ตกขาว สารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศสตรี ตกขาวผิดปรกติเป็นอย่างไร ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีแดง ตกขาวสีเขียว สาเหตุเกิดจากอะไร แนวทางการรักษาตกขาวผิดปรกติต้องทำอย่างไรตกขาว ตกขาวผิดปรกติ โรคสตรี โรคระบบสืบพันธ์

ตกขาว หรือเรียกอีกอย่างว่า ระดูขาว ภาษาอังกฤษ เรียก Leukorrhea คือ ภาวะการเกิดสารคัดหลั่งที่อวัยวะเพศของสตรี ซึ่งเป็นภาวะปกติของผู้หญิงทุกคน เมื่อสตรีมีการเจริญเติบโตมากขึ้นถึงวัยเจริญพันธุ์ เริ่มมีประจำเดือน การตกขาวจะมีมากขึ้นและมีปริมาณที่พอเหมาะไปจนถึงวัยสูงอายุ แต่อาการตกขาวผิดปรกติ เป็นสิ่งที่น่าตกใจ หากไม่รักษาอาจเกิดมะเร็งปากมดลูกได้

อาการตกขาว ที่ไม่มีอาการผิดปรกตินั้น จะมีลักษณะ คือ เป็นสารคัดหลั่งลักษณะเหลวและใส ไม่มีสี เป็นสีขาวข้น คล้ายกับกาวแป้งเปียก ซึ่งปริมาณของสารคัดหลั่งจะมีปริมาณไม่มากแต่พอที่จะรักษาความชุ่มชื้นในช่องคลอด สารคั้ดหลั่งนี้จะมีกลิ่นจำเพาะ มีภาวะเป็นกรดอ่อนๆ การตกขาวมากกว่าปรกกะตินั้น สามารถสังเกตุได้ ดังนี้

  • ตกขาวจะมีลักษณะข้นเป็นสีขาวในช่วงหลังและก่อนการมีประจำเดือน
  • ตกขาวจะมีลักษณะเหลวและใส ในช่วงระหว่างรอบเดือน
  • ลักษณะของตกขาวจะเหนียวและหนืดในขณะตั้งครรภ์
  • ในขณะที่มีการถูกการกระตุ้นทางเพศจะทำให้ร่างกายหลังสารคัดหลั่งมากขึ้น และหลังจากการมีเพศสัมพันธ์สารคัดหลั่งตกขาวจะมากขึ้น
  • การตกขาวจะมากขึ้นเมื่อร่างกายอยูในภาวะวิตกกังวล

จากลักษณะของตกขาว ดังที่กล่าวมานี้ เป็นลักษณะของการตกขาวที่เป็นปรกติ ซึ่งการสังเกตุอาการของการตกขาวที่ผิดปรกตินั้น สามารถสังเกตุได้อย่างไร ต้องดูที่สาเหตุของการเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ

ลักษณะของตกขาว

สารคักหลังที่ออกมาจากอัวยวะเพศของสตรีนั้น มีลักษณะแตกต่างกันออกไป เรามาทำความรู้จักกับ สีของสารคักหลัง ว่า สีของสารคักหลั่งที่ออกมานั้น เกิดขึ้นจากอะไรบ้าง

  • ตกขาวลักษณะเป็นเมือกใส การตกขาวจะมีปริมาณมาก ลักษณะเหลวใส ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ถือว่าเป็นอาการตกขาวปกติ สามารถหายได้เอง หากมีอาการคันและเป็นฟอง อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ช่องคลอดหรือช่องคลอดอักเสบ
  • ตกขาวลักษณะสีเทา เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ลักษณะ สีขาวปนเทาอ่อน มีกลิ่นเหม็น คล้ายกลิ่นคาวปลา เป็นลักษณะของการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
  • ตกขาวลักษณะเป็นก้อนสีขาว เกิดจากการติดเชื้อรา ลักษณะเป็นก้อนคล้ายนมบูด สีขาวข้นหรือสีเหลือง จะมีกลิ่นเหม็นอับ  และมีอาการแสบคันที่ช่องคลอดร่วม
  • ตกขาวลักษณะมีสีเหลือง การที่สารคัดหลั่งมีสีเหลืองเกิดได้หลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย การติดเชื้อรา การติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด
  • ตกขาวมีลักษณะสีเขียว เกิดจากการติดเชื้อพยาธิในช่องคลอด เป็นการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ อาการคัน แสบและเจ็บที่ช่องคลอด สามารถพบได้จากสาเหตุนี้ สารคักหลั่งมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว เป็นฟอง
  • ตกขาวมีลักษณะสีน้ําตาล เป็นอาการมีเลือดปนในสารคัดหลั่ง อาจเกิดจากการติดเชื้อที่ปากมดลูกหรือช่องคลอด ทำให้มีตกขาวปริมาณมาก มีกลิ่นเหม็น อาจมีเลือดเก่าปน ทำให้สารคักหลั่งเป็นสีน้ำตาล
  • ตกขาวสีชมพู พบได้บ่อยในสตรีหลังคลอดบุตร เนื่องจากการลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก

สาเหตุของตกขาวผิดปรกติ

อาการตกขาวผิดปกติ นั้นเรียก Pathologic vaginal discharge ภาวะการตกขาวผิดปรกติ นั้น เกิดขึ้นได้จากสาเหตุต่างๆ คือ การติดเชื้อ การมีเนื้องอกที่อวัยวะเพศ และ การมีสิ่งแปลงปลอมในอวัยวะเพศ โดยรายละเอียดของการตกขาวผิดปรกติ มีรายละเอียด ดังนี้

  • การตกขาวผิดปรกติที่เกิดจากการติดเชื้อ นั้นเกิดจากการติดเชื้อหลายลัษณะ เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ได้แก่
    • เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เรียก Bacterial vaginosis สาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ เราพบว่าเป็นสาเหตุมากที่สุดถึง ร้อยละ 50 ของการเกิดการตกขาวผิดปรกติ โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น พฤติกรรมชอบล้างอวัยวะเพศแบบสวนช่องคลอด การใช้ห่วงอนามันในการคุมกำเนิด การกินยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน การติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์  นนอกจากนั้น สาเหตุอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรือการกินอาหารประเภทหมักดอง เป็นต้น
    • เกิดจาดเชื้อรา สำหรับสาเหตุของการตกขาวจากการติดเชื้อรา พบประมาณ ร้อยละ 25 ของผู้ป่วยอาการตกขาวผิดปรกติ เชื้อราที่พบ คือ Candida albicans การตกขาวผิดปรกติจากเชื้อรา จะมีลักษณะสารคัดหลั่ง เป็นสีเหลืองปน มีก้อนคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็นอับ แต่ไม่พบกลิ่นคาว ซึ่งผลกระทบที่พบ คือ จะแสบหรือคันที่ช่องคลอด หรือ เวลาปัสสาวะจะมีอาการแสบและขัด สาเหตุของการติดเชื้อรา เช่น การอยู่ในที่อับชื้นเป็นเวลานาน การใช้ยาปฏิชีวนะบางชนิด การใช้ยากลุ่มยาสเตียรอยด์ การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด โรคเบาหวาน และความเครียด เป็นต้น
    • การติดเชื้อทริโคโมแนส หรือ เชื้อพยาธิในช่องคลอด เรียกว่า Trichomoniasis เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกโปรโตซัว ชนิดหนึ่ง เราเรียกว่า ทริโคโมแนส วาจินาลิส ( Trichomonas vaginalis ) เราพบว่ามีผุ้เกิดภาวะตกขาวผิดปรกติจากสาเหตุนี้ ร้อยละ 25 ของผู้ป่วยทั้งหมด ลักษณะความผิดปรกจะพบว่า มีอาการคัน แสบ และเจ็บที่อวัยวะเพศ ลักษณะของสารคัดหลั่ง จะมีสีเหลืองหรือสีเขียว มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว และมีลักษณะเป็นฟอ
    • เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของการตกขาว คือ เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ ( Herpes simplex ) เกิดจากการติดเชื้อโรคจากการมีเพศสัมพันธ์ อาการพบว่าจะมีอาการแสบที่อวัยวะเพศ ลักษณะสารคักหลั่ง เป็นสีเหลือง
    • เกิดจากเชื้อบัคเตรี ชนิดอื่น ๆ เช่น เชื้อสแตฟีโลค็อกคัส ( Staphylococcus ) สเตรปโตค็อกคัส ( Streptococcus ) เป็นต้น
    • การติดเชื้อวัณโรค
  • การตกขาวผิดปรกติจากเนื้องอกที่อวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิง การเกิดเนื้องอก เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งของอวัยวะเพศหญิง เป็นสาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ
  • การตกขาวผิดปรกติจากการมีสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด การที่ผนังของช่องคลอดมีสิ่งระคายเคือง ทำให้เกิดการตกขาวเพิ่มขึ้น และสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้จะส่งกลิ่นเหม็นด้วย ตัวอย่างสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้ตกขาวจากสาเหตุนี้ เช่น เศษกระดาษ เศษลูกโป่ง ผ้าอนามัยชนิดสอด กระดาษชำระ สำลี เศษยาง ถุงยางอนามัย หรือ อุปกรณ์ทางเพศ

การมีตกขาวนั้น จักว่าเป็นเรื่องปรกติของผู้หญิง แต่การที่สารคัดหลั่งเกิดความผิดปรกติ นั้น เป็นสาเหตุของหลายปัจจัย แต่หากไม่สังเกตุลักษณะการตกขาวที่ผิดปรกติ จะทำให้เป็นอันตรายหากไม่รักษา

อาการตกขาวผิดปรกติ

การตกขาวที่ผิดปกตินั้น มีอาการและลักษณะของสารคัดหลั่ง ที่สามารถสังเกตุได้ ดังนี้

  • เกิดสารคักหลั่งมากขึ้นผิดปรกติ
  • สารคักหลั่งตกขาว นั้นมีกลิ่นเหม็น คล้ายปลาเน่า และมีกลิ่นคาวมาก
  • ลักษณะของสารคัดหลั่งมีลักษณะผิดปรกติ เช่น มีสีเหลือง สีเขียว หรือมีลักษณะข้น หรือจับตัวเป็นก้อน มีปนหนอง มีเลือดปนหรือมีลักษณะเป็นฟอง
  • เกิดการตกขาวติดต่อกันกว่า 14 วัน
  • เกิดความผิดปรกติอื่นร่วมกับการตกขาวผิดปรกติ เช่น คันบริเวณปากช่องคลอด มีอาการแสบที่ปากช่องคลอด มีแผลบริเวณอวัยวะเพศ ปวดท้องน้อย มีไข้ ขัดเบา เจ็บอวัยวะเพศ แสบเวลาปัสสาวะ เป็นต้น

วิธีรักษาอาการตกขาวผิดปรกติ

การรรักษาอาการตกขาวผิดปรกตินั้น ต้องรักษาสาาเหตุของการตกขาวผิดปรกติ และในปัจจุบันสามารถรักษาสาเหตุของการเกิดการตกขาวผิดปรกติ จากการติดเชื้อ ได้ โดยหากพบว่า เกิดการตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือ เชื้อโปรโตซัว สามารถใช้ยาในการรักษาได้ ซึ่งการใช้ยาในการรักษานั้น ให้อยู่ในคำสั่งของแพทย์

การดูแลตัวเองเมื่อเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ

เมื่อเกิดภาวะตกขาวผิดปรกติ มีข้อควรปฏิบัติ ดังนี้

  • ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบและไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
  • รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของความอับชื้น
  • งดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าจะรักษาหาย ถ้าจำเป็นควรให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยด้วยทุกครั้ง
  • ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ในขณะรับการรักษา เพราะอาจมีผลกับยาที่รักษาทำให้ไม่สบาย ปวดเมื่อยตัว หน้าแดง หรือใจสั่นได้
  • ไม่ควรรักษาด้วยตนเอง เพราะสาเหตุที่ทำให้ตกขาวผิดปกตินั้นมีได้หลากหลาย ซึ่งการซื้อยามารับประทานเองอาจทำให้ไม่หายเพราะใช้ยาไม่ตรงกับโรค อาจทำให้มีโรคอื่นแทรกซ้อนตามมา และอาจเป็นสาเหตุให้กลายเป็นการติดเชื้อเรื้อรังจากเชื้อดื้อยาได้ (การใช้ยาทุกชนิดควรอยู่ภายใต้คำแนะของแพทย์หรือเภสัชกร)
  • อาการตกขาวผิดปกติมักเกิดจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาทั้งผู้ป่วยและคู่นอนไปด้วยพร้อม ๆ กัน นอกจากนั้นอาการตกขาวผิดปกติยังอาจเกิดได้จากโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งการไปพบแพทย์ตั้งแต่แรกจะช่วยในการวินิจฉัยโรคได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และให้ผลในการรักษาที่ดีกว่าการพบโรคในระยะรุนแรงที่มีอาการมากแล้ว
  • ตกขาวผิดปกติที่เกิดจากการติดเชื้อ ถึงแม้จะได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว แต่ถ้ากลับไปติดเชื้ออีกก็จะมีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก ส่วนในรายที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกนั้น ผลการรักษามักจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็ง
  • ในรายที่เป็นโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อก็ต้องรักษาหรือควบคุมโรคให้ดี เช่น โรคเบาหวาน

การป้องกันการเกิดอาการตกขาวผิดปรกติ

สำหรับอาการตกขาวผิดปรกติ นั้น สามารถป้องกันการเกิดได้ โดยข้อแนะนำในการป้องกันการเกิดการตกขาวผิดปรกติ มีดังนี้

  • ไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานๆ ถ้าหากไม่มีความจำเป็น
  • ควรรบประทานอาหารที่สดใหม่และมีคุณภาพ ดื่มน้ำให้เยอะๆ ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอและที่สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์ให้ล้างอวัยวะเพศก่อนทุกครั้ง
  • ไม่ควรใส่กางกางที่มีขนาดเล็กกว่าไซต์ตัวเองหรือรัดเกินไป
  • ต้องดูแลอวัยวะเพศให้แห้งอยู่เสมอ และอย่าให้อับชื้น
  • ให้คุณเช็ดก้นจากหน้า
  • ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดเพราะช่องคลอดสะอาดอยู่แล้ว

ตกขาว คือ สารคัดหลั่งที่อวัยวะเพศของสตรี ลักษณะของการตกขาวผิดปรกติเป็นอย่างไร ตกขาวสีเหลือง ตกขาวสีแดง ตกขาวสีเขียว เกิดจากสาเหตุอะไร การรักษาอาการตกขาวผิดปรกติต้องทำอย่างไร และ ข้อแนะนำในการป้องกันการตกขาวผิดปรกติ

ท้องผูก ถ่ายอุจจาระลำบาก อุจจาระแข็ง เกิดจากลำไส้ใหญ่ดูดสารอาหาร ทำให้อุจจาระแห้งขึ้นเป็นก้อน ค้างอยู่ในลำไส้ ภาวะขาดน้ำเป็นสาเหตที่ทำให้ลำไส้ใหญ่ดูดน้ำมากขึ้นโรคท้องผูก ถ่ายอุจจาระไม่ออก โรคระบบขับถ่าย โรคไม่ติดต่อ

อาการท้องผูก นั้นอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุหลายประการ เช่น นิสัยในการถ่ายอุจจาระ การออกกำลังกายน้อย การรับประทานอาหารบาง การขาดฮอร์โมนบางอย่าง เป็นต้น

โรคท้องผูก ( Constipation ) จัดว่าเป็นอาการผิดปรกติ ไม่ถึงขั้นเป็นโรค โดยทางการแพทย์ นั้นนิยามอาการท้องผูก นั้นเป็นการถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้ง ในหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งลักษณะของอุจจาระ จะมีลักษณะแห้งและแข็ง อาการท้องผูกนี้ พบว่าร้อยละ 12 ของประชากรโลก เคยมีประสบการณ์ท้องผูก ซึ่งสามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย แต่เกิดกับสตรีมากกว่าบุรุษ สาเหตุที่พบมากที่สุด คือ การเคลือนตัวของลำไส้ช้ากว่าปรกติ และ ความเครียด

สาเหตุของการเกิดท้องผูก

การเกิดอาการท้องผูก นั้นเป็นอาการที่เกิดจากสาเหตุของลำไส้เคลื่อนที่ช้าและบีบตัวได้น้อยสำหรับการย่อยอาหาร ซึ่งทำให้การกำจัดของเสียทางทาวารหนังไม่ปรกติ เกิดอุจจาระตกค้างในลำไส้ใหญ่ การที่อุจจาระขับถ่ายออกยากนั้น จะมีลักษณะแข็ง แห้ง และมีขนาดใหญ่ โดยเราสามารถแยกสาเหตุที่ทำให้ลำไส้เคลื่อนที่และบีบตัวช้า นั้น มีสาเหตุดังนี้

  • เกิดจากผลของการใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาลดกรด ยาระงับอาการทางจิต ยารักษาอาการชัก อาหารเสริมกลุ่มแคลเซียมและธาตุเหล็ก ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น
  • ความผิดปรกติของฮอร์โมนร่างกาย จากการขาดความสมดุลของระบบฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการรักษาของเหลวในร่างกาย ซี่งเกิดจากโรคระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคเบาหวาน การตั้งครรภ์ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานต่ำ เป็นต้น
  • ความผิดปรกติของร่างกายเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ การบีบตัวของกล้ามเนื้อลำไส้และทวารหนัก มีผลต่อการเกิดท้องผูก หากกล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้ดี การเคลือนที่ของลำไส้อละทวารหนัก ก็ทำได้น้อย ลักษณะสาเหตุของอาการ เช่น เส้นประสาทถูกทำลายจากโรคเบาหวาน โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคพาร์กินสัน เส้นประสาทไขสันหลังบาดเจ็บ โรคหลอดเลือดในสมอง เป็นต้น
  • ความผิดปรกติของลำไส้ โดยเกิดการอุดตันภายในลำไส้ บริเวณทวารหนัก เช่น แผลปริขอบทวารหนัก ลำไส้อุดตัน มะเร็งลำไส้ใหญ่ ภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อน เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าสาเหตุของอาการท้องผู้นั้น เกิดจากความผิดปรกติของ ร่างกายที่เกี่ยวกับลำไส้ ฮอร์โมนควบคุมระดับน้ำในร่างกาย กล้ามเนื้อ ซึ่งนอกจากนี้แล้ว การปฏิบัติตนในชีวิตประจำวัน เป็นปัจจัยเอื่ออำนวยให้เกิดการท้องผูกได้มากขึ้น ปัจจัยที่ทำให้มีคามเสี่ยงท้องผูก มีรายละเอียด ดังนี้

  • การอั้นอุจจาระ
  • การรับประทานอาหารที่มีกากใยอาหารน้อย
  • การขาดการออกกำลังกาย
  • ภาวะน้ำหนักตัวมากผิดปรกติหรือโรคอ้วน
  • การดื่มน้ำน้อยและภาวะการขาดน้ำ
  • ความเครียด
  • การเสื่อมของร่างกายตามวัย

การรักษาอาการท้องผูก

สำหรับการรักษาอาการท้องผูกนั้น แนวทางการรักษาที่สำคัญ คือ การทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มเคลื่อนที่ง่าย ต้องกินอาหารมีกากใยอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ และดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 8 ถึง 10 แก้ว รวมถึงออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การแก้ปัญหาอาการท้องผูก สามารถทำได้ตามคำแนะนำข้างต้น แต่หากไม่ดีขึ้น นั้น สามารถใช้ยาระบาย ช่วยให้ถ่ายอุจจาระง่ายขึ้น แต่การใช้ยาระบายต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม หากใช้มากเกินไป จะทำให้ร่างกายขาดน้ำและช็อกได้

อาหารช่วยแก้ท้องผูก

สำหรับอาหารแนะนำในการแก้ท้องผูก จะเป็นอาหารที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ทานเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยแก้ปัญหาอาการท้องผูกได้โดยไม่ต้องรักษาด้วยยา อาหารแนะนำมีดังนี้

  • มะขามเปียก ให้นำมะขามเปียกมาขยำเอาน้ำและต้มสุกใส่เกลือนิดหน่อยดื่ม หรือ กินมะขามสุกสดๆจิ้มเกลือและดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ
  • มะขามแขก ให้นำใบแห้ง 1 ถึง 2 หยิบมือ หักเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มกับน้ำ ดื่มก่อนนอน
  • ลูกพรุนแห้ง ให้รับประทานทั้งผล ตอนกลางคืนก่อนเข้านอน
  • แอปเปิลเขียว ให้รับประทานทั้งผล ช่วยเพิ่มกากใยอาหาร
  • สับปะรด และมะละกอ มีน้ำย่อยช่วยกัดกากคราบโปรตีนเก่า ๆ ที่ถูกย่อยไม่หมด ทำให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น
  • เม็ดแมงลัก นำเม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา แช่ในน้ำเปล่า ดื่มก่อนนอน จะช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
  • ขี้เหล็ก เป็นสมุนไพรกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ ช่วยการขับถ่าย นำใบอ่อน  4 ถึง 5 กำมือ มาต้มกับน้ำ ดื่มก่อนนอน
  • กล้วยน้ำว้าสุก เป็นผลไม้ช่วยเพิ่มกากอาหาร ทำให้ขับถ่ายได้สะดวกขึ้น ควรทานทุกวัน ๆ ละ 2 ผล
  • มะเฟือง ผลไม้รสเปรี้ยว มีฤทธิ์เป็นยาระบาย และช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร

การป้องกันอาการท้องผูก

สำหรับการป้องกันการเกิดอาการท้องผู้นั้น สามารถปฏิบัติได้ ดังนี้

  • กินอาหารมีกากใยอาหารสูง
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • ผ่อนคลาย ลดความเครียด
  • มีอาการท้องผูกนานเกิน 7 วัน ให้รีบปรึกษาแพทย์
  • หากมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และ อุจจาระมีเลือดปน ให้รีบพบแพทย์

ภาวะท้องผูก หมายถึง อาการถ่ายอุจจาระลำบาก มีอุจจาระแข็ง สำไส้ใหญ่จะดูดน้ำและสารบางอย่างเพื่อนำสารอาหารที่มีประโยชน์ไปใช้ประโยชน์ ซึ่งการที่ลำไส้ใหญ่ดูดสารอาหารทำให้อุจจาระแห้งขึ้นเป็นก้อน ค้างอยู่ในลำไส้ แต่ภาวะขาดน้ำ ก็เป็นสาเหตที่ทำให้ลำไส้ใหญ่ดูดน้ำมากขึ้น


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove