ผักกระเฉด Water mimosa ผักพื้นบ้าน นิยมกินเป็นอาหาร สรรพคุณของผักกระเฉด บำรุงกระดูกและฟัน บำรุงสายตา ทำความรู้จักกับผักกระเฉดด้านสมุนไพรและการรักษาโรค

ผักกระเฉด ผัก สมุนไพร สรรพคุณของกระเฉด

ผักกระเฉด ภาษาอังกฤษ เรียก Water mimosa ชื่อวิทยาศาสตร์ของกระเฉด คือ Neptumia oleracea Lour. FL. สำหรับชื่อเรียกอื่นๆของผักกระเฉด เช่น ผักหละหนอง ผักหนอง ผักรู้นอน ผัดฉีด ผักกระเสด เป็นต้น ต้นกระเฉด เป็นน้ำพืชผัก เจริญเติมโตได้ในน้ำ มีรากแตกเป็นกระจุกตามข้อ ปล้องแก่มีนวมเหมือนฟองน้ำ เรียกว่า “ นมกระเฉด ” หุ้มอยู่ตามปล้องกระเฉด ซึ่งนมกระเฉดมีคุณสมบัติทำให้ต้นลอยน้ำ นิยมนำมาทำอาหารรับประทาน กระเฉด เป็นพืชคลุมดินตระกูลเดียวกันกับผักบุ้ง พืชพื้นเมืองของไทย

ผักกระเฉดในประเทศไทย

ผักกระเฉด จัดเป็นพืชเศรษฐกิจ สามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วในในประเทศไทย อาหารไทยมีการนำเอาผักกระเฉดมาปรุงอาหารหลายชนิด เช่น ยำผักกระเฉด แกงส้ม ผัดผักกระเฉด ซึ่งพื้นที่สำหรับปลูกผักกระเฉดมากที่สุดของประเทศไทย คือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีเนื้อที่ประมาณ 1,500 ไร่  และ เนื้อที่ปลูกผักกระเฉดทั้งจังหวัดสมุทรปราการมี 2,500 ไร่

ลักษณะของต้นกระเฉด

กระเฉด เป็นพืชล้มลุกตระกูลเดียวกับผักบุ้ง สามารถเจริญเติบโตได้ดีในน้ำ สามารถขยายพันธ์โดยการแยกหน่อ ลักษณะของต้นกระเฉด มีดังนี้

  • รากผักกระเฉดเป็นรากฝอย แทงออกตามข้อจำนวนมาก โคนรากมีปมของเชื้อแบคทีเรียไรโซเบียมเหมือนรากของพืชตระกูลถั่วบนบก
  • ลำต้นผักกระเฉด ลักษณะกลม และเรียวยาว เป็นปล้อง ภายในตัน ไม่เป็นรูกลวง แต่ละปล้องมีนวมหุ้มสีขาว ที่เรียกว่า “นม” โดยหุ้มปล้องเว้นช่วงที่เป็นข้อของปล้อง นมสีขาวนี้ทำหน้าที่ช่วยพยุงลำต้นผักกระเฉดให้ลอยน้ำได้
  • ใบผักกระเฉด เป็นใบประกอบ แทงออกบริเวณข้อของลำต้น มีก้านใบหลัก ใบเป็นรูปไข่ ขนาดเล็ก ใบอ่อนมีสีเขียวอมม่วง หลังจากนั้นค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเขียวสด
  • ดอกผักกระเฉด ออกเป็นช่อ สีเหลือง คล้ายดอกกระถิน
  • ผลของผักกระเฉด ผลเป็นฝักขนาดเล็ก ลักษณะแบนยาว ฝักยาวประมาณ 2.5 ซม. ภายในฝักมีเมล็ด 4-10 เมล็ด

คุณค่าทางโภชนาการของผักกระเฉด

สำหรับการรับประทานผักกระเฉดเป็นอาหาร นิยมรับประทานลำต้นและใบ ซึ่งนักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของผักกระเฉด ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 29 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย โปรตีน 6.4 กรัม ไขมัน 0.4 กรัม แคลเซียม 387 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 7.0 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 5.3 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 3,710 ไมโครกรัม ไทอะมีน 0.12 มิลลิกรัม ไรโบฟลาวิน 0.14 มิลลิกรัม วิตามินบี1 0.12 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.14 มิลลิกรัม ไนอะซีน 3.2 มิลลิกรัม วิตามินซี 22 มิลลิกรัม กากใยอาหาร 1.8 กรัม

ผักกระเฉดมี มีวิตามินซีสูงมาก มีแคลเซียม และธาตุเหล็ก ช่วยบำรุงสายตา ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มร่างกายกันทำงานปรกติ ช่วยบำรุงระบบสืบพันธ์ บำรุงกระดูกและฟัน ป้องกันภาวะกระดูกพรุน ทำให้กล้ามเนื้อทำงานปรกติ บำรุงเลือด

สรรพคุณของผักกระเฉด

สำหรับการใช้ประโยชน์จากผักกระเฉดด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค ใช้ประโยชน์จากทั้งต้นของผักกระเฉด สรรพคุณของผักกระเฉด มีดังนี้

  • ช่วยบำรุงและรักษาสายตาได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ช่วยทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างเป็นปกติ
  • ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
  • ช่วยเสริมสร้างกระบวนการเผาผลาญสารอาหารให้สร้างเป็นพลังงานให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยขับถ่าย ป้องกันโรคท้องผูก
  • ช่วยบำรุงร่างกายและดับพิษ
  • ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ
  • เป็นยาเย็น ช่วยดับพิษร้อน
  • ช่วยลดไข้ ช่วยแก้พิษไข้
  • บรรเทาอาการปวดฟัน
  • ช่วยขับเสมหะ
  • ช่วยขับลมในกระเพาะ
  • ช่วยรักษาโรคกามโรค
  • ช่วยแก้อาการปวดแสบปวดร้อน
  • ช่วยถอนพิษยาเบื่อยาเมา

โทษของผักกระเฉด

สำหรับการรับประทานผักกระเฉด มีคำแนะนำในการรับประทานผักกระเฉด ดังนี้

  • การนำผักกระเฉดมาทำอาหาร ควรทำให้สุกก่อน เพื่อ ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อพยาธิ
  • ผักกระเฉดก่อนนำมาทำอาหาร ให้ล้างให้สะอาด เพื่อป้องกันพยาธิ และ ยาฆ่าแมลง

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร (แบ่งตามสรรพคุณรักษาโรคของสมุนไพร) โรค (แบ่งต่ามอาการป่วยของอวัยวะต่างๆ) แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลการดูแลตัวเองเบื้องต้น ข้อมูลดีๆในเว็ยไซต์แห่งนี้เนื้อหามีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา

สะเดา Siamese neem tree พืชพื้นบ้าน สมุนไพร สรรพคุณช่วยดูแลช่องปาก ถ่ายพยาธิ รักษาโรคผิวหนัง ลดความดันโลหิต ลดไข้ ไล่แมลง ช่วยเจริญอาหาร โทษของสะเดาเป็นอย่างไร

สะเดา พืชพื้นบ้าน สรรพคุณสะเดา

ต้นสะเดา ภาษาอังกฤษ เรียก Siamese neem tree. ชื่อวิทยาศาสตร์ของสะเดา คือ Azadirachta indica A. Juss. Var. siamensis Veleton. สำหรับชื่อเรียกอื่นๆของสะเดา เช่น สะเลียม กะเดา จะตัง สะเดาบ้าน เดา กระเดา จะดัง จะตัง ผักสะเลม ลำต๋าว สะเรียม ตะหม่าเหมาะ ควินิน สะเดาอินเดีย ไม้เดา เป็นต้น สะเดาเป็นพืชท้องถิ่นในแถบประเทศพม่าและอินเดีย พบมากในป่าแล้งแถบประเทศปากีสถาน ศรีลังกา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และไทย

ต้นสะเดาในประเทศไทย

คนไทยเชื่อว่าต้นสะเดาเป็นไม้มงคล เชื่อกันว่าหากปลูกสะเดาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้านจะช่วยป้องกันโรคร้ายต่างๆ กิ่งและใบของสะเดาช่วยป้องกันภูตผีปีศาจได้ ต้นสะเดาเป็นพันธุ์ไม้ประจำจังหวัดอุทัยธานี

สารสกัดสะเดาจากเมล็ดและใบ สามารถใช้ป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด เช่น ด้วงเต๋า ตั๊กแตน เพลี้ยกระโดดสีเขียว เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจั๊กจั่นสีเขียว มอดข้าวโพดผีเสื้อกิน มอดแป้ง แมลงหวี่ขาวยาสูบ แมลงวันผลไม้ ใบส้ม หนอนกอ หนอนกอสีครีม หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนใยกะหล่ำ หนอนใยผัก เป็นต้น สารสกัดจากสะเดาชื่อ อาซาดิเรซติน ( Azadirachtin ) ใช้เป็นส่วนผสมทำยาฆ่าแมลง ฉีดในสวนผักผลไม้ได้โดยไม่มีสารพิษตกค้าง ไม่เป็นอันตราย และไม่ทำลายศัตรูธรรมชาติ

ชนิดของสะเดา

สะเดาในประเทศไทยมี 3 ชนิดหลักๆ คือ สะเดาไทย(สะเดาบ้าน) สะเดาอินเดีย และ สะเดาช้าง ซึ่งรายละเอียด ดังนี้

  • สะเดาไทย หรือ สะเดาบ้าน มี 2 ชนิด คือ ชนิดขม และ ชนิดมัน ลักษณะของใบสะเดาชนิดนี้จะหยักเป็นฟันเลื่อย ปลายของฟันเลื่อยทู่ โคนใบเบี้ยวแต่กว้างกว่า ปลายใบแหลม
  • สะเดาอินเดีย ลักษณะของสะเดาชนิดนี้ ขอบใบเป็นหยักคล้ายฟันเลื่อย ปลายของฟันเลื่อยแหลม ปลายใบมีลักษณะแหลมเรียวแคบมาก ส่วนโคนใบเบี้ยว
  • สะเดาช้าง หรือ สะเดาเทียม สะเดาชนิดนี้ลักษณะขอบใบจะเรียบ ปลายใบเป็นติ่งแหลม ขนาดของใบใหญ่ และผลใหญ่

ลักษณะของต้นสะเดา

ต้นสะเดา เป็นไม้ยืนต้น ความสูงประมาณ 7 เมตร เนื้อไม้ มีสีแดงเข้มปนน้ำตาล เสี้ยนค่อนข้างสับสนเป็นริ้วๆ แคบ เนื้อหยาบเป็นมัน เลื่อม แข็งทนทาน แกนมีสีน้ำตาลแดง ลักษณะของต้นสะเดา มีดังนี้

  • ลำต้นสะเดา เป็นพันธุ์ไม้ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ เรือนยอดเป็นพุ่มหนาทึบตลอดปี เปลือกไม้ค่อนข้างหนาแตกเป็นร่องตื้นๆ หรือเป็นสะเก็ดยาวๆ เยื้องสลับกัน สีน้ำตาลเทา เปลือกของกิ่งค่อนข้างเรียบ
  • ใบสะเดา ลักษณะใบ ขอบใบจะหยักเล็กน้อย สีเขียวเข้ม
  • ดอกสะเดา ลักษณะดอก ออกดอกเป็นช่อตามง่ามใบ ดอกมีขนาดเล็กสีขาว กลิ่นหอมอ่อนๆ
  • ผลและเมล็ดสะเดา ลักษณะคล้ายผลองุ่น ผลสุกสีเหลืองอมเขียว ลักษณะกลมรี รสหวานเล็กน้อย เมล็ดมีผิวค่อนข้างเรียบ ลักษณะกลมรี

การปลูกสะเดา สามารถปลูกได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และก่อนปลูกควรไถพรวนแปลงอีกรอบ และตากดินนาน 3-5 วัน วิธีการปลูก เตรียมต้นกล้าสำหรับปลูกที่มีอายุ 3-5 เดือน และมีความสูงประมาณ 20 เซ็นติเมตร จากนั้นนำลงแปลงปลูก ขุดหลุมในระยะระหว่างหลุมประมาณ 3 เมตร ควรให้ขนานกับแนวของดวงอาทิตย์ในทิศตะวันออก-ตะวันตก เพื่อให้ต้นสะเดาสามารถรับแสงได้อย่างทั่วถึง

คุณค่าทางโภชนาการของสะเดา

สำหรับการรับประทานสะเดาเป็นอาหาร นิยมรับประทานยอดสะเดาเป็นอาหาร ซึ่งนักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางอาหารของยอดสะเดา ขนาด 100 กรัม ให้พลังงานมากถึง 76 กิโลแคลอรี มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย น้ำ 77.9 กรัม แคลเซี่ยม 354 มิลลิกรัม โปรตีน 5.4 กรัม ฟอสฟอรัส 26 มิลลิกรัม คาร์โบไฮเดรต 12.5 กรัม ไขมัน 0.5 กรัม กากใยอาหาร 2.2 กรัม ธาตุเหล็ก 4.6 มิลลิกรัม วิตามินซี 194 มิลลิกรัม วิตามินบีหนึ่ง 0.06 มิลลิกรัม เบต้า-แคโรทีน 3611 ไมโครกรัม วิตามินบีสอง 0.07 มิลลิกรัม

นอกจากนี้ในสะเดาพบว่ามีสารสำคัญที่มีประโยชน์ เช่น ใบสะเดามี quercetin และสารพวก limonoid ได้แก่ nimbolide และ nimbic acid ในเมล็ดสะเดามี Azadirachtin ประมาณ 0.4-1% ในเปลือกต้นสะเดามีสาร nimbin และ desacetylnimbin

สรรพคุณทางสมุนไพรของสะเดา

สำหรับการใช้ประโยชน์จากสะเดา ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้ เช่น ยอดอ่อน ขนอ่อน เปลือกต้น ก้ายใบ กระพี้ ยาง แก่น ราก ใบ ผล เมล็ด ซึ่งรายละเอียดสรรพคุณของสะเดา มีดังนี้

  • ดอกสะเดาและยอดอ่อนสะเดา สามารถใช้ แก้พิษโลหิต หยุดเลือดกำเดา รักษาริดสีดวงในลำคอ บำรุงธาตุ ช่วยขับลม
  • ขนอ่อนสะเดา สามารถใช้ถ่ายพยาธิ แก้ริดสีดวง แก้ปัสสาวะพิการ
  • เปลือกต้นสะเดา ใช้ลดไข้ ช่วยเจริญอาหาร แก้ท้องเดิน
  • ก้านใบสะเดา สามารถใช้ลดไข้ นำมาทำเป็นยารักษาโรคมาลาเรีย
  • กระพี้ สามารถใช้รักษาถุงน้ำดีอักเสบ
  • ยางของต้นสะเดา ใช้ในการดับพิษร้อน
  • แก่นสะเดา รักษาอาการแก้อาเจียน ช่วยขับเสมหะ
  • รากสะเดา สามารถนำมาใช้รักษาโรคผิวหนัง ขับเสมหะ
  • ใบสะเดา และผลสะเดา สามารถใช้ทำเป็นยาฆ่าแมลง และบำรุงธาตุ
  • ผลของสะเดา จะมีรสขม นิยมนำมาใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ เป็นยาระบาย รักษาโรคหัวใจเดินผิดปกติ
  • เปลือกของรากสะเดา จะมีรสฝาด ใช้ลดไข้ ทำให้อาเจียน และใช่รักษาโรคผิวหนัง
  • เมล็ดสะเดา สามารถนำมาสกัดน้ำมัน และสามารถใช้รักษาโรคผิวหนัง และทำเป็นยาฆ่าแมลง

โทษของสะเดา

สำหรับการใช้ประโยชน์ขากสะเดา มีข้อควรระวัง ดังนี้

  1. ห้ามบริโภคสะเดาในคนที่มีความดันต่ำ เนื่องจากสะเดามีฤทธ์ให้ความดันโลหิตต่ำลง
  2. สะเดา เป็น ยาเย็น มีรสขมอาจทำให้ท้องอืด เกิดลมในกระเพาะได้
  3. สำหรับหญิงที่กำลังตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร การรับประทานสะเดาอาจทำให้เกิดการแท้งบุตรและทำให้ไม่มีน้ำนมได้
  4. สะเดาอาจเป็นอันตรายต่ออสุจิ รวมถึงลดโอกาสในการมีบุตรในทางอื่น ๆ ผู้ที่ต้องการมีบุตรจึงควรหลีกเลี่ยง

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร (แบ่งตามสรรพคุณรักษาโรคของสมุนไพร) โรค (แบ่งต่ามอาการป่วยของอวัยวะต่างๆ) แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลการดูแลตัวเองเบื้องต้น ข้อมูลดีๆในเว็ยไซต์แห่งนี้เนื้อหามีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove