โรคพิษสุนัขบ้า ( hydrophobia ) ติดเชื้อไวรัสเรบีส์จากหมากัด ส่งผลต่อสมอง อาการมีไข้ เป็นเหน็บ การเคลื่อนไหวรุนแรง ควบคุมไม่ได้ กลัวน้ำ ขยับร่างกายบางส่วนไม่ได้

โรคพิษสุนัขบ้า โรคกลัวน้ำ โรคติดต่อ โรคติดเชื้อ

ภาษาทางการแพทย์ เรียก โรคพิษสุนัขบ้า ว่า  hydrophobia เป็นโรคที่คนไทยรู้จักกันในโรคกลัวน้ำ เป็น โรคติตเชื้อที่มาจากสัตว์  ซึ่งอาการรุนแรง กระทบกับระบบประสาทและสมอง ซึ่งเชื้อโรค ที่ทำให้เกิดโรคคือ เชื้อไวรัส ทำให้สมองอักเสบฉับพลัน หากมีอาการ มีไข้ เป็นเหน็บ การเคลื่อนไหวรุนแรง ตื่นเต้นควบคุมไม่ได้ กลัวน้ำ ขยับร่างกายบางส่วนไม่ได้ กลัวน้ำ เป็นอาการเบื้องตนของโรคพิษสุนัขบ้า

โรคติดเชื้อจากสุนัข โรคพิษสุนัขบ้า นี้มีคนเสียชีวิตปีละ 50,000 คน และเสียชีวิตจากการโดนสุนัขที่มีเชื้อโรคถึงร้อยละ 95 พบว่าทวีปเอเชียและแอฟริกา มีอัตราการการเกิดโรคสูงสุด โรคพิษสุนัขบ้า จัดว่าเป็นโรคติดต่อร้ายแรง เกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์  (Rabies) เป็นเชื้อไวรัสที่เกิดขึ้นในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนท โดยไวรัสชนดนี้จะทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เสียชีวิต

สาเหตุของการเกิดโรคพิษสุนัขบ้า

เกิดจากเชื้อไวรัสเรบีส์ ที่อยู่ในน้ำลายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ทำให้เกิดอาการอักเสบ ซึ่งไวรัสนี้จะพบมากในสุนัขค้างคาว และหนู เชื้อไวรัสเรบีส์เข้าสู่ร่างกาย จะทำให้เกิดอาการอักเสบที่ผิวหนัง นอกจากเชื้อโรคสามารถเข้าสู่ร่างกายทางผิวหนังแล้ว ทางการหายใจก็สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ เช่น การเข้าไปในถ้ำที่มีค้างคาว จำเป็นต้องมีการป้องกัน หลังจากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เชื้อโรคจะทำลายระบบประสาท และเสียชีวิตในที่สุด

สัตว์ที่เป็นพาหะนำโรค คือ หมา และแมว เรามีวิธีในการสังเกตุสัตว์ที่มีโอกาสติดเชื้อพิษสุนัขบ้า ได้ 2 ลัษณะ คือ สัตว์มีอาการดุร้าย และสัตว์มีอาการซึมเศร้า ซึ่งลักษณะอาการมีรายละเอียด ดังนี้

  • ลักษณะสัตว์มีอาการดุร้าย สำหรับสัตว์ที่ติดเชื้อพิษสุนัขบ้า นั้น ในระยะแรก สังเกตุจากสัตว์มีพฤติกรรมผิดปรกติ เช่น สัตว์ไม่มีอาการดุร้ายเข้ากับคนได้ แต่อยู่ดีๆก็แยกตัวออกจากคน และมีอาการหวุดหงิด จากนั้น สุนัขจะหลบตัวอยู่ในที่มืด ไม่ตอบสนองต่อเสียง และสิ่งแวดล้อม สุนัขจะมีอาการกระวนกระวาย ไล่งับแมลง หรือทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้า เช่น ดิน ก้อนหิน กิ่งไม้ จากนั้นเริ่มวิ่งพล่าน และดุร้าย ไล่กัดคน และทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้า สุนัขจะเริ่มหอนผิดปกติ ลิ้นห้อย น้ำลายไหลยืด จากนั้นสุนัขจะอ่อนแรง ตัวแข็ง และตายในที่สุด สุนัขที่ล้มแล้วลุกขึ้นไม่ได้ จะตายภายใน 3 วัน
  • ลักษณะของสัตว์ที่มีอาการซึมเศร้า สำหรับสัตว์ที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้าและอาการซึมเศร้า สังเกตุยาก โดยเริ่มจากเหมือนมีอาการเป็นหวัด มีไข้ ซึม นอนซม ไม่กินอาหาร ชอบหลบตัวในที่มืดๆ  สัตว์จะไม่มีอาการดุร้ายให้เห็นแต่จะกัดหากถูกรบกวน สุนัขจมีอาการเหมือนก้างติดคอ ไอ ใช้ขาตะกุยคอ หลังจากนั้นสุนัขจะเป็นอัมพาต และจะภายใน 10 วัน

สำหรับสุนัขที่มีโอกาสติดเชื้อพิษสุนัขบ้านั้น ส่วนมากจะพบมากในสุนัขอายุน้อย เพศเมีย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความแข้งแรงน้อยจึงทำให้ไม่สามารถทนต่อการติดเชื้อได้

การแพร่เชื้อพิษสุนัขบ้าสู่คน

สำหรับการแพร่เชื้อสู่คนนั้น เราสามารถสรุปได้ 2 ลักษณะ คือ การโดนกับ หรือ สัมผัสเชื้อโรคจากการเลีย ซึ่งทั้ง 2 ลักษณ คือ การสัมผัสน้ำลายของสัตว์ เข้าสู่ร่างกาย เราได้สรุปมาให้ดังนี้

  1. การถูกสุตว์ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ากัด เป็นการสัมผัสเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง
  2. การถูกสัตว์ที่มีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าเลีย ซึ่งหากโดยเลียในส่วนของร่างกายที่อ่อนแอ เช่น มีแผลอยู่ ก็สามารถทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้

อาการของผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้า

สำหรับอาการของผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้า นั้นเราสามารถแบ่งลักษณะอาการได้ 3 ระยะ คือ ระยะนำโรค ระยะเริ่มมีอาการทางระบบประสาท และระยะสุดท้าย คือ ระยะไม่รู้สึกตัว รายละเอียดของระยะต่างๆ ของโรคพิษสุนัขบ้ามีดังนี้

  • ระยะแรก คือ ระยะนำของโรค ภาษาอังกฤษ เรียก Prodrome เป็นระยะที่มีอาการหลายอย่างไม่เฉพาะเจาะจงหากไม่ทราบว่าโดนสุนัขกัดจะวินิจฉัยยาก โดยลักษณะผู้ป่วยจะมีอาการต่าง ดังนี้ มีไข้ต่ำแต่ไม่สูง ประมาณ 38 องศาเซลเซียส แต่มีอาการหนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ เจ็บคอ คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร ปวดท้อง กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ และอารมณ์ไม่ปรกติ มีอาการปวด ที่แผล รวมถึง คันและชา ปวดแสบปวดร้อน และลามไปทั่วทั้งแขนและขา
  • ระยะที่สอง คือ เริ่มแสดงอาการทางระบบประสาท ภาษาอังกฤษ เรียก Acute neurologic หลังจากมีอาการในระยะที่หนึ่ง ไม่เกิน 10 วัน ลักษณะอาการทางระบบประสาทจะมี 3 อาการ คือ คุ้มคลั้ง อัมพาต และอาการแบบไม่เหมือนต้นแบบ รายละเอียดของอาการในระยะนี้มีดังนี้
    • ลักษณะอาการคลุ้มคลั่ง (Furious rabies) อาการนี้พบมากร้อยละ 80 ของผุ้ป่วยจะมีอาการคลุ้มคลั่ง ในระยะแรก จะมีไข้ เห็นภาพหลอน ไม่ชอบแสงและเสียง จากนั้นจะเริ่มไม่เป้นตัวของตัวเอง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จะอาละวาด ผู้ป่วยจะมีอาการกลัวน้ำ กลัวลม ทั้งสองอาการกลัวน้ำและกลัวลมจะพบในผุ้ป่วยทุกราย เมื่อระบบประสาทเริ่มผิดปรกติ จะมีอาการน้ำลายไหล น้ำตาไหล เหงื่อออกมาก ขนลุก อวัยวะเพศแข็งตัว และหลั่งน้ำอสุจิบ่อย โดยไม่ตั้งใจ หลังจากนั้นจะซึมฌสณ็ษ หมดสติ และเสียชีวิตภายใน 7 วัน
    • ลักษณะอาการอัมพาต(Paralytic rabies) อาการลักษณะนี้พบได้เพียงร้อยละ 20 ของผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้า ผู้ป่วยจะมีไข้ และกล้ามเนื้อแขนและขาอ่อนแรง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ การกลัวน้ำ และกลัวลม ผู้ป่วยที่มีอาการลักษณะนี้พบว่าจะเสียชีวิตใน 2 สัปดาห์
    • ลักษณะแสดงอาการไม่ตรงต้นแบบ (Non-classic) เป็นลักษณะอาการไม่เหมือนโรคพิษสุนัขบ้า เช่น มีอาการปวดประสาท กล้ามเนื้ออ่อนแรง ต่อมาเป้นอัมพาตครึ่งซีก มีอาการชัก การเคลื่อนไหวผิดปกติ แต่ไม่พบว่ามีอาการกลัวน้ำ และกลัวลม
  • ระยะสุดท้าย (Coma) เป็นระยะผุ้ป่วยไม่รู้สึกตัว ผู้ป่วยทุกรายเมื่อแสดงอาการในระยะสุดท้ายจะไม่รู้สึกตัว มีอาการหมดสติ และเสียชีวิตด้วยระบบการหายใจและระบบการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว

การรักษาผู้ป่วยโรคพิษสุนัขบ้า

ปัจจุบันไม่มีวิธีรักษาโรคพิษสุนัขให้หายขาด การรักษาสามารภทำด้เพียงการรักษาตามอาการ และควรนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

  • สำรับผู้ป่วยที่โดนสัตว์กัด ให้รีบพบแพทย์ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสพิษสันัขบ้า โดยต้องฉีด 5 ครั้งในเวลา 30 วัน
  • สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการของโรคชัดเจน การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยานอนหลับเพื่อลดการคลุ้มคลั่ง ให้ยาแก้ชัก และให้สารอาหารทางเส้นเลือด เนื่องจากผุ้ป่วยกินอาหารเองไม่ได้ และติดตามดูอาการไปจนกว่าผู้ป่วยจะเสียชีวิต
  • สำหรับผู้ป่วยที่แสดงอาการแต่ไม่ชัดเจน อาจต้องเจาะหลัง เพื่อตรวจหาเชื้อพิษสุนัขบ้า ถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เป็นต้น

ข้อควรปฏิบัติหากถูกสุนัขกัด

หากเราถูกสุนัขและสัตว์ที่เราสงสัยว่ามีเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ากัด มีข้อควรปฏิบัต ดังนี้

  1. ให้ล้างแผลทันที ล้างด้วยฟองสบู่และน้ำสะอาด ล้างด้วยแอลกอฮอล์ และทายาที่แผลด้วยน้ำยาเบตาดีน แล้วรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที
  2. นำสุนัขไปตรวจโรคพิษสุนัขบ้า ในบางรายแนะนำให้ขังสุนัขเพื่อดูอาการผิดปรกติ แต่อาจจะสายเกินไป เอาไปตรวจเลย จะได้รักษาทัน
  3. ให้รีบไปฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า

หากท่านโดนสุนัขกัด หรือพบเห้นว่ามีสุนัขไล่กัดคน สิ่งที่ต้องทำ คือ แจ้งหน่วยงานในพื้นที่ทราบ ประสานกรมปศุสัตว์ในพื้นที่ เพื่อควบคุมการเกิดโรคพิษสันัขบ้า นำสัตว์ไปตรวจโดย ส่งห้องปฏิบัติการ ให้กักขังสัตว์ไว้ในที่ปลอดภัย และเฝ้าดูอาการ ไม่ควรฆ่าสัตว์โดยไม่จำเป็น แต่หากเป็นสัตว์ใหญ่ อย่าง วัว ควาย ต้องตัดหัว ใส่ถุงพลาสติกแช่น้ำแข็ง นำส่งห้องปฏิบัติการนำไปตรวจ

ซึ่งต้องทำอย่างระมัดระวัง หากทำม่ดีจะทำให้การตรวจสอบยาก ล้างมือให้สะอาดหลังจากเก็บซาก

การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า

สำหรับการป้องกันการเกิดโรคพิษสุนัขบ้า คือ อย่าให้ถูกสัตว์กัด และการฉีดยาเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรค ในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคพิษสุนัขบ้า แต่สามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคได้ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแบบล่วงหน้า นั้นต้องฉีด 3 เข็ม ในระยะเวลา 30 วัน โดยบุคคลที่ควรฉีด คือ คนที่ต้องคลุกคลีกกับสัตว์อย่างหมาและแมว ส่วนของการฉีดวัคซีนป้องการเชื้อพิษสุนัขบ้าหลังจากโดนกัดนั้น ใช้วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า ชนิดที่ทำจากเซลล์เพาะเลี้ยง เนื่องจากประสิทธิภาพสูง ฉีดจำนวน 5 ครั้ง เพื่อป้องกันอาการแพ้ต่อระบบประสาท

สำหรับการฉีดยาวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้านั้น มี 2 แบบ คือ แบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และแบบฉีดเข้าชั้นผิวหนัง

โรคพิษสุนัขบ้า ( hydrophobia ) การติดเชื้อไวรัสเรบีส์ จากโดนหมากัด โรคสมอง อาการมีไข้ เป็นเหน็บ การเคลื่อนไหวรุนแรง ตื่นเต้นควบคุมไม่ได้ กลัวน้ำ ขยับร่างกายบางส่วนไม่ได้ อาการเบื้องตนของโรคพิษสุนัขบ้า โรคกลัวน้ำ โรคติดต่อ กระทบต่อระบบประสาทและสมอง

อัมพาต ภาวะสมองขาดเลือด ( Ischemic Stroke ) ส่งผลต่อประสาทควบคุมร่างกาย ทำให้แขนขาอ่อนแรง เกิดจากหลอดเลือดสมองอุดตันหรือแตก เป็นภาวะฉุกเฉินทำให้เสียชีวิตได้โรคซีวีเอ โรคอัมพาต ภาวะสมองขาดเลือด โรคสมองขาดเลือด

โรคอัมพาต เกิดจากภาวะสมองขาดเลือด ส่งผลให้ระบบประสาทควาบคุมร่างกายไม่สามารทำงานได้ แขน ขา อ่อนแรง ไม่สามารถขยับได้ ผู้ป่วยที่เกิดภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว ร้อยละ 20 สามารถหายได้ภายใน 90 วัน หากสามารถหาสาเหตุของปัญหาทัน ในกรณีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ส่วนใหญ่จะไม่เสียชีวิต แต่จะอยู่ในภาวะซึมเศร้าและตรอบใจตาย

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคอัมพาต

การเกิดโรคสมองขาดเลือด ปัจจัยทั้งหมดเกิดจากปัจจัยการดำรงชิวิตที่ไม่ถูกวิธีเป็นส่วนใหญ่ ทั้งการกิน และความเครียด ปัจจัยเสี่ยงมีดังนี้

  • เกิดจากโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากแรงดันโลหิตสูง ทำให้ผนังหลอดเลือดเปราะ ทำให้หลอดเลือดสมองแตก ทำให้สมองขาดเลือด
  • เกิดจากโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคเบาหวานจะทำให้เลือดสูบฉีดมาก ทำให้แรงดันเลือดสูง เป็นโรคที่อยู่คู่กับโรคความดันโลหิตสูง
  • เกิดโรคอ้วน การมีน้ำหนักตัวมาก ทำให้เกิดการสะสมไขมันส่วนเกินในเลือดสูง เมื่อไขมันไปเกาะที่ผนังหลอดเลือดทำให้แรงดันเลือดสูงขึ้น และอาจทำให้แตกได้
  • การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากสิ่งนี้ทำให้ผนังหลอดเลือดบาง ทำให้หลอดเลือดเปราะและแตกง่าย
  • การไม่ออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ระบบภายในร่างกายไม่แข็งแรง
  • การอยู่ในภาวะเครียด ไม่ผ่อนคลาย ทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • ปัจจัยเกี่ยวกับอายุ เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็เสื่อมสภาพตามการใช้งาน ซึ่งพบว่าคนอายุ 45 ปีขึ้นไป มีโอกาสเสี่ยงสูงมากที่สุด
  • การเกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบต่อเส้นเลือด และแรงดันเลือด
  • กรรมพันธ์ พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ คนในครอบครัวมีโอกาสเกิดโรคนี้สูงกว่าปรกติ

ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มีอัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคนี้มากกว่าปรกติ จากภาวะสภาพสังคมที่เครียดและการแข่งขันสูง

สำหรับการเกิดอัมพาต นั้นจะมีสัญญาณเตือนล่วงหน้า เราสามารถสังเกตุความเปลี่ยนแปรงของร่างกายได้ว่าหากมีความผิดปรกติ สามารถหาแพทย์เพื่อรักษาให้ทันเวลา โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการ ชาที่แขนขา จากนั้านแขขาจะเริ่มอ่อนแรง หรือมีอาการชา หรืออ่อนแรงที่ร่างกายซีกใดซีกหนึ่ง สายตาจะมืด และมองไม่เห็นชั่วคราว มีภาพซ้อนและเบลอ เวียนหัว อาการบ้านหมุน เป็นลมบ่อยๆ และปวดหัวอย่างรุนแรง การพูดจาไม่ชัด ออกเสียงลำบาก มีอาการพูดตะกุกตะกัก พูดติดขัด ออกเสียงไม่ชัด  ความสามารถการกลืนอาหารลดลง อาการเหล่านี้หากหายภายใน 24 ชั่วโมง สามารถจะกลับสูภาวะปรกติ หากเกิน 24 ชั่วโมง ถือว่าเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ต้องใช้เวลาในการบำบัด

สาเหตุของการเกิดโรคอัมพาต

สาเหตุของการเกิดโรคอัมพาต หรือ โรคอัมพฤกษ์ เกิดจากสมองขาดเลือดอย่างกระทันหัน ซึ่งสาเหตุของสมองขาดเลือด เกิดจาก 2 สาเหตุสำคัญ คือ หลอดเลือดแดงไปเลื้ยงสมองอุดตัน และหลอดเลือดแดงไปเลี้ยงสมองแตก

  • หลอดเลือดสมองอุดตัน เกิดจากหลอดเลือดแดงสมองตีบตัน สาเหตุที่ทำให้หลอดเลือดแดงตีบ คือ ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ เกิดภาวะลิ่มเลือดในหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงสมอง หรือ ลิ่มเลือดจากโรคหัวใจเต้นรัว
  • หลอดเลือดสมองแตก เป็นสาเหตุที่พบมาก เกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองโปร่งพอง จากโรคความดันโลหิตสูง

แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองมีปัญหา ไม่ได้เกิดจากปัญหาของหลอดเลือดโดยตรง แต่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน โรคความดัน และภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงคือ การใช้ชีวิตไม่ถูกวิธี คือ การพักผ่อนน้อย กินอาหารไม่มีประโยชน์ และเครียด

อาการของผู้ป่วยโรคอัมพาต

สำหรับอาการได้กล่าวไปแล้วในข้างต้น แต่เราจะแสดงรายการอาการโรคอัมพาต เพื่อให้ดูง่ายมากขึ้นมีดังนี้

  • แขน ขา ชาและอ่อนแรงไม่สามารถขยับได้ หรือ อ่อนแรงครึ่งซีก ข้างใดข้างหนึ่ง
  • ความสามารถในการพูด และฟังน้อยลง
  • มีปัญหาระบบการมองเห็น เช่น ตาพร่ามัว มองไม่ชัด เห็นภาพเพียงบางส่วน เห็นภาพได้แคบลง
  • ความสามารถในการหายใจน้อยลง ทำให้หายใจลำบาก และเหนื่อยหอบง่าย
  • ปวดหัว เวียนหัว เสียความสามารถในการทรงตัว
  • ปวดหัวอย่างรุนแรงแบบกระทันหัน
  • คลื่นไส้อาเจียน

การตรวจวินิจฉัยโรคอัมพาต

การตรวจวินิจฉัย แพทย์จะสังเกตุจากอาการ การตรวจร่างกาย เช่น ความดันโลหิต การตรวจการเต้นของหัวใจ การตรวจระบบประสาท การตรวจเลือด เพื่อดูน้ำตาลและไขมันในเลือด จากนั้นทำการตรวจสมองด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์

การรักษาโรคอัมพาต

สำหรับการรักษานั้น ต้องรักษาตามอาการของสาเหตุที่ทำให้สมองขาดลเือด

  • หากเกิดจากหลอดเลือดสมองแตก ต้องเข้ารับการผ่าตัด ใส่สารบางอย่างเพื่อไปอุดหลอดเลือด
  • หากเกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองโป่งพอง สามารถรักษาโดยการให้ยาละลายลิ่มเลือด

นอกจากนั้นแล้ว การรักษาจะทำเพื่อป้องกันการเกิดโรคอีกครั้ง เช่น การให้กินยาลดการแข็งตัวของเลือด การควบคุมการเกิดโรคที่มีผลต่อหลอดเลือด เช่น รักษาโรคความดันโลหิตสูง รักษาโรคเบาหวาน และรักษาโรคไขมันในหิตสูง รวมถึงการทำกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อให้แข้งแรง และฝึกการพูด เป็นต้น

การดูแลตนเองและดูแลผู้ป่วยโรคอัมพาต

  • ให้ปฏิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • ให้ขยันทำกายภาพบำบัด
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน ของผู้ป่วยให้ดี เพื่อคามเสี่ยงการติดเชื้อ
  • จัดสถานที่ที่มีผู้ป่วยให้เหมาะสม และเพื่อความสะดวกในการช่วยตัวเองได้
  • จัดอาหารให้ครบหมวดหมู่ และถูกสุขอนามัย

ป้องกันโรคอัมพาต

  • หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคที่หมด
  • ไม่สูบบุหรี่
  • ไม่ดื่มเครื่องดืมผสมแอลกอฮอ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ลดของหวาน และไขมัน
  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในภาวะปรกติ
  • ตรวจสุขภาพร่างกายประจำปี
  • ในผู้ป่วยให้กินยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด

ผลข้างเคียง ที่เกิดจากโรคอัมพาต นั้น คือ คุณภาพชีวิตที่ลดลง ความพิการ ปัญหาด้านการทำงาน ปัญหารายได้ ซึ่งทั้งหมด จะส่งผลผลต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพ เป็นอย่างมาก

โรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์ เกิดจากภาวะสมองขาดเลือด เป็นโรคที่มีความรุนแรงสูง ทำให้เสียชีวิตได้ และหากรอดชีวิตร่างกายก็จะไม่กลับสู่ปรกติ มักจะพิการ ช่วยตัวเองไม่ได้มาก ร่างกายอ่อนแอ ติดเชื้อง่าย รวมถึงเกิดภาวะโรคซึมเศร้า ด้วย เป็นโรคที่ต้องการกำลังใจในการใช้ชีวิตสูงมาก

หลายคนเรียกโรคนี้ว่าโรคเวรโรคกรรม เหมือนตายทั้งเป็น เป็นโรคที่ไม่ฆ่าใครตายแต่สร้างความทรมานทางจิตใจมาก ในปัจจุบันภาวะสังคมที่มีการแข่งขันสูง ความเครียดทำให้เกิดโรคนี้มากขึ้น ในวันที่ 24 พ.ค.ของทุกปี เป็นวันอัมพฤกษ์ อัมพาตโลก วันหลอดเลือดสมอง ผู้เกี่ยวข้องด้านสาะารณสุขจะออกมารณรงค์ให้ประชาชน หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ ร่างกายและจิตใจให้แข็งแรง เพื่อป้องกัน โรคสมองขาดเลือด เรามาทำความรู้จักกับโรคสมองขาดเลือด โรคอัมพาต ให้ละเอียดมากขึ้น ว่า ปัจจัยเสี่ยงของโรค สาเหตุของโรค อาการ การรักษา และการดูแลผู้ป่วย จะทำอย่างไร

จากสถิติของประชากรไทย ปี พ.ศ.2547 พบว่า ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของหญิงไทยอันดับหนึ่ง ร้อยละ 15 ของการเสียชิวิต การเกิดโรคหลอดเลือดในสมอง ของคนไทย มีอัตรา 250 คน ต่อ หนึ่งแสนคน คนไทยเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง ปีละ 150,000 คน มีการเสียชีวิตทุกๆ 10 นาที จากโรคนี้

โรคอัมพาต เป็นอาการ แขน ขา หรือร่างกายไม่สามารถควบคุมได้ ขยับไม่ได้ และอ่อนแรง ส่วนอัมพฤกษ์ คือ อาการ แขน ขา อ่อนแรงกว่าเดิม แต่สามารถใช้งานได้อยู่ ทั้งสองอาการเกิดจากอาการสมองขาดเลือด จึงทำให้เกิดอาการแขนขาใช้งานไม่ได้ หรืออ่อนแรง โรคนี้ทางการแพทย์ เรียก โรคซีวีเอ ย่อมาจาก cerebrovascu lar accident

อาการผิดปกติของร่างกายที่ที่เกิดจากสมองขาดเลือด นานกว่า 24 ชั่วโมง โรคอัมพาต สามารถพบได้มากในคนอายุ 45 ปีขึ้นไป ซึ่งสามารถพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคนี้มีหลายปัจจัย เราได้รวมปัจจัยของการเกิดอัมพาต มาให้ มีดังนี้

โรคอัมพาต ภาวะสมองขาดเลือด ( Ischemic Stroke ) คือ ภาวะขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง ส่งผลให้ระบบประสาทควบคุมร่างกายทำงานผิดปรกติ แขนขาอ่อนแรง เกิดจาก หลอดเลือดแดงไปเลื้ยงสมองอุดตัน หรือ หลอดเลือดแดงไปเลี้ยงสมองแตก กรณีรุนแรงรักษาไม่ทันอาจเสียชีวิตได้ สาเหตุ อาการ การรักษา การป้องกันโรค


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove