก๊าท์
 โรคเก๊าท์
ข้อเสื่อม โรต โรคข้อกระดูก
โรคข้อเสื่อม