โลหิตเป็นพิษ เกิดจากมีเชื้อโรคอยู่ในกระแสเลือด ทำให้ร่างกายอักเสบ อาการมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดทั่วร่างกาย แนวทางการรักษาต้องหาเชื้อโรคที่อยู่ในกระแสเลือด

โลหิตเป็นพิษ ติดเชื้อในกระแสเลือด โรคติดเชื้อ

โลหิตเป็นพิษ หมายถึง ภาวะร่างกายติดเชื้อโรคหรือได้รับสารพิษ ซึ่งเชื่อโรคหรือสารพิษเหล่านั้นเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้เกิดการอักเสบในอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย เนื่องจากโลหิตที่มีพิษไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆทั่วร่างกาย เป็นอาการที่รุนแรง ผู้ป่วยจะเจ็บและปวดทั่วร่างกาย จัดว่าเป็นดรคที่มีความอันตรายมากโรคหนึ่ง

สาเหตุของโลหิตเป็นพิษ

ภาวะโลหิตเป็นพิษเกิดจากร่างกายได้รับเชื้อโรคหรือสารพิษ และ เชื้อโรคหรือสารพิษเหล่านั้นเข้าสู่กระแสโลหิต จึงแสดงอาการต่างๆออกมา ซึ่งสาเหตุของการติดเชื้อในกระแสเลือด เราสามารถแบ่งสาเหตุตามอวัยวะที่ติดเชื้อ โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • การติดเชื้อที่ช่องท้อง ได้แก่ ไส้ติงอักเสบ ไส้ติ่งแตก ลำไส้ทะลุ ถุงน้ำดีอักเสบ ช่องท้องอักเสบหรือเป็นหนอง  ลำไส้อักเสบ ตับอ่อนอักเสบ เป็นต้น
  • การติดเชื้อที่ระบบประสาท ได้แก่ ไขสันหลังอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • การติดเชื้อที่ระบบหายใจได้แก่ ไซนัสอักเสบ ปอดบวม
  • การติดเชื้อที่ผิวหนัง ได้แก่ แผลติดเชื้อ หนองที่ผิวหนัง แผลเบาหวาน ฝี ผื่นแพ้ที่มี
  • การติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ ได้แก่ กรวยไตอักเสบ

ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโลหิตเป็นพิษ

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษนั้น มีหลายสาเหตุหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ และ ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เราสามารถจำแนกปััจัยของการเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ มีดังนี้

  • ปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ เช่น การรับประทานยา ภาวะโรคแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน การเกิดแผล การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ เป็นต้น
  • ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น อายุซึงกลุ่มอายุน้อยและกลุ่มอายุมาก ภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดง่ายกว่าคนในกลุ่มปรกติวัยเจริญพันธ์

อาการภาวะโลหิตเป็นพิษ 

ผู้ป่วยที่มีอาการโลหิตเป็นพิษ ลักษณะอาการจะมีอาการปวดตามอวัยวะที่ติดเชื้อ มีไข้สูง หนาวสั่น หายใจหอบ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง ซึม ปัสสาวะได้น้อย ที่ผิวจะอุ่นและมีสีแดง ตัวซีด ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว

การรักษาภาวะโลหิตเป็นพิษ

สำหรับแนวทางการรักษาภาวะโลหิตเป็นพิษ แบ่งออกเป็น 3 แนวทาง คือ การรักษาโดยการให้ยา การรักษาโดยการจัดการสาเหตุของการติดเชื้อ และ การรักษาด้วยการประคับประคองตามอาการ ซึ่งการรักษาต้องเริ่มจากการตรวจเลือด เพื่อหาเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อก่อนจากนั้นจึงใช้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อโรคนั้นๆ แนวทางการรักษา มีดังนี้

  • การให้ยาปฏิชีวนะ สำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าเป็นเชื้อโรคชนิดใด
  • กำจัดต้นเหตุของการติดเชื้อ เช่น หากผู้ป่วยใส่สายสวนปัสสาวะอยู่ แล้วมีการติดเชื้อที่กรวยไต ก็ต้องนำสายสวนปัสสาวะออก เปลี่ยนเส้นใหม่ เป็นต้น
  • ให้ออกซิเจนและการเพิ่มความดันโลหิต โดยประเมินจากระดับ lactate ในเลือดให้ต่ำกว่า 4
  • ให้น้ำอย่างเพียงพอ เพื่อให้ความดันเลือดอยู่ภาวะปรกติ
  • เติมเลือดเข้าไปในร่างกาย
  • ใช้เครื่องช่วยหายใจ
  • การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้ ให้ยาลดกรด

ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อในกระแสเลือด

หากเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อเลือดที่มีพิษเข้าสู่อวัยวะต่างๆ สามารถทำให้เกิดการทำงานล้มเหล้วของอวัยวะนั้นๆได้ เช่น ปอดอักเสบเฉียบพลัน สมองอักเสบ ตับอักเสบ ไตอักเสบ หัวใจอักเสบ หลอดดเลือดอักเสบ ซึ่งอาการต่างๆจะลามจนไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เสียชีวิตในที่สุด

การป้องกันภาวะโลหิตเป็นพิษ

สำหรับโรคนี้แนวทางการป้องกันการเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ ให้หลีกเลี่ยงปัจจัยต่างๆที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ แนวทางการป้องกันการเกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ มีดังนี้

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พยายามดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • พักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงการเดินทางหรืออยู่ในสถานที่ที่มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อ เช่น ไม่ลงไปแช่ในน้ำคลองที่สกปรก ไม่ลงไปเล่นโคลน แหล่งมลพิษทางอากาศ
  • สวมเครื่องมือป้องกัน เมื่อต้องทำกิจกรรมทีมีความเสียงเกิดอุบัตติเหตุ
  • หากเกิดแผลไม่ควรเปิดแผลสด ควรใช้ผ้าพันแผลปิดแผล เพื่อป้องกันการรับเชื้อโรคทางผิวหนัง
  • รับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย ปรุงสุก และ สะอาด

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร โรค แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยข้อมูลดีๆ เนื้อหาในเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา

Beezab.com source of health knowledge, herbs, diseases, mothers and children, healthy food, yoga and Dhamma.  The content on this page is for educational purposes only. We are not intended to be a substitute for medical advice. Diagnosis of disease or treatment of disease in any way If you are sick, You should consult a doctor.

ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของเรา ถุงกระสอบทรัพย์ทวี จำหน่ายถุงกระสอบมีซิบ สำหรับย้ายหอย้ายบ้าน ย้ายสำนักงาน มีสินค้าประกอบด้วย ถุงสายรุ้ง ถุงไนลอน ถุงการ์ตูน และ ถุงล้อลาก

หนองใน โกโนเรีย ( Gonorrhea ) ติดเชื้อแบคทีเรียจากน้ำอสุจิและสารคัดหลังในช่องคลอด ทำให้เกิดหนองที่มดลูก ท่อปัสสาวะ ช่องปาก คอ ตา ทวารหนัก การรักษาและป้องกัน

หนองใน โกโนเรีย โรคติดต่อ

โรคหนองใน หรือ โรคโกโนเรีย ภาษาอังกฤษ เรียก Gonorrhea เกิดจากการติดเชื้อโรค ที่มี สาเหตุของการติดเชื้อส่วนใหญ่จากการมีเพศสัมพันธ์ และ เชื้อโรคที่ทำใหเกิดหนองใน คือ เชื้อแบคทีเรีย โดยขาดการป้องกัน โรคนี้ถือเป็นโรคติดต่อ อาการติดเชื้อทำให้เกิดหนองภายในร่างกาย โดยมาก จะเกิดหนองที่ ปากมดลูก มดลูก ปีกมดลูก ท่อปัสสาวะ รวมถึงอวัยวะต่างๆที่เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ช่องปาก คอ ตา ทวารหนัก เป็นต้น

โรคหนองใน สามารถเกิดทั้งใน เพศชายและเพศหญิง โรคนี้ในประเทศไทย มีการสำรวจในปี 2551 พบว่ามีผู้ป่วยโรคนี้ 6,168 ราย มีการมีอัตราการติดเชื้อที่ 9.76 คน ต่อ 100,000 คน หากเปรียบเทียบกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้วพบว่า โรคหนองใน เป็นสาเหตุของโรคติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์คิดเป็นร้อยละ 15.43 ของผู้ป่วยที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทั้งหมด

ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหนองใน

สำหรับ ปัจจัยของการเกิดโรคหนองใน นั้น เกิดได้จากการสัมผัสเยื่อบุช่องคลอด ช่องปาก ทวารหนัก หรือ องคชาต ของ ผู้ที่มีเชื้อโรคหนองใน ซึ่ง หนองในสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกได้ ผู้ที่รู้ตัวว่าเป็น โรคหนองใน จึง ควรระวังในการแพร่เชื้อหนองใน ให้ผู้อื่น นอกจากการสัมผัสผู้ที่มี เชื้อโรคหนองใน แล้ว มีปัจจัยที่มีความเสี่ยงของการติดต่อโรคหนองใน ดังต่อไปนี้

  • กลุ่มวัยรุ่น เป็นวัยที่คึกคะนอง มีความเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันสูง
  • กลุ่มคนที่มีอาชีพหรือกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมการมีคู่นอนมากกว่า 1 คน
  • กลุ่มคนที่เคยมีประวัติการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน เช่น โรคซิฟิลิส (Syphilis)
  • กลุ่มคนที่มีพศสัมพันธ์โดยขาดการป้องกันด้วยถุงยางอนามัย
  • กลุ่มผู้เสพติดยาเสพติด

สาเหตุของการติดเชื้อหนองใน

การติดเชื้อโรคหนองใน นั้นเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ชนิดหนึ่ง ที่มีชื่อว่า ไนซีเรีย โกโนเรียอี ภาษาอังกฤษ เรียก Neisseria gonorrhoeae  เชื้อแบคทีเรีย ชนิดนี้ พบได้ในน้ำอสุจิของเพศชายและสารคัดหลังในช่องคลอดของเพศหญิง เชื้อแบคทีเรีย ชนิดนี้สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ทีี่มีความอบอุ่น โดยเฉพาะอวัยวะเพศและภายในช่องคลอด รวมถึง ทวารหนัก เยื่อบุตา ช่องปากและคอ เป็นต้น

ดังนั้น หากใครมีเชื้อโรคชนิดนี้อยู่ในร่างกาย และมีกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องสัมผัสในส่วนที่มีเชื้อโรคอยู่ ซึ่งโดย กิจกรรมการมีเพศสัมพันธ์ เป็นกิจกรรมที่สัมผัสกับเชื้อโรคโดยตรงที่สุด ทำให้เกิดการแพร่เชื้อโรค สำหรับอาการของโรคนี้ มีระยะการฟักตัว หลังจากได้รับเชื้อ ภายใน 10 วัน แต่จะสามารถแสดงอาการของโรคให้เห็นภายใน 5 วัน

เพื่อความเข้าใจใน โรคหนองใน ให้ชัดเจน การสัมผัสผู้ติดเชื้อ เช่น การจับมือ การจูบ การใช้แก้ว จาน ร่วมกัน หรือ การลงสระว่ายน้ำ หรือใช้ส่วมร่วมกับผู้มีเชื้อโรคหนองในไม่ได้ทำให้เกิดการติดเชื้อแต่อย่างใด

อาการของผู้ป่วยโรคหนองใน

สำหรับ อาการของผู้ป่วยโรคหนองใน นั้น เราจะแยก เป็น 3 ลักษณะ คือ การติดเชื้อในเพศชาย การติดเชื้อในเพศหญิง และ อาการที่แสดงออกทั้งเพศชายและเพศหญิง รายละเอียดดัง ต่อไปนี้

  • อาการที่พบสำหรับเพศชาย คือ จะรู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะขัด และมีหนองไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ ซึ่งในระยะแรกจะเป็นลักษณะมูกใส ๆ หลังจากนั้นจะเป็นหนองสีเหลืองข้น และมีอาการปวดและบวมที่อัณฑะ มีอาการอัณฑะอักเสบ
  • อาการที่พบสำหรับเพศหญิง คือ มีอาการตกขาวผิดปกติ มีลักษณะตกขาวมาก มีหนองสีเหลือง มีกลิ่นเหม็น มีอาการขัดเบา และแสบเวลาปัสสาวะ ปวดท้องน้อย ปัสสาวะขุ่น มีเลือกะปริบกะปรอยในระหว่างรอบเดือน หากเกิดการติดเชื้อที่มดลูก จะมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดที่ท้องน้อย
  • สำหรับอาการที่เกิดขึ้นได้ทั้งในเพศชายและเพศหญิง คือ มีไข้สูง เจ็บคอ เป็นลักษณะติดเชื้อที่คอ หากปวดเวลาอุจจาระ จะมีอาการปวดหน่วงๆ มีหนองปนในอุจจาระ หากติดเชื้อที่เยื่อบุตา จะรู้สึกระคายเคืองที่ตา มีหนองไหลออกมาจากเยื่อบุตา เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยโรคหนองใน

ความอันตรายของโรคหนองใน อยู่ที่ภาวะโรคแทรกซ้อนของการติดเชื้อโรค ซึ่ง หากไม่ทำการรักษาให้ทันท่วงที่อาจเกิดการติดเชื้อลามไปยังอวัยวะอื่นๆ จนยากที่จะรักษาได้ ลักษณะของ โรคแทรกซ้อนของโรคหนองใน มีดังนี้

  • อาการท่อปัสสาวะอุดตัด จากภาวะท่อปัสสาวะอักเสบ
  • อาการต่อมลูกหมากอักเสบ หรือเป็นฝีที่ผนังของท่อปัสสาวะ
  • อาการลูกอัณฑะอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เป็นหมันได้
  • อาการฝีอักเสบที่อวัยวะเพศ
  • อาการอุ้งเชิงกรานอักเสบ ทำให้มีปวดท้อง มีไข้ เกิดถุงหนองภายในช่องท้องน้อยแบบเรื้อรัง
  • อาการติดเชื้อในกระแสเลือด
  • อาการติดเชื้อตามข้อกระดูก
  • อาการติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
  • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • เยื่อบุหัวใจอักเสบ
  • หัวใจวาย

การติดเชื้อหนองในระหว่างการตั้งครรภ์

โรคหนองใน สามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกได้ หากเกิดการติดเชื้อระหว่างตั้งครรถ์ ซึ่งป็นอันตรายกับลูกในท้อง เช่น หากทารกติดเชื้อที่ตา ก็ส่งผลให้ทารกตาบอด เชื้อโรคหนองในเป็นอันตรายกับทารกมาก หากทราบว่า ติดเชื้อโรคหนองในระหว่างตั้งครรถ์ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

การวินิจฉัยโรคหนอง

การตรวจวินิจฉัยว่าติดเชื้อโรคหนองในนั้ สามารถทำได้โดยการตรวจสอบประวัติ และอาการเบื้องต้นของผู้ป่วย และการตรวจเชื้อโรคจากแผล จากปากมดลูก ท่อปัสสาวะ ทวารหนัก หรือ ช่องคอ เพื่อตรวจดูเชื้อโรค

การรักษาโรคหนองใน

สำหรับการรักษาการติดเชื้อโรคหนองในนั้น สามารถใช้การรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ในการรักษา รวมถึงใช้การรักษาอื่นๆควบคู่เพื่อบรรเทาอาการและรักษาภาวะแทรกซ้อนของโรค รายละเอียดังนี้

  • ใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น  เซฟิไซม์ เซฟไตรอะโซน สเปกติโนมัยซิน การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะจะค่อนข้างได้ผลดี หากผู้ป่วยเข้ารับการรักษาเร็ว สามารถหายได้เร็ว แต่อาการความเสียหายของเนื้อเยื่อต้องใช้เวลาให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง
  • สำหรับผู้ติดเชื้อหนองใน แพทย์จะให้ตรวจเลือด เพื่อดูว่าติดเชื้อโรคอื่นๆหรือไม่ เช่น เชื้อเอชไอวี เชื้อซิฟิลิส
  • สำหรับผู้ป่วยเพศหญิง ที่มีอาการหนองไหลออกจากท่อปัสสาวะ รวมถึง มีไข้สูง ปวดท้องน้อย ขัดเบา ตกขาว แสดงว่าเกิดภาวะแทรกซ้อน ที่มดลูก ต้องพบแพทย์โดยด้วน ภายใน 24 ชั่วโมง
  • สำหรับสตรีมีครรภ์ ที่ติดเชื้อหนองใน เป็นอันตรายต่อชีวิตของลูกในครรภ์ อาจต้องกระตุ้นให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดได้

วิธีป้องกันการติดเชื้อโรคหนองใน

  • ให้หลีกเลี้ยงการเปลี่ยนคู่นอน หากมีความจำเป็นควรตรวจโรคให้ดีก่อน
  • หลีกเลี่ยงงานหรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดการนอนกับคนที่ไม่รู้จัก หรือกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนคู่นอน
  • ให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันในการมีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับผู้มีเชื้อโรคหนองใน
  • กินยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรคภายหลังการร่วมเพศ
  • การกินยาล้างลำกล้อง ซึ่งเป็นยาระงับเชื้อ ไม่ใช่ยาทำลายเชื้อ

โรคหนองใน โรคโกโนเรีย ( Gonorrhea ) การติดเชื้อแบคทีเรียในน้ำอสุจิและสารคัดหลังในช่องคลอด ทำให้เกิดหนองที่มดลูก ท่อปัสสาวะ ช่องปาก คอ ตา ทวารหนัก เป็นต้น รักษาอย่างไร แนวทางการป้องกันทำอย่างไร


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove