โรคไขสันหลัง การบาดเจ็บที่ส่งผลต่อกระดูกสันหลัง เกิดได้กับทุกคนและเกิดจากหลายสาเหตุ ทำให้อัมพฤกษ์ อัมพาต ได้ แนวทางการรักษาและป้องกันการเกิดโรคต้องทำอย่างไรโรคไขสันหลัง โรคข้อและกระดูก โรคระบบประสาท โรคไม่ติดต่อ

ไขสันหลัง

สำหรับไขสันหลังนั้น มีหน้าที่หลักในการเชื่อมต่อการทำงาน รับและส่งสัญญาณต่างๆระหว่างสมองกับเส้นประสาทส่วนปลายที่ควบคุมการการเคลื่อนไหวและการรับรู้ความรู้สึกของเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆในร่างกาย หน้าทีของไขสันหลัง สามารถสรุปได้ ดังนี้

  • รับและส่ง คำสั่งการ ( Motor information ) ในการทำงานของอวัยวะต่างๆ
  • รับและส่งประสาทสัมผัส รับความรู้สึกต่างๆ และ สั่งให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองฉับพลันต่อตัวกระตุ้น ( Stimulus ) เช่น อาการไอ การหลับตา การจาม การเกา เป็นต้น

โรคของไขสันหลัง หากเป็นโรคจากความผิดปรกติของไขสันหลังเองนั้นพบไม่บ่อย โดยมากจากเกิดจากการถูกกระทบกระเทือนโดยตรงต่อกระดูกสันหลัง เช่น อุบัติเหตุ การตกจากที่สูง การถูกยิง การถูกแทง หรือ การติดเชื้อในกระแสลือดที่แพร่กระจายจนลุกลามสู่ไขสันหลัง สำหรับการติดเชื้อสู่ไขสันหลัง เกิดจากโรคต่างๆ เช่น ไขสันหลังอักเสบติดเชื้อ  การอักเสบต่างๆที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ โรคเนื้องอกไขสันหลัง โรคมะเร็ง

สาเหตุของการเกิดโรคไขสันหลัง

สำหรับสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคไขสันหลัง สามารถสรุปสาเหตุได้ ดังนี้

  • การเกิดอุบัติเหตุ กระแทกต่อกระดูกสันหลัง ทำให้มีโอกาสเกิดดารกดทับไขสันหลังของกระดูกสันหลังได้
  • การติดเชื้อโรคที่ส่งผลให้เกิดไขสันหลังอักเสบ ซึ่งมักเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดรุนแรง เช่น โรคโปลิโอ โรคหัด โรคคางทูม เป็นต้น
  • การอักเสบของร่างกาย แต่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อโรค เช่น โรคแพ้ภูมิต้านทานตนเอง โรคเนื้องอกต่างๆ โรคเนื้องอกที่ไขสันหลัง เป็นต้น
  • การแพร่กระจายของมะเร็ง เข้าสู่กระแสเลือด และลามเข้าสู่ไขสันหลัง
  • เกิดจาดผลข้างเคียงจากการรับวัคซีนบางชนิด เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนโรคหัด เป็นต้น
  • การถ่ายทอดทางพันธุกรรม

อาการของผู้ป่วยโรคไขสันหลัง

สำหรับผู้ป่วยโรคไขสันหลัง จะแสดงอาการสำคัญ ที่ระบบประสาท การควบคุมร่างกาย และ อาการที่หลังบริเวณกระดูกสันหลังโดยตรง สามารถสรุปอาการสำคัญ ได้ดังนี้

  • มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง เช่น แขนขาอ่อน หรือ แขนทั้ง 2 ข้างอ่อนแรง หรือ ขาทั้ง 2 ข้างอ่อนแรง หรือจะมีอาการอ่อนแรงครึ่งซีก
  • มีอาการปวดหลังชนิดเรื้อรัง
  • มีอาการกระตุกที่กล้ามเนื้อ
  • ไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้
  • อาจมีอาการกล้ามเนื้อแขนขาลีบ

การวินิจฉัยโรคไขสันหลัง

การวินิจฉัยเพื่อหาโรคไขสันหลัง นั้นแพทย์จะทำาการ ซักถามประวัติต่างๆ ประวัติการรักษาโรค ประวัติการเกิดอุบัติเหตุ ประวัติการรับวัคซีน และทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เช่น เอกซเรย์ไขสันหลัง การตรวจน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง การเจาะน้ำไขสันหลัง ซึ่งการเจาะน้ำที่ไขสันหลังนั้น สามารถตรวจดู สารผิดปกติ สารภูมิต้านทานเฉพาะโรคต่างๆ ดูเซลล์ผิดปกติต่างๆ และอาจ ต้องตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อที่ไขสันหลัง ไปตรวจทางพยาธิวิทยา ด้วย

การรักษาโรคไขสันหลัง

การรักษาโรคไขสันหลังนั้น มีแนวทางการรักษาโรค โดยการรักษาตามสาเหตุของการเกิดโรค การประคับประคองอาการของโรคตามอาการป่วย และการทำกายภาพบำบัด โดยสามารถสรุปรายละเอียด ดังนี้

  • การรักษาตามสาเหตุของการเกิดโรค เช่น หากเกิดอุบัตติเหตุต้องรับการผ่าตัด หากเกิดจากเนื้องอกให้ทำการผ่าตัดร่วมกับการฉายรังสี และให้ยาปฏิชีวนะเมื่อเกิดจากการติดเชื้อโรค เป็นต้น
  • การรักษาด้วยการประคับประคองตามอาการของโรค เช่น การให้ยาแก้ปวด การใช้สายสวนปัสสาวะ การสวนอุจจาระ เป็นต้น
  • การทำกายภาพบำบัด ในกรณีกล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นต้น

การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคกระดูกสันหลัง

สำหรับการดูแลตนเองนั้นมีความสำคัญต่อการรักษาโรค โดนจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของ แพทย์ รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน เพื่อลดการติดเชื้อโรค รักษาสุขภาพจิตให้มีคามเข้มแข็ และทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอ

การป้องกันการเกิดโรคไขสันหลัง

สำหรับการป้องกันการเกิดโรคนี้นั้น ต้องดูแลตนเองไม่ให้มีดอกาสเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงต้องรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่เป็นสาเหตุของไขสันหลังอักเสบ เช่น โรคโปลิโอ โรคหัด เป็นต้น

โรคไขสันหลัง คือ การบาดเจ็บที่ส่งผลต่อการทำงานของกระดูกสันหลัง โรคข้อและกระดูก พบไม่บ่อย เกิดได้กับทุกคน เกิดจากหลายสาเหตุ ส่งผลต่อโรคอื่นๆได้ เช่น โรคอัมพฤกษ์ โรคอัมพาต การรักษาโรคไขสันหลัง และ การป้องกันการเกิดโรคไขสันหลัง

อัมพาต ภาวะสมองขาดเลือด ( Ischemic Stroke ) ส่งผลต่อประสาทควบคุมร่างกาย ทำให้แขนขาอ่อนแรง เกิดจากหลอดเลือดสมองอุดตันหรือแตก เป็นภาวะฉุกเฉินทำให้เสียชีวิตได้โรคซีวีเอ โรคอัมพาต ภาวะสมองขาดเลือด โรคสมองขาดเลือด

โรคอัมพาต เกิดจากภาวะสมองขาดเลือด ส่งผลให้ระบบประสาทควาบคุมร่างกายไม่สามารทำงานได้ แขน ขา อ่อนแรง ไม่สามารถขยับได้ ผู้ป่วยที่เกิดภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว ร้อยละ 20 สามารถหายได้ภายใน 90 วัน หากสามารถหาสาเหตุของปัญหาทัน ในกรณีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ส่วนใหญ่จะไม่เสียชีวิต แต่จะอยู่ในภาวะซึมเศร้าและตรอบใจตาย

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอัมพาต

การเกิดโรคสมองขาดเลือด ปัจจัยทั้งหมดเกิดจากปัจจัยการดำรงชิวิตที่ไม่ถูกวิธีเป็นส่วนใหญ่ ทั้งการกิน และความเครียด ปัจจัยเสี่ยงมีดังนี้

  • เกิดจากโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากแรงดันโลหิตสูง ทำให้ผนังหลอดเลือดเปราะ ทำให้หลอดเลือดสมองแตก ทำให้สมองขาดเลือด
  • เกิดจากโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะทำให้เลือดสูบฉีดมาก ทำให้แรงดันเลือดสูง เป็นโรคที่อยู่คู่กับโรคความดันโลหิตสูง
  • เกิดโรคอ้วน การมีน้ำหนักตัวมาก ทำให้เกิดการสะสมไขมันส่วนเกินในเลือดสูง เมื่อไขมันไปเกาะที่ผนังหลอดเลือดทำให้แรงดันเลือดสูงขึ้น และอาจทำให้แตกได้
  • การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากสิ่งนี้ทำให้ผนังหลอดเลือดบาง ทำให้หลอดเลือดเปราะและแตกง่าย
  • การไม่ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ระบบภายในร่างกายไม่แข็งแรง
  • การอยู่ในภาวะเครียด ไม่ผ่อนคลาย ทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • ปัจจัยเกี่ยวกับอายุ เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็เสื่อมสภาพตามการใช้งาน ซึ่งพบว่าคนอายุ 45 ปีขึ้นไป มีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่สุด
  • การเกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบต่อเส้นเลือด และแรงดันเลือด
  • กรรมพันธ์ พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ คนในครอบครัวมีโอกาสเกิดโรคนี้สูงกว่าปรกติ

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีอัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคนี้มากกว่าปรกติ จากภาวะสภาพสังคมที่เครียดและการแข่งขันสูง

สำหรับการเกิดอัมพาต นั้นจะมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า เราสามารถสังเกตุความเปลี่ยนแปรงของร่างกายได้ว่าหากมีความผิดปรกติ สามารถหาแพทย์เพื่อรักษาให้ทันเวลา โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการ ชาที่แขนขา จากนั้านแขขาจะเริ่มอ่อนแรง หรือมีอาการชา หรืออ่อนแรงที่ร่างกายซีกใดซีกหนึ่ง สายตาจะมืด และมองไม่เห็นชั่วคราว มีภาพซ้อนและเบลอ เวียนหัว อาการบ้านหมุน เป็นลมบ่อยๆ และปวดหัวอย่างรุนแรง การพูดจาไม่ชัด ออกเสียงลำบาก มีอาการพูดตะกุกตะกัก พูดติดขัด ออกเสียงไม่ชัด  ความสามารถการกลืนอาหารลดลง อาการเหล่านี้หากหายภายใน 24 ชั่วโมง สามารถจะกลับสูภาวะปรกติ หากเกิน 24 ชั่วโมง ถือว่าเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ต้องใช้เวลาในการบำบัด

สาเหตุของการเกิดโรคอัมพาต

สาเหตุของการเกิดโรคอัมพาต หรือ โรคอัมพฤกษ์ เกิดจากสมองขาดเลือดอย่างกระทันหัน ซึ่งสาเหตุของสมองขาดเลือด เกิดจาก 2 สาเหตุสำคัญ คือ หลอดเลือดแดงไปเลื้ยงสมองอุดตัน และหลอดเลือดแดงไปเลี้ยงสมองแตก

  • หลอดเลือดสมองอุดตัน เกิดจากหลอดเลือดแดงสมองตีบตัน สาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแดงตีบ คือ ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ เกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมอง หรือ ลิ่มเลือดจากโรคหัวใจเต้นรัว
  • หลอดเลือดสมองแตก เป็นสาเหตุที่พบมาก เกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองโปร่งพอง จากโรคความดันโลหิตสูง

แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองมีปัญหา ไม่ได้เกิดจากปัญหาของหลอดเลือดโดยตรง แต่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน โรคความดัน และภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงคือ การใช้ชีวิตไม่ถูกวิธี คือ การพักผ่อนน้อย กินอาหารไม่มีประโยชน์ และเครียด

อาการของผู้ป่วยโรคอัมพาต

สำหรับอาการได้กล่าวไปแล้วในข้างต้น แต่เราจะแสดงรายการอาการโรคอัมพาต เพื่อให้ดูง่ายมากขึ้นมีดังนี้

  • แขน ขา ชาและอ่อนแรงไม่สามารถขยับได้ หรือ อ่อนแรงครึ่งซีก ข้างใดข้างหนึ่ง
  • ความสามารถในการพูด และฟังน้อยลง
  • มีปัญหาระบบการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัว มองไม่ชัด เห็นภาพเพียงบางส่วน เห็นภาพได้แคบลง
  • ความสามารถในการหายใจน้อยลง ทำให้หายใจลำบาก และเหนื่อยหอบง่าย
  • ปวดหัว เวียนหัว เสียความสามารถในการทรงตัว
  • ปวดหัวอย่างรุนแรงแบบกระทันหัน
  • คลื่นไส้อาเจียน

การตรวจวินิจฉัยโรคอัมพาต

การตรวจวินิจฉัย แพทย์จะสังเกตุจากอาการ การตรวจร่างกาย เช่น ความดันโลหิต การตรวจการเต้นของหัวใจ การตรวจระบบประสาท การตรวจเลือด เพื่อดูน้ำตาลและไขมันในเลือด จากนั้นทำการตรวจสมองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

การรักษาโรคอัมพาต

สำหรับการรักษานั้น ต้องรักษาตามอาการของสาเหตุที่ทำให้สมองขาดลเือด

  • หากเกิดจากหลอดเลือดสมองแตก ต้องเข้ารับการผ่าตัด ใส่สารบางอย่างเพื่อไปอุดหลอดเลือด
  • หากเกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพอง สามารถรักษาโดยการให้ยาละลายลิ่มเลือด

นอกจากนั้นแล้ว การรักษาจะทำเพื่อป้องกันการเกิดโรคอีกครั้ง เช่น การให้กินยาลดการแข็งตัวของเลือด การควบคุมการเกิดโรคที่มีผลต่อหลอดเลือด เช่น รักษาโรคความดันโลหิตสูง รักษาโรคเบาหวาน และรักษาโรคไขมันในหิตสูง รวมถึงการทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้แข้งแรง และฝึกการพูด เป็นต้น

การดูแลตนเองและดูแลผู้ป่วยโรคอัมพาต

  • ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ให้ขยันทำกายภาพบำบัด
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน ของผู้ป่วยให้ดี เพื่อคามเสี่ยงการติดเชื้อ
  • จัดสถานที่ที่มีผู้ป่วยให้เหมาะสม และเพื่อความสะดวกในการช่วยตัวเองได้
  • จัดอาหารให้ครบหมวดหมู่ และถูกสุขอนามัย

ป้องกันโรคอัมพาต

  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคที่หมด
  • ไม่สูบบุหรี่
  • ไม่ดื่มเครื่องดืมผสมแอลกอฮอ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ลดของหวาน และไขมัน
  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในภาวะปรกติ
  • ตรวจสุขภาพร่างกายประจำปี
  • ในผู้ป่วยให้กินยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด

ผลข้างเคียง ที่เกิดจากโรคอัมพาต นั้น คือ คุณภาพชีวิตที่ลดลง ความพิการ ปัญหาด้านการทำงาน ปัญหารายได้ ซึ่งทั้งหมด จะส่งผลผลต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพ เป็นอย่างมาก

โรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์ เกิดจากภาวะสมองขาดเลือด เป็นโรคที่มีความรุนแรงสูง ทำให้เสียชีวิตได้ และหากรอดชีวิตร่างกายก็จะไม่กลับสู่ปรกติ มักจะพิการ ช่วยตัวเองไม่ได้มาก ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย รวมถึงเกิดภาวะโรคซึมเศร้า ด้วย เป็นโรคที่ต้องการกำลังใจในการใช้ชีวิตสูงมาก

หลายคนเรียกโรคนี้ว่าโรคเวรโรคกรรม เหมือนตายทั้งเป็น เป็นโรคที่ไม่ฆ่าใครตายแต่สร้างความทรมานทางจิตใจมาก ในปัจจุบันภาวะสังคมที่มีการแข่งขันสูง ความเครียดทำให้เกิดโรคนี้มากขึ้น ในวันที่ 24 พ.ค.ของทุกปี เป็นวันอัมพฤกษ์ อัมพาตโลก วันหลอดเลือดสมอง ผู้เกี่ยวข้องด้านสาะารณสุขจะออกมารณรงค์ให้ประชาชน หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ ร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง เพื่อป้องกัน โรคสมองขาดเลือด เรามาทำความรู้จักกับโรคสมองขาดเลือด โรคอัมพาต ให้ละเอียดมากขึ้น ว่า ปัจจัยเสี่ยงของโรค สาเหตุของโรค อาการ การรักษา และการดูแลผู้ป่วย จะทำอย่างไร

จากสถิติของประชากรไทย ปี พ.ศ.2547 พบว่า ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของหญิงไทยอันดับหนึ่ง ร้อยละ 15 ของการเสียชิวิต การเกิดโรคหลอดเลือดในสมอง ของคนไทย มีอัตรา 250 คน ต่อ หนึ่งแสนคน คนไทยเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง ปีละ 150,000 คน มีการเสียชีวิตทุกๆ 10 นาที จากโรคนี้

โรคอัมพาต เป็นอาการ แขน ขา หรือร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ ขยับไม่ได้ และอ่อนแรง ส่วนอัมพฤกษ์ คือ อาการ แขน ขา อ่อนแรงกว่าเดิม แต่สามารถใช้งานได้อยู่ ทั้งสองอาการเกิดจากอาการสมองขาดเลือด จึงทำให้เกิดอาการแขนขาใช้งานไม่ได้ หรืออ่อนแรง โรคนี้ทางการแพทย์ เรียก โรคซีวีเอ ย่อมาจาก cerebrovascu lar accident

อาการผิดปกติของร่างกายที่ที่เกิดจากสมองขาดเลือด นานกว่า 24 ชั่วโมง โรคอัมพาต สามารถพบได้มากในคนอายุ 45 ปีขึ้นไป ซึ่งสามารถพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคนี้มีหลายปัจจัย เราได้รวมปัจจัยของการเกิดอัมพาต มาให้ มีดังนี้

โรคอัมพาต ภาวะสมองขาดเลือด ( Ischemic Stroke ) คือ ภาวะขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง ส่งผลให้ระบบประสาทควบคุมร่างกายทำงานผิดปรกติ แขนขาอ่อนแรง เกิดจาก หลอดเลือดแดงไปเลื้ยงสมองอุดตัน หรือ หลอดเลือดแดงไปเลี้ยงสมองแตก กรณีรุนแรงรักษาไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ สาเหตุ อาการ การรักษา การป้องกันโรค


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove