ไข้หวัดหมู เกิดจาดเชื้อไวรัสสายพันธ์ H1N1 โรคระบาดในหมู ถ่ายทอดสู่คนจากการสัมผัสน้ำลายของหมู ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนล้า เจ็บคอ ไอ ไข้สูง อาเจียนโดยไม่ทราบสาเหตุไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ ไข้หวัด2009 โรคติตต่อ โรคทางเดินหายใจ
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ( H1N1 ) คือ โรคติดต่อ เป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ เกิดขึ้นจากการผสมสายพันธุ์ ของไวรัสไข้หวัดหมู และไวรัสไข้หวัดใหญ่ของมนุษย์ โดยการระบาดครั้งแรก ที่ประเทศสเปน ในปี พ.ศ. 2461 – 2462 โดยขณะนั้น เราเรียกโรคนี้ว่า “ไข้หวัดสเปน” การระบาดของโรคในช่วงเวลานั้น ทำให้เกิดการสียชีวิตของคนมากกว่า 20 ล้านคน

โรคนี้กลับมาระบาดอีกครั้ง ในปี 2009 โดยเริ่มระบาดครั้งแรกที่ประเทศเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา และได้ระบาดไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว

การระบาดของไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก

การระบาดใหญ่เกิดขึ้นจากการอุบัติของไวรัสชนิดใหม่ เรียงลำดับดังนี้

  • พ.ศ. 2461-2462 (ค.ศ.1918-1919) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิดย่อย (subtype) H1N1 (ในยุคนั้นยังไม่สามารถตรวจแยกเชื้อได้ การตรวจชนิดของเชื้อไวรัสเกิดขึ้นภายหลัง) มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่สเปน (Spainish flu) เป็นการระบาดทั่วโลกครั้งร้ายแรงที่สุด คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 50 ล้านคน (มากกว่าผู้คนที่เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 1 เสียอีก) เป็นผู้ที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาถึงกว่า 500,000 คน
  • พ.ศ. 2500-2501 (ค.ศ.1957-1958) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิดย่อย H2N2 มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่เอเชีย (Asian flu) เริ่มที่ตะวันออกไกลก่อนระบาดไปทั่วโลก มีผู้เสียชีวิต 70,000 คนในสหรัฐอเมริกา การระบาดในครั้งนี้สามารถตรวจพบและจำแนกเชื้อได้รวดเร็ว และผลิตวัคซีนออกมาฉีดป้องกันได้ทัน จึงมีผู้เสียชีวิตไม่มากนัก
  • พ.ศ. 2511-2512 (ค.ศ.1968-1969) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิดย่อย H3N2 มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง (Hong Kong flu) รายงานผู้ป่วยรายแรกเป็นชาวฮ่องกง แล้วจึงแพร่กระจายออกไป มีผู้เสียชีวิตประมาณ 34,000 คนในอเมริกา เป็นชนิดย่อยที่มีลักษณะทางพันธุกรรมคล้ายไข้หวัดใหญ่เอเชีย (H2N2) จึงมีผู้ป่วยจำนวนไม่มากนัก เพราะมีภูมิคุ้มกันอยู่บ้างแล้ว
  • พ.ศ. 2520-2521 (ค.ศ.1977-1978) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิดย่อย H1N1 กลับมาระบาดใหม่ มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่รัสเซีย (Russian flu) เริ่มระบาดที่ประเทศจีนตอนเหนือแล้วกระจายไปทั่วโลก ทราบภายหลังว่าเป็นไวรัสชนิดเดียวกับที่กระจายอยู่ทั่วไปก่อนปี พ.ศ. 2500 คือ ไข้หวัดใหญ่สเปน (H1N1) ที่ระบาดเมื่อปี พ.ศ. 2461-2462 (ก่อนถูกแทนที่ด้วยไข้หวัดใหญ่เอเชีย คือชนิดย่อย H2N2 ในปี พ.ศ. 2500) ผู้ที่อายุเกิน 23 ปีในขณะนั้น ส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานโรคแล้วจากการระบาดครั้งก่อน จึงเกิดโรครุนแรงเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 23 ปี ที่ไม่มีภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสชนิดนี้เท่านั้น
  • พ.ศ. 2552 (ค.ศ.2009) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิดย่อย H1N1 เป็นไวรัสที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนสารพันธุกรรมระหว่างไวรัสไข้หวัดใหญ่นก ไข้หวัดใหญ่หมูและไข้หวัดใหญ่มนุษย์ เกิดเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่พันธุ์ผสม กลับมาระบาดอีกครั้ง มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก (Mexican flu) หรือชื่อใหม่ว่าไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิดย่อย H1N1 2009 เริ่มระบาดที่ประเทศเม็กซิโกเมื่อเดือน มี.ค.แล้วกระจายสู่สหรัฐอเมริกา แคนาดา นิวซีแลนด์ ฯลฯ

สาเหตุของโรคไข้หวัดสายพันธ์ใหม่

สำหรับสาเหตุของการเกิดโรค เกิดจาก การติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ เป็นไวรัสที่มีเปลือกหุ้มมีสารพันธุกรรมเป็นอาร์เอ็นเอ ปัจจุบันสามารถแบ่งเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ได้เป็น 3 ชนิด คือ A B และ C เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ที่เกิดการติดเชื้อในมนุษย์และสัตว์ จะอยู่ในกลุ่ม ชนิด A (Influenza A virus)

กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสติดเชื้อ

เราสามารถแยกกลุ่มคนที่มีโอกาสการติดเชื้อได้  คือ

  • ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
  • บุคคลที่เข้ารับการบำบัดและสถานที่รับดูแลโรคเรื้อรัง
  • คนที่มีโรคปอดเรื้อรัง โรคระบบหัวใจไหลเวียน รวมทั้งเด็กที่เป็นโรคหอบหืดด้วย
  • คนที่ต้องไปโรพาบาลเป็นประจำ
  • แพทย์ พยาบาล และบุคลากรในโรงพยาบาล

อาการของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธ์เอ

สำหรับอาการของโรคไข้หวัด สามารถสรุปอาการได้ ดังนี้

  • มีอาการปวดเมื่อย ตามกล้ามเนื้อ
  • รู้สึกอ่อนล้า ไม่มีแรง
  • มีอาการเจ็บคอ
  • มีอาการไอ
  • มีไข้สูง
  • มีน้ำมูกไหล
  • มีอาการท้องเสีย และอาเจียน โดยไม่ทราบสาเหตุ
  • มีอาการปวดหัว
  • หายใจหอบ เหนื่อยง่าย

การรักษาโรคไข้หวัดสายพันธ์ใหม่

สำหรับการรักษาโรคไข้หวัดสายพันธ์ใหม่ สามารถทำได้โดย การให้ยาพื่อรักษาและการให้ยาเพื่อป้องกัน วิธีการให้ยาเพื่อการรักษาโรค ต้องให้ย่ารักษาภายใน 4 วันหลังเกิดอาการติดเขื้อ และจะให้ยาเป็นเวลา 5 วัน วิธีการให้ยาเพื่อการป้องกัน จะให้ยาเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและจะให้ยาเป็นเวลา 10 วัน

  • ให้นอนพักไม่ควรออกกำลังกาย
  • ให้ดื่มน้ำ หรือ น้ำผลไม้ หรือน้ำซุป หรืออาจจะดื่มน้ำเกลือแร่ ร่วมด้วย แต่ไม่ควรดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียว เพราะจะทำให้ท่านขาดเกลือแร่ได้ หรืออาจจะเตรียมโดยใช้น้ำข้าวใส่เกลือ และน้ำตาลก็ได้
  • ให้การดูแลปฏิบัติตัว และรักษาตามอาการเหมือนไข้หวัด คือ นอนพักผ่อนมากๆ ห้ามตรากตรำทำงานหนัก ห้ามอาบน้ำเย็น ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวเวลามีไข้สูง กินอาหารอ่อน ดื่มน้ำและน้ำหวาน หรือน้ำผลไม้ ให้ยาแก้ปวด Paracetamol ผู้ใหญ่ ครั้งละ 1-2 เม็ด (500 มิลลิกรัม) วันละ 2-3 ครั้ง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน
  • ยาปฏิชีวนะ ไม่จำเป็นต้องให้เพราะเป็นโรคที่เกิดจากไวรัส จะให้ก็ต่อเมื่อมีภาวะแทรกซ้อนจากเชื้อแบคทีเรีย เช่น น้ำมูกหรือเสลดเป็นสีเหลืองหรือเขียว ยาปฏิชีวนะที่มีให้เลือกใช้ ได้แก่ เพนวี ขนาดผู้ใหญ่ ให้ครั้งละ 4 แสนยูนิต ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง วันละ4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน ในเด็กให้ครั้งละ 50,000 ยูนิต ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง หรืออิริโทรไมซิน ผู้ใหญ่ ให้ครั้งละ 250-500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง ในเด็ก ให้วันละ 30-50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แบ่งให้ทุก 6 ชั่วโมง
  • ถ้ามีอาการหอบหรือสงสัยปอดอักเสบ ควรส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

การป้องกันโรคไข้หวัดสายพันธ์ใหม่

สำหรับการป้องกันโรคนั้น ให้หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้ป่วย ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย รักษาสุขอนามัยให้สะอาดเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หากท่านมีไข้ เจ็บคอ ไอ และมีประวัติการได้เดินทางไปในสถานที่ที่มีการระบาดของโรค ในระยะเวลาไม่เกิน 7 วัน อาจมีความเสี่ยงต่อโรคนี้  เพื่อป้องกันการเกิดโรค มีข้อควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ดังนี้

  • รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
  • รักษาความสะอาด เช่น ล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ เมื่อสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ ใน ที่สาธารณะ
  • ควรหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนที่กำลังป่วย
  • ควรหลีกเลี่ยงการไปสถานที่ ที่มีคนจำนวนมาก เช่น โรงภาพยนตร์ ห้างสรรพสินค้า
  • หากมีอาการป่วย ควรเก็บตัวอยู่บ้านและใส่หน้ากากอนามัยป้องกันการแพร่เชื้อให้กับคนในบ้าน
  • ให้ปิดปากและจมูก เพื่อไม่ให้เชื้อโรคสัมผัสกับมือหรือแพร่กระจายในอากาศ
  • ไม่ควรซื้อยากินเอง โดยปราศจากคำแนะนำของแพทย์

ไข้หวัด H1N1  โรคไข้หวัดหมู เกิดจาดเชื้อโรค สายพันธ์ H1N1, H1N2, H3N2, และ H3N1 โรคระบาดในหมู ถ่ายทอดสู่ คน จากการสัมผัสน้ำลายของหมู ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนล้าไม่มีแรง เจ็บคอ ไอ ไข้สูง อาเจียนโดยไม่ทราบสาเหตุ

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ติดเชื้อไวรัส H7N9 ที่พบในสัตว์ปีก อาการปอดอักเสบกระทันหัน มีไข้ ไอ หายใจลำบาก ทำให้เสียชีวิตได้ วิธีรักษาและป้องกันไข้หวัดนกทำอย่างไร

ไข้หวัดนก H7N9 โรคติดต่อ โรคทางเดินหายใจ

เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H7N9 เป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A เป็นไวรัสที่พบในสัตว์ปีก มีรายงานการติดเชื้อในคนเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2556 โดยอาการของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H7N9 นั้นองค์การอนามัยโลกได้ระบุไว้ ว่า คือ มีไข้ ไอ การหายใจสั้น จากนั้นจะเกิดโรคปอดบวมในเวลาต่อมา  สามารถติดต่อได้จากสัตว์ปีกเป็นพาหะนำโรค โดยสัตว์ปีกเหล่านั้น ไม่มีอาการของโรคให้เห็น เมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ H5N1 ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ H7N9 ป้องกันได้ยากกว่า

โดย องค์การอนามัยโลก ยังระบุว่า H7N9 ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดการระบาด และยังไม่มีหลักฐานว่ามีการติดต่อจากคนไปสู่คน การสัมผัสหรือใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อ H7N9 ยังคงถูกเฝ้าระวังอยู่ แต่ในขณะนี้ก็ยังไม่แสดงว่ามีการติดเชื้อได้ ปัจจุบันการรักษาไข้หวัดสายพันธ์ H7N9 ยังไม่มีวัคซีนรักษา

ไข้หวัดนก H7N9 คือ โรคติดต่อชนิดหนึ่ง โรคนี้เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเชื้อไวรัสของไข้หวัดใหญ่ มีอยู่ 3 สายพุนธุ์ คือ สายพันธุ์ A B และ C ไข้หวัดนก H7N9 เกิดจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ A H7 โดยทั่วไปแล้วไวรัส H7 สามารถพบได้ทั่วโลกในนกป่าและสัตว์ปีก การติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H7N9 มาจากไหน เชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ A H7 ที่พบในมนุษย์มาจากสัตว์ปีกและเกิดการพัฒนาเชื้อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไข้หวัดนก H7N9

อาการผู้ป่วยไข้หวัดนก H7N9

สำหรับอาการของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก H7N9 เราพบว่าผู้ป่วยจะมีอาการ ปอดอักเสบแบบกระทันหัน มีไข้สูงมาก ไอ มีอาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ อาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นหลังจากผู้ป่วยรับเชื้อโรคแล้ว 5-7 วัน ผู้ป่วยจะหายใจลำบาก และจะทำให้เสียชีวิตในที่สุด

มีวิธีการป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 อย่างไร?

  1. การล้างมือให้สะอาด เพื่อเป็นการป้องกันการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ
  2. การรับประทานอาหารที่สุกและสะอาด
  3. รักษาสุขอนามัย เช่น ควรปิดจมูกและปากด้วย หรือใช้ผ้าเช็ดหน้าขณะที่ไอหรือจาม
  4. หลีกเลี่ยงการการกระทำทุกอย่างที่จะ แพร่เชื้อไวรัสไปยังบุคคลอื่นได้
  5. ดูแลร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกาย
  6. การล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเตรียมอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร หลังจากเข้าห้องน้ำหลังสัมผัสสัตว์หรือมูลสัตว์เมื่อมือสกปรก รวมทั้งก่อนและหลังการดูแลคนในบ้านที่ป่วย
  7. ควรปิดจมูกและปากด้วยกระดาษทิชชูหรือผ้าเช็ดหน้าขณะที่จามหรือไอ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อ
    ไวรัสต่างๆ ไปยังบุคคลอื่น
  8. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ โดยการประกอบอาหารควรใช้อุณหภูมิอย่างน้อย 70 องศาเซลเซียส ในการทําให้อาหารสุกอย่างทั่วถึง

การรักษาไข้หวัดนก H7N9

จากการศึกษาพบว่า ยา Oseltamavir หรือยา Zanamevir สามารถรักษาผู้ป่วยไข้หวัดนกสายพันธุ์ H7N9 ได้แต่ต้องรักษาให้เร็วที่สุด

ไข้หวัดนก สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยเมื่อแพทย์วินิจฉัยได้อย่างแน่ชัดแล้วว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก แพทย์จะให้ผู้ป่วยรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยแยกผู้ป่วยออกจากผู้ป่วยคนอื่น ๆ และต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาการของไข้หวัดนกค่อนข้างรุนแรง อีกทั้งยังสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ทั้งนี้ในช่วงรักษาตัว แพทย์จะแนะนำให้พักผ่อนมาก ๆ ดื่มน้ำมาก ๆ และรับประทานยาพาราเซตามอล (Paracetamol) เพื่อลดอาการไข้และอาการปวด ควบคู่ไปกับการรักษาด้วยยาต้านเชื้อไวรัส ยาที่แพทย์มักใช้ในการรักษาโรคไข้หวัดนก ได้แก่

  • ยาโอเซทามิเวียร์ (Oseltamivir)
  • ยาซานามิเวียร์ (Zanamivir)

ยาทั้ง 2 ชนิดนี้จะถูกใช้เพื่อลดความรุนแรงของอาการ ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต โดยยาเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพในการรักษาสูงหากผู้ป่วยได้รับยาภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากอาการเริ่มแสดง แต่ในกรณีของไข้หวัดนก ยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่าจะเป็นเช่นเดียวกันหรือไม่ ดังนั้นควรได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด แม้จะเลยจาก 48 ชั่วโมงแรกหลังแสดงอาการก็ตาม

การป้องกันไข้หวัดนก

สำหรับวิธีป้องกันไข้หวัดนกที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อโรค ควรล้างมือทุกครั้งหากจำเป็นต้องสัมผัสสัตว์ปีก นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อหรือไข่ของสัตว์ปีก ที่ปรุงไม่สุก การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถป้องกันโรคนี้ได้ การลดความเสี่ยงการติดเชื้อโรค จึงดีที่สุด

สมุนไพรช่วยลดไข้ สามารถช่วยบรรเทาอาการไข้สูงได้ เราได้รวบรวมสมุนไพรที่สรรพคุณลดได้ ดังนี้

ฟักข้าว สมุนไพร สรรพคุณของฟักข้าว ประโยชน์ของฟักข้าวฟักข้าว
ชะมวง สมุนไพร สรรพคุณของชะมวง ประโยชน์ของชะมวงชะมวง
มะนาว สมุนไพร พืชสวนครัว ประโยชน์ของมะนาวมะนาว
บอระเพ็ด สมุนไพร สรรพคุณของบอระเพ็ด ประโยชน์ของบอระเพ็ด
บอระเพ็ด
ตะไคร้ สมุนไพร พืชสมุนไพร สมุนไพรไทย
ตะไคร้
ส้มโอ ผลไม้ สมุนไพร สมุนไพรไทย
ส้มโอ
สะเดา ผักสะเดา สมุนไพร สรรพคุณของสะเดา
สะเดา
กระเฉด สมุนไพร สมุนไพรไทย ผักสวนครัวผักกระเฉด
ฟ้าทลายโจร สมุนไพร สมุนไพรไทย ประโยชน์ของฟ้าทะลายโจร
ฟ้าทะลายโจร

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ คือ ภาะการติดเชื้อโรคที่ระบบทางเดินหายใจ โรคไข้หวัดใหญ่ ที่เกิดจากเชื้อไวรัส H7N9 ที่พบในสัตว์ปีก ทำให้เกิดอาการปอดอักเสบแบบกระทันหัน มีไข้สูงมาก ไอ ติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้เสียชีวิตได้ วิธีรักษาไข้หวัดนก การป้องกันไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ โรคติดต่อ โรคไข้หวัดนก รักษาอย่างไร H7N9 สายพันธ์ A เกิดจากอะไร ป้องกันอย่างไร


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove