เยื่อบุตาอักเสบ อาการตาแดง แสบตา น้ำตาไหลผิดปรกติ ระคายเคืองตา เกิดจากการติดเชื้อโรค การรักษาใช้การใช้ยาหยอดตาเพื่อฆ่าเชื้อ และ พักสายตาให้ร่างกายพื้นฟูตัวเอง

เยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง โรคตา โรคติดเชื้อ

เยื่อบุตา ( Conjunctiva ) คือ เยื่อตาของคนเรา ซึ่งจะมีเนื้อเยื่อที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรค ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อในระบบน้ำเหลือง และเซลล์เม็ดเลือดขาว การที่เยื่อบุตาอักเสบอาจจะเกิดจากภูมิแพ้ หรือ เกิดจากการติดเชื้อโรคบางอย่าง

ภาวะเยื่อบุตาอักเสบ คือ ภาวะการอักเสบของเยื่อบุตา ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อจากสาเหตุต่างๆ ทำให้เกิดความผิดปรกติที่ดวงตา สังเกตุได้จาก ตาเป็นสีแดง รู้สึกคัน หรือ แสบตา ร่างกายสามารถหายเองได้

เนื่องจากดวงตาเป็นอวัยวะที่มีเลือดไปเลี้ยงมาก และ สามารถตอบสนองต่อสารภูมิแพ้ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อดวงตาสัมผัสสิ่งระคายเคือง จึงเป็นโอกาสทำให้ดวงตาเกิดการอักเสบได้ ภาวะเยื่อบุตาอักเสบ ส่วนมากไม่อันตรายต่อร่างกาย ซึ่งร่างกายสามารถซ่อมแซมและรักษาให้หายได้เองภายใน 14 วัน

ชนิดของโรคเยื่อบุตาอักเสบ

สำหรับการแบ่งชนิดของอาการเยื่อบุตาอักเสบ สามารถแบ่งได้ 3 ชนิด คือ Seasonal allergic conjunctivitis , Perrennial allergic conjunctivitis และ Atopic Keratoconjuntivitis รายละเอียดของชนิดการอักเสบของเยื่อบุตา มีดังนี้

  • Perrennial allergic conjunctivitis เป็นการเกิดภูมิแพ้ที่พบไม่มากเท่าชนิดแรก อาการเหมือนชนิดแรกแต่เบากว่า
  • Seasonal allergic conjunctivitis เป็นอาการเยื่อบุตาอักเสบที่พบได้บ่อยที่สุดในสาเหตุที่มาจากภูมิแพ้ โดยอาการสำคัญ คือ มีน้ำตาไหล เคืองตา เกิดกับดวงตาทั้งสองข้าง และมักจะเป็นตามฤดูกาล
  • Atopic Keratoconjuntivitis เป็นอาการเยื่อบุตาอักเสบที่เกิดร่วมกับการเกิดผื่นของผิวหนังที่หนังตาและใบหน้า โดยจะพบว่ามี อาการตาแดง เคืองตา คันตา และมีน้ำตาไหล

สาเหตุของโรคเยื่อตาอักเสบ

สาเหตุของการเกิดโรคเยื่อบุตาอักเสบ สามารถแยกสาเหตุของการเกิดโรคจากปัจจัยที่ทำให้เกิดโรค ซึ่ง มีปัจจัย 2 ลักษณะ คือ การติดเชื้อโรค และ การเกิดภูมิแพ้ รายละเอียด ดังนี้

  1. สาเหตุของเยื่อบุตาอักเสบจากการติดเชื้อโรค ซึ่งมีสาเหตุจากทั้งไวรัสและแบคทีเรีย เชื้อไวรัสที่พบบ่อย คือ เชื้อไวรัส Picornavirus หรือ ไวรัส Adenovirus ส่วน เชื้อแบคทีเรียที่พบ คือ เชื้อแบคทีเรีย Clamydia เป็นเชื้อแบคทีเรียอันตราย จากริดสีดวงตา เป็นสาเหตุให้คนตาบอดจำนวนมาก
  2. เยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ เกิดการได้รับการระคายเคืองดวงตา เช่น อาหารทะเล ฝุ่นละออง ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ เป็นต้น

อาการของเยื่อตาอักเสบ

การแสดงอาการของโรคเยื่อตาอักเสบจะแสดงอาการที่ดวงตา คือ ตาแดงที่ตาขาวหรือเปลือกตาด้านใน มีอาการคันและแสบที่ตา สายตาพล่ามัว เยื่อบุตามีอาการบวม มีน้ำตามากผิดปกติ น้ำตาไหลและตาแฉะ มีเม็ดเล็กๆอยู่ในตา สายตามีความไวต่อแสง ขี้ตาเหลืองติดที่เปลือกตาจำนวนเวลาตื่นนอน และ มีอาการอื่นร่วม เช่น มีไข้ อาการหวัด เป็นต้น ซึ่งลักษณะอาการเยื่อบุตาจะแสดงอาการต่างกันใน 3 ลักษณะ คือ อาการจากการระคายเคืองตา อาการจากการติดเชื้อ และ อาการจากภูมิแพ้ ลักษณะอาการต่างๆ มีดังนี้

  • อาการของเยื่อบุตาอักเสบจากการระคายดวงตา ผู้ป่วยจะมีอาการตาแดง น้ำตาไหลผิดปรกติ
  • อาการของเยื่อบุตาอักเสบจากการติดเชื้อโรค ผู้ป่วยจะแสดงอาการแสบร้อนที่ดวงตา รู้สึกเหมือนมีก้อนกรวดบริเวณดวงตา และ ที่ขนตาจะมีเมือกเหนียวเกาะอยู่
  • อาการของเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้ ผู้ป่วยจะแสดงอาการคันตา มีอาการจามและหายใจไม่ออก ตาแห้ง รู้สึกเจ็บตา เกิดตุ่มไขมันเหมือนสิวขนาดเล็กๆที่เปลือกตาด้านบน

หากพบว่าเกิดอาการใดอาการหนึ่งในข้างต้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงที และป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น

แนวทางการรักษาโรคเยื่อตาอักเสบ

สำหรับแนวทางการรักษาอาการเยื่อบุตาอักเสบ เน้นรักษาที่สาเหตุของการเกิดโรคและให้ร่างกายได้ฟื้นฟูร่างกายเอง แนวทางการปฏิบัติในการรักษาโรคเยื่อบุตาอักเสบ มีดังนี้

  1. หยอดน้ำตาเทียม เพื่อให้ความสบายตา
  2. ทำความสะอาดและรักษาความสะอาดบริเวณใบหน้า
  3. ใส่แว่นกันแดด จะช่วยให้สบายตาขึ้นและป้องกันฝุ่นเข้าตา
  4. ใช้ยาหยอดตา เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรีย
  5. ควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้

การดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยโรคเยื่อบุตาอักเสบ

สำหรับแนวทางการดูแลตัวเองเมื่อป่วยโรคเยื่อบุตาอักเสบ สำหรับผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ ให้หลีกเลี่ยงการเกิดอาการแพ้ของตนเอง หากรู้สึกระคายเคืองตา ให้ใช้น้ำสะอาดล้างตา และ หากมีอาการบวมที่เปลือกตา ให้ใช้การประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม

การป้องกันโรคเยื่อบุตาอักเสบ

สำหรับสาเหตุและปัจจัยของโรคเยื่อบุตาอักเสบ คือ การได้รับการระคายเคืองดวงตา การติดเชื้อ และ อาการภูมิแพ้ แนวทางการป้องกันโรค คือ การลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรค มีรายละเอียด ดังนี้

  • ให้สวมแว่นเพื่อป้องกันการกระทบกระเทือนดวงตา จากสิ่งระคายเคือง และ เชื้อโรคต่างๆ
  • หากรู้ว่าตนเองมีภาวะภูมิแพ้ ให้หลีกเลี่ยงการรับสารก่อภูมิแพ้สู่ร่างกาย
  • หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

เยื่อบุตาอักเสบ อาการตาแดง แสบตา น้ำตาไหลผิดปรกติ และ ระคายเคืองตา เกิดจากการติดเชื้อต่างๆ แนวทางการรักษาใช้การใช้ยาหยอดตาเพื่อฆ่าเชื้อ และ การพักสายตาให้ร่างกายพื้นฟูตัวเอง

หัดญี่ปุ่น คาวาซากิ ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค อาการมีไข้สูง ปากแดง ตาแดง มือเท้าบวมลอก ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต มีผื่นขึ้นตามร่างกาย พบมากในเด็ก สามารถหายได้เองหัดญี่ปุ่น โรคคาวาซากิ โรคเด็ก โรคติดเชื้อ

โรคหัดญี่ปุ่น หรือ โรคคาวาซากิ ภาษาอังกฤษ เรียก Kawasaki disease เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อ และมักจะเกิดกับเด็กอายุไม่เกิน 4 ปี ผู้ป่วยจะมีไข้สูง เกิดการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังและเยื่อบุผิว รวมถึงต่อมน้ำเหลืองที่คอจะโต

สาเหตุของการเกิดโรค

โรคคาวาซากิเกิดจากสาเหตุอะไร โรคนี้ยังไม่สามารถบอกสาเหตุได้อย่างชัดเจน แต่ผู้ป่วยจะมีอาการกระทันหัน ประกอบด้วย มีไข้สูง มีผื่นตามตัว ต่อมน้ำเหลืองโต และตาแดง ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเกี่ยวกับการติดเชื้อโรคบางอย่าง หรือเป็นโรคเกี่ยวกับภูมิต้านทานผิดปกติ

กลุ่มผู้เสี่ยงเกิดโรคคาวาซากิ

สำหรับผู้เสี่ยงเกิดโรคคาวาซากิ จะเป็นเด็กที่อายุไม่เกิน 5 ขวบ เนื่องจากภูมิต้านทานโรคยังไม่แข็งแรง เท่ากับคนที่มีอายุมากกว่า โดย ในคนอายุ 2 ถึง 3 ขวบ มีอัตราการเกิดโรคมากที่สุด และ เพศชายมีอัตรการเกิดโรค มากกว่าเพศหญิง

อาการของผู้ป่วยโรคคาวาซากิ

สำหรับโรคหัดญี่ปุน หรือ โรคคาวาซากิ สามาถสรุปอาการของผู้ป่วยให้เห็ยชัดมากขึ้น มีดังนี้

  1. มีไข้สูง มีไข้นาน 1-4 สับดาห์
  2. มีอาการตาแดง อาการตาแดงจะเกิดหลังจากผู้ป่วยมีไข้สูงประมาณ 1-2 วันและอาการตาแดงจะเป็นประมาณ 1-2 สัปดาห์
  3. ริมฝีปากแดง แห้ง และริมฝีปากแตก หลังจากนั้นบริเวณลิ้นแดง
  4. ฝ่ามือกับฝ่าเท้าจะมีอาการบวม ไม่มีอาการเจ็บ จากนั้นหนังโคนเล็บจะลอก และลามไปถึงฝ่ามือฝ่าเท้า บางรายถึงขั้นเล็บหลุดเลย
  5. เกิดผื่นตามตัว แขนและขา จะเกิดเมื่อมีไข้แล้ว 2-3 วัน รวมถึงมีอาการคันที่ผื่นด้วย
  6. ที่บริเวณคอ จะมีอาการโต เป็นอาการต่อมน้ำเหลืองที่คอโต

การรักษาอาการของโรคคาวาซากิ

สำหรับการรักษาโรคคาวาซากิ นั้นเนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง จึงยังไม่มียาที่สามารถรักษา แต่มีการรักษาด้วยการฉีด อิมมูโนโกลบุลิน ( intravenous immunoglobulin, IVIG ) ซึ่งจะสามารถลดความรุนแรง และป้องกันอาการแทรกซ้อนของโรคที่จะมีต่อหัวใจและหลอดเลือดลงได้

โรคคาวาซากิ ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคแน่ชัด ซึ่งอาการของโรคที่สำคัญ คือ มีไข้สูง ปากแดง ตาแดง มือเท้าบวมลอก ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต และ มีผื่นขึ้นตามร่างกาย โดยโรคนี้สามารถหายได้เอง แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น การอักเสบของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจโป่งพองหรืออุดตัน ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ดังนั้น โรคนี้อันตราย หากบุตรหลานของท่านมีอาการเบื่องต้นตามที่กล่าวมา อย่าชะล่าใจ ควรพาไปพบแพทย์เพื่อให้ได้รับตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง

เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุ จึงยังไม่มียาเฉพาะใช้รักษาโรค แต่การรักษาด้วยอิมมูโนโกลบุลินชนิดฉีด (intravenous immunoglobulin, IVIG) สามารถลดความรุนแรงและอุบัติการโรคแทรกซ้อนที่หัวใจและหลอดเลือดลงได้ เหลือเพียง 5-7% เท่านั้น การรักษาแบ่งเป็น 2 ระยะ

  • การรักษาในช่วงเฉียบพลัน ให้การรักษาโดยให้ ้ IVIG ขนาด 2 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก. ร่วมกับรับประทานยาแอสไพริน (aspirin) ขนาด 80-120 มก./กก./วัน
  • การรักษาในช่วงไม่เฉียบพลันและต่อเนื่อง ให้ aspirin ขนาด 3-5 มก./น้ำหนักตัว 1 กก./วัน  รับประทานหลังไข้ลดลงนานประมาณ 2 เดือน  ถ้าผู้ป่วยมีเส้นเลือดโป่งพอง จะต้องให้ติดต่อไปนานจนกว่าเส้นเลือดโป่งพองจะกลับเป็นปกติ บางรายต้องได้รับยานานหลายปี

ในรายที่มีเส้นเลือดโป่งพองขนาดใหญ่มาก เช่น ใหญ่กว่า 8 มม. อาจมีก้อนเลือดอยู่ภายใน หรือสงสัยว่าจะมีลิ่มเลือดอยู่ภายใน จะต้องให้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยากันเลือดแข็งตัวร่วมด้วยกิน aspirin โดยให้จนกว่าจะหายหรือขนาดของเส้นเลือดโป่งพองลดลงอยู่ในขนาดที่ปลอดภัยจึงหยุดยากันเลือดแข็งตัว

การป้องกันโรคคาวาซากิ

  • ดูแลร่างกายให้แข็งแรง
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ รวมถึงสารอาหารน้ำด้วย และให้ออกกำลังกายตามอายุ พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนทางระบบหัวใจและหลอดเลือด ส่วนใหญ่ก็ยังใช้ชีวิตได้เกือบปกติ เพียงแต่ต้องได้รับยาบางอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องมีข้อปฏิบัติ หรือข้อระมัดระวังเพิ่มเติม ตลอดจนการปรับระยะเวลาการให้วัคซีนให้เหมาะสมบ้างในแต่ละรายเท่านั้น อย่างไรก็ตามภาวะแทรกซ้อนทางระบบหัวใจและหลอดเลือดเหล่านี้ไม่แสดงอาการให้เห็นจนกว่าจะรุนแรงมากแล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพบกุมารแพทย์โรคหัวใจเป็นระยะๆตามนัดอย่างต่อเนื่อง
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

สมุนไพรช่วยลดไข้

ซึ่งโรคคาวาซากิ ผู้ป่วยจะมีไข้สูง การใช้สมุนไพรช่วยลดไข้ ป้องกันการช็อคของผู้ป่วยได้ดี สมุนไพรช่วยลดไข้ประกอบด้วย

รางจืด สมุนไพร สมุนไพรไทย ไม้ยืนต้นรางจืด
มะระ สมุนไพร พืชรสขม ประโยชน์ของมะระ
มะระ
โสน สะโหน สมุนไพร ดอกโสน
โสน
แตงกวา สมุนไพร พืชสวนครัว ประโยชน์ของแตงกวา
แตงกวา
ต้นมะลิ ดอกมะลิ สมุนไพร สมุนไพรไทย
ต้นมะลิ
กระเทียม สมุนไพร สมุนไพรไทย เครื่องเทศ
กระเทียม
ลูกยอ ต้นยอ สมุนไพร สมุนไพรไทย
ยอ
สับปะรด สมุนไพร ผลไม้ ประโยชน์ของสับปะรด
สับปะรด
พริกไทย สมุนไพร สมุนไพรไทย ผักสวนครัว
พริกไทย
ผักโขม สมุนไพร ผักสวนครัว ประโยชน์ของผักโขม
ผักโขม
กระเจี๊ยบ สมุนไพร สรรพคุณของกระเจี๊ยบ ประโยชน์ของกระเจี๊ยบ
กระเจี๊ยบ
กระทือ สมุนไพร ประโยชน์ของกระทือ สรรพคุณของกระทือ
กระทือ

โรคหัดญี่ปุ่น โรคคาวาซากิ ยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรค อาการมีไข้สูง ปากแดง ตาแดง มือเท้าบวมลอก ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต และ มีผื่นขึ้นตามร่างกาย พบมากในเด็ก แนวทางการรักษาอย่างไร โรคนี้สามารถหายได้เอง ต้องระวังภาวะแทรกซ้อนต่างๆ


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove