ถั่วเขียว พืชเศรษฐกิจ ถั่วงอกทำมาจากถั่วเขียว ต้นถั่วเขียวเป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการ สรรพคุณบำรุงสายตา ลดความดัน ช่วยเจริญอาหาร โทษของถั่วเขียวมีอะไรบ้าง

ถั่วเขียว ถั่วงอก ธัญพืช สมุนไพร

ต้นถั่วเขียว ( Green bean ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของถั่วเขียว คือ Vigna radiata (L.) R.Wilczek สำหรับชื่อเรียกอื่นๆของถั่วเขียว เช่น ถั่วจิม ถั่วมุม ถั่วเขียว ถั่วทอง เป็นต้น สำหรับต้นถั่วเขียว มีประวัติการบริโภคมากกว่า 4,000 ปี ที่แคว้นมัธยประเทศ ในประเทศอินเดีย ซึ่งถั่วเขียวเป็นพืชที่ปลูกกันอย่างแพร่หลาย ในประเทศไทย พม่า ศรีลังกา ปากีสถาน อิหร่าน และ จีน เนื่องจากเมล็ดถั่วเขียว สามารถเก็บได้นาน เมล็ดนิยมนำมาทำอาหาร เมนูอาหารที่มีถั่วเขียวเป็นส่วนประกอบ เช่น เต้าส่วน ถั่วทอง ขนมข้าวเกรียบอ่อน เป็นต้น และ นำมาเพาะเป็น ถั่วงอก ได้

ลักษณะของต้นถั่วเขียว

ต้นถั่วเขียวเป็นพืชล้มลุก อายุเพียงแค่หนึ่งปี สามารถปลูกได้ตลอดปี ใช้น้ำน้อย ทนแล้งได้ดี สามารถขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ดพันธ์ ลักษณะของต้นถั่วเขียว มีดังนี้

  • ลำต้นถั่วเขียว ลักษณะเป็นพุ่มตั้งตรง ความสูงประมาณ 1 เมตร ลำต้นแตกแขนง ลำต้นลักษณะค่อนข้างเป็นเหลี่ยม ลำต้นมีขนอ่อนๆปกคลุมทั่วลำต้น
  • ใบถั่วเขียว ลักษณะเป็นใบเดี่ยว ขึ้นแบบสลับอยู่บนลำต้น ใบมีสีเขียว ลักษณะคล้ายรูปไข่ ปลายใบแหลม ใบมีขนปกคลุม
  • ดอกถั่วเขียว ลักษณะดอกออกเป็นช่อ กลีบดอกสีขาว สีม่วง และ สีเหลือง ก้านช่อดอกยาวประมาณ 20 เซนติเมตร
  • ฝักถั่วเขียว ลักษณะยาวกลม ความยาวของฝักประมาณ 15 เซนติเมตร ฝักอ่อนสีเขียว ฝักแก่สีน้ำตาลอ่อน ภายในฝักจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 10-15 เมล็ด
  • เมล็ดถั่วเขียว อยู่ภายในฝักถั่วเขียว ลักษณะของเมล็ดกลมรี มีสีเขียว เนื้อในเป็นสีเหลือง เมล็ดผิวเรียบ แข็ง

คุณค่าทางโภชนาการของถั่วเขียว

สำหรับการบริโภถั่วเขียว นิยมนำมาบริโภคทั้งเมล็ดถั่วเขียวดิบ และ เมล็ดถั่วเขียวสุก นักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของถั่วเขียว มีดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดถั่วเขียวดิบ ขนาด 100 กรัม ให้พลังงานมากถึง 347 กิโลแคลอรี มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 62.62 กรัม น้ำ 9.05 กรัม น้ำตาล 6.6 กรัม กากใยอาหาร 16.3 กรัม ไขมัน 1.15 กรัม โปรตีน 23.86 กรัม วิตามินบี1 0.621 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.233 มิลลิกรัม วิตามินบี3 2.251 มิลลิกรัม วิตามินบี5 1.91 มิลลิกรัม วิตามินบี6 0.382 มิลลิกรัม วิตามินบี9 625 ไมโครกรัม วิตามินซี 4.8 มิลลิกรัม วิตามินอี 0.51 มิลลิกรัม วิตามินเค 9 ไมโครกรัม ธาตุแคลเซียม 132 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 6.74 มิลลิกรัม ธาตุแมกนีเซียม 189 มิลลิกรัม ธาตุแมงกานีส 1.035 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 367 มิลลิกรัม ธาตุโพแทสเซียม 1,246 มิลลิกรัม และ ธาตุสังกะสี 2.68 มิลลิกรัม

คุณค่าทางโภชนาการของเมล็ดถั่วเขียวต้ม ขนาด 100 กรัม ให้พลังงานมากถึง 105 กิโลแคลอรี มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต 19.15 กรัม น้ำ 72.66 กรัม น้ำตาล 2 กรัม กากใยอาหาร 7.6 กรัม ไขมัน 1.15 กรัม โปรตีน 7.02 กรัม วิตามินบี1 0.164 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.061 มิลลิกรัม วิตามินบี3 0.577 มิลลิกรัม วิตามินบี5 0.41 มิลลิกรัม วิตามินบี6 0.067 มิลลิกรัม วิตามินบี 9 159 ไมโครกรัม วิตามินซี 1 มิลลิกรัม วิตามินอี 0.15 มิลลิกรัม วิตามินเค 2.7 ไมโครกรัม ธาตุแคลเซียม 27 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 1.4 มิลลิกรัม ธาตุแมกนีเซียม 48 มิลลิกรัม ธาตุแมงกานีส 0.298 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 99 มิลลิกรัม ธาตุโพแทสเซียม 266 มิลลิกรัม และ ธาตุสังกะสี 0.84 มิลลิกรัม

สรรพคุณของถั่วเขียว

สำหรับการใช้ประโยชน์จากถั่วเขียว ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค นิยมใช้การบริโภคเมล็ดถั่วเขียว โดยสรรพคุณของถั่วเขียว มีดังนี้

  • บำรุงร่างกาย ช่วยเสริมสร้างกล้าม บำรุงกำลัง และ เสริมสร้างภูมิต้านทานโรค
  • ป้องกันมะเร็ง มีสารต้านเอนไซม์โปรตีเอสสูง
  • ช่วยเจริญอาหาร แก้ปัญหาการไม่อยากกินข้าว และ แก้เบื่ออาหาร
  • บำรุงเลือด ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยไขมันและคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ช่วยควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด รักษาโรคเบาหวาน
  • บำรุงกระดูกและฟัน ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน รักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน
  • ช่วยลดไข้ ช่วยขับร้อนในร่างกาย แก้ร้อนใน
  • แก้กระหายน้ำ
  • ช่วยถอนพิษในร่างกาย ช่วยแก้อาการอาเจียนจากการดื่มเหล้า ช่วยขับของเหลวในร่างกาย ขับปัสสาวะ
  • บำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยกระตุ้นประสาท ช่วยให้สมองทำงานฉับไว
  • บำรุงสายตา รักษาตาอักเสบ แก้อาการตาพร่า
  • ช่วยขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก
  • รักษาแผลฝี

โทษของถั่วเขียว

สำหรับการบริโภคถั่วเขียว ข้อควรระวังในการรับประทาน ดังนี้

  • การกินถั่วเขียวทำให้ท้องอืด สำหรับคนที่มีอาการท้องอืดง่าย ไม่ควรรับประทานถั่วเขียว
  • สำหรับผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ไม่ควรรับประทานถั่วเขียว เพราะ อาจทำให้อุจจาระบ่อย หรือ ท้องเดิน
  • การกินถั่วเขียวมากเกินไป ทำให้อ้วนได้ อาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป
  • ถั่วเขียว มีสารพิวรีน ( Purine ) กระตุ้นให้เกิดข้อกระดูกอักเสบ ผู้ป่วยโรคเกาต์ ไม่ควรรับประทาน

ถั่วเขียว ธัญพืช พืชเศรษฐกิจ ถั่วงอก ทำมาจากถั่วเขียว ลักษณะของต้นถั่วเขียว เป็นอย่างไร คุณค่าทางโภชนาการของถั่วเขียว สรรพคุณของถั่วเขียว เช่น ช่วยถอนพิษ บำรุงสายตา ลดความดันโลหิต ช่วยเจริญอาหาร โทษของถั่วเขียว มีอะไรบ้าง

ลูกเดือย ธัญพืช สมุนไพร ลักษณะของต้นเดือยเป็นอย่างไร สรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงเส้นผม ช่วยบำรุงสมอง โทษของเดือย

เดือย ลูกเดือย สมุนไพร สรรพคุณของลูกเดือย

ต้นเดือย สามารถพบได้ในประเทศแถบเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เดือย ภาษาอังกฤษ เรียก Adlay เดือย ชื่อวิทยาศาสตร์ เรียก Coix lacryma-jobi L ประโยชน์ของลูกเดือย สรรพคุณของลูกเดือย เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงเส้นผม ช่วยบำรุงสมอง ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยบำรุงกระดูก แก้ร้อนใน แก้คลื่นไส้อาเจียน

เดือย สรรพคุณ เช่น ช่วยบำรุงเลือด สำหรับสตรีหลังคลอด ช่วยบำรุงปอด ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องร่วง แก้ท้องเสีย ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงมดลูก ช่วยบำรุงไต ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และยีสต์ ช่วยขับพยาธิในเด็ก

คุณค่าทางโภชนากการของเดือย

ลูกเดือยให้คุณค่าทางอาหารสูง ซึ่งนักโภชนาการ ศึกษาพบว่าในเดือย มีวิตามินเอ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินอี แคลเซียม ฟอสฟอรัส มีกรดอะมิโน เช่น กรดกลูตามิก ลูซีน อลานีน โปรลีน วาลีน ฟินิลอลานีน ไอโซลูซีน อาร์จีนีน เป็นต้น และยังมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว อย่าง กรดลิโนเลอิก กรดโอเลอิค และกรดไขมันอิ่มตัว เช่น ปาล์มิติก และสเตียริก

ลูกเดือย เป็นธัญพืชที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับข้าว เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศไทยถือเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง เพาะปลูกมากแถวภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพืชที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีเส้นใยอาหารสูง มีลักษณะของต้นคล้ายต้นข้าวโพด ลักษณะของเม็ดจะเป็นสีขาว ออกกลม ๆ รี ๆ รสชาติออกมันเล็กน้อย ลูกเดือยมีทั้งที่กินได้และกินไม่ได้ ชนิดที่กินได้นั้นจะมีเปลือกผลอ่อนซึ่งเรียกว่าเดือยกิน ปลูกไว้เพื่อใช้ทำเป็นอาหารและยา

หากพูดถึงธัญพืชที่จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับข้าวนั้นลูกเดือยถือได้ว่าเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เป็นพืชพื้นเมืองของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกทั้งยังเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศไทยอีกด้วย โดยลูกเดือยนั้นมีคุณค่าทางอาหารสูงเป็นพืชที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวมีเส้นใยไฟเบอร์สูงลักษณะของต้นคล้ายกับต้นข้าวโพดลักษณะเม็ดจะออกเป็นสีขาวออกกลมๆรีๆ รสชาติของลูกเดือยนั้นจะออกรสหวานมันเล็กน้อยนั่นเอง โดยลูกเดือยนั้นถือได้ว่าเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงอีกทั้งยังมีสรรพคุณทางยาที่มีความน่าสนใจโดยมีการใช้ในการบำรุงรักษาร่างกายกันยาวนานมาตั้งแต่สมัยโบราณนั่นเอง

ลูกเดือย ถือได้ว่าเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมากซึ่งในลูกเดือยเองนั้นจะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุนานาชนิดที่มีความจำเป็นต่อร่างกายอย่างเช่นวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินอี อีกทั้งนี้มีแร่ธาตุที่สำคัญอย่างแคลเซียม ฟอสฟอรัส ในปริมาณที่สูงซึ่งรวมทั้งมีกรดอะมิโนจำเป็นอีกหลากหลายชนิดด้วยเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วคนจะรู้จักกับลูกเดือยในนามของธัญพืชแต่วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเดือยให้มากยิ่งขึ้นซึ่งเดือยนั้นถือได้ว่าเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็นช่วยในการปรับสมดุลร่างกายและลดความร้อนได้เป็นอย่างดี

เดือย ถือได้ว่าเป็น อาหาร สำคัญที่ ช่วยในการบำรุงร่างกาย และ บำรุงกำลัง ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยในช่วงพักฟื้นรวมถึงเด็กและผู้สูงอายุด้วยเช่นกัน ลูกเดือย ยังมี สรรพคุณ ที่ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยให้ผู้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ทั้งยัง ช่วยบำรุงสายตา รวมถึง บำรุงเส้นผม และ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

นอกจากนั้นแล้ว เดือย ยังเป็น ยาบำรุงร่างกายสำหรับสตรี โดยเฉพาะซึ่งจะ ช่วยในการขับปัสสาวะ ช่วยบำรุงมดลูก อีกทั้งยังช่วยในการเหนียวนำให้มีการตกไข่และ แก้อาการสตรีตกข่าวมากผิดปกติ นั่นเอง ถือได้ว่าเดือยนั้นเป็น สมุนไพร ที่สามารถ ใช้บำรุงร่างกาย ที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว

ประโยชน์ของลูกเดือย

  • คุณค่าทางอาหารสูง เนื่องจากประกอบด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและวิตามินต่างๆ หลายชนิด ตั้งแต่แคลเซียม ฟอสฟอรัส และมีกรดอะมิโน กรดไขมันไม่อิ่มตัว ส่วนวิตามินนั้นมีตั้งแต่วิตามิน A วิตามิน B1 และ B2 รวมถึงวิตามิน E ด้วย
  • ช่วยป้องกันรักษาโรค ด้วยสารอาหารหลายชนิดที่มีในลูกเดือย ทำให้ลูกเดือยนั้นนอกจากจะทำอาหารหวานรับประทานเพื่อความอร่อย แล้วยังมีประโยชน์ในแง่การรักษาสุขภาพ ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้อีกด้วย
  • แก้อาการร้อนใน คลื่นไส้อาเจียน
  • แก้โรคนอนไม่หลับ และช่วยให้หายอ่อนเพลีย
  • ลดสภาวะไขมันในเลือดสูง
  • ยับยั้งสารก่อมะเร็ง ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง
  • ช่วยยับยั้งการเกิดเนื้องอก
  • ช่วยต้านเชื้อโรค โดยเฉพาะแบคทีเรียและเชื้อรา เหมาะที่คนเป็นโรคกระเพาะ ลำไส้จะรับประทาน
  • บำรุงร่างกายผู้ป่วย ระหว่างพักฟื้น เพราะมีคุณค่าอาหารสูง
  • บำรุงสมองบำรุงผิวพรรณให้ผ่องใส ไม่เป็นกระ
  • บำรุงสายตา เนื่องจากมีวิตามิน A สูง
  • ป้องกันโรคเหน็บชา เนื่องจากมีวิตามิน B
  • บำรุงเส้นผมให้ดกดำเป็นเงางาม
  • ป้องกันโรคเบาหวาน เนื่องจากเป็นอาหารที่มีรสจืด สามารถรับประทานโดยไม่ใส่น้ำตาลก็อร่อยอีกแบบ หรือจะต้มรวมในการหุงข้าวก็ได้
  • รับประทานเป็นประจำ สร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ดี
  • ใช้บำรุงเลือด เหมาะกับสตรีหลังคลอดบุตร
  • ป้องกันโรคกระดูกพรุน และทำให้มีกระดูกแข็งแรง

ปัจจุบันกระแสการรักสุขภาพเริ่มมีมากยิ่งขึ้นซึ่งทำให้ผู้คนหันมาใส่ใจในการดูแลตนเองมากยิ่งขึ้นเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วผู้คนมักจะเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ซึ่งลูกเดือยเองก็ถือได้ว่าเป็นธัญพืชที่มีสารอาหารครบถ้วนและเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งยังสามารถช่วยสร้างความสมดุลให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดีนั่นเองรวมไปถึงรักษาอาการต่างๆและยังช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียเชื้อราหรือว่าเชื้อยีสต์ที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ปัจจุบันนี้มีการนำลูกเดือยมาแปรรูปเป็นอาหารและยาบำรุงร่างกายมากยิ่งขึ้นซึ่งสำหรับการนำมาทำเป็นอาหารนั้นในปัจจุบันลูกเดือยสามารถนำมาใช้ปรุงอาหารได้ทั้งอาหารคาวและอาหารหวานโดยเฉพาะอาหารประเภทที่มีแป้งและน้ำเป็นส่วนผสมหลักนั่นเอง นอกจากนั้นแล้วปัจจุบันก็มีการนำลูกเดือยมาแปรรูปเป็นลูกเดือยอบกรอบและนำมาทำเป็นขนมหวานเช่นลูกเดือยเปียกเต้าทึงและน้ำลูกเดือยเป็นต้น
วิธีทำน้ำลูกเดือย
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำลูกเดือย ประกอบด้วย ลูกเดือย 100 กรัม ธัญพืชตามชอบใจ เม็ดบัว อัลมอนด์ หรืออื่นๆ น้ำตาลทราย น้ำเปล่า 6 ถ้วย

ขั้นตอนการทำน้ำลูกเดือย มีดังนี้  แช่ลูกเดือยไว้อย่างน้อย 1 คืนเพื่อให้ลูกเดือยนิ่ม จากนั้นนำลูกเดือยที่นิ่มแล้ว เติมน้ำลงไป แล้วนำไปปั่น ถ้าเป็นสมัยโบราณจะใช้เครื่องโม่ แต่ยุคปัจจุบันมีเครื่องปั่นไฟฟ้า สามารถกะความหยาบละเอียดได้ตามต้องการ เมื่อปั่นแล้ว ค่อยนำไปกรองเพื่อแยกน้ำกับกากการกรองนั้นขึ้นอยู่กับความชอบว่า ต้องการให้เหลือแต่น้ำลูกเดือยล้วนๆ หรือให้มีกากผสมด้วยนิดหน่อย นำน้ำลูกเดือยที่กรองแล้วไปตั้งบนไฟอ่อน ๆ เติมน้ำตาลทรายลงไป กะความหวานตามชอบ ส่วนใหญ่สาวๆ ไม่นิยมให้หวานนัก เมื่อคนจนน้ำตาลละลายหมดแล้ว จึงยกขึ้นพักไว้ให้ความร้อนคลายตัว แล้วจึงรับประทาน หรือถ้าชอบแบบอุ่นๆ ก็รับประทานได้เรื่อยๆ เหมือนการดื่มน้ำเต้าหู้ได้ทั้งร้อนทั้งเย็นตามชอบ


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove