โรคซาร์ส SARS ไข้หวัดมรณะ เกิดจากเชื้อไวรัส 2 ชนิด คือ โคโรนาไวรัส และ พาราไมโซไวรัส ทำให้ปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง พบครั้งแรกที่ประเทศจีน ยังไม่มียารักษาโรค

โรคซาร์ส ปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง โรคทางเดินหายใจ โรคติดต่อ
ซาร์ส หรือ SARS ย่อมาจาก Severe acute respiratory distress syndrome หรือบางคนเรียกว่า กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง คือ โรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัส ชื่อ SARS coronavirus โดยผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการทางระบบหายใจ ซึ่งอาจรุนแรงจนมีโอกาสเสียชีวิตได้สูง เป็นโรคที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ โดยเกิดขึ้นครั้งแรกที่ประเทศจีนในปี พ.ศ. 2545 ติดต่อกันได้ง่าย จึงทำให้เกิดการระบาดไปยังอีกหลายประเทศทั่วโลก องค์การอนามัยโลกร่วม กับองค์การต่างๆ จึงได้พยายามควบคุมโรค และสามารถหยุดการระบาดได้ในปีต่อมาคือ พ.ศ.2546 ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่พบการระบาดขึ้นมาอีก

สถานการณ์โรคซาร์สในปัจจุบัน

หลังจากวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2546 ที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศสิ้นสุดการระบาดของโรคซาร์ส ในช่วงปลายปี พ.ศ.2546 พบการติดเชื้อโรคซาร์สอีกครั้ง ในห้องปฏิบัติการทางจุลชีววิทยาที่ไต้หวันและสิงคโปร์ แต่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ.2547 เกิดการแพร่ระบาดเข้าไปในชุมชนที่ประเทศจีน ซึ่งทางรัฐบาลจีนจึงได้ออกมาตรการห้ามจำหน่าย และ บริโภคเนื้อชะมด และให้ทำลายชะมดกว่า 10,000 ตัว ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่พบมีการกลับมาแพร่ระบาดของโรคซาร์สอีก

สาเหตุของการเกิดโรคซาร์ส

สาเหตุของโรคไข้หวัดมรณะ (SARSโรคซาร์สนี้ เกิดจากเชื้อไวรัส 2 ชนิด คือ  ไวรัสในกลุ่ม “โคโรนาไวรัส” และ ไวรัสอยู่ในกลุ่ม “พาราไมโซไวรัส” สาเหตุของโรคซาร์ส ได้ถูกค้นพบในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2546 จากการนำเนื้อเยื่อของผู้ป่วยไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ทำให้ทราบว่าสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส และการตรวจสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสทำให้ทราบว่าเป็นไวรัสที่อยู่ในกลุ่มที่ชื่อว่า Coronaviridae ซึ่งไวรัสที่อยู่ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะทำให้เกิดเป็นโรคหวัด หรืออาการทางระบบหายใจส่วนล่าง (ปอด และหลอดลม) ได้ แต่มักไม่รุนแรง สำหรับไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคซาร์สนี้ได้ถูกตั้งชื่อว่า SARS coronavirus (SARS-CoV)

อาการของผู้ป่วยโรคซาร์ส

โรคนี้ มีระยะของการเกิดโรคที่ ภายใน 7 วัน หลังจากเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ผู้ป่วยจะมีอาการ มีไข้สูงมาก หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร บางคนอาจมีถ่ายอุจจาระเหลว แล้วจะตามมาด้วยอาการไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ หอบเหนื่อย หายใจลำบาก และหากตรวจดูระดับออกซิเจนในเลือดก็จะพบว่ามีค่าลดลง (Hypoxemia) ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการรุนแรง คือเกิดภาวะหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ในที่สุด

ภาวะแทรกซ้อนของโรคซาร์ส

  • ประมาณร้อยละ 10 ถึง 20 ของผู้ป่วย ที่อยู่ในโรงพยาบาล จะมีภาวะเลือดมีออกซิเจนน้อย (Hypoxia) และจำเป็นต้องใส่ท่อและเครื่องช่วยหายใจ
  • ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง ได้แก่ ภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute respiratory distress syndrome : ARDS) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่สำคัญ
  • สำหรับผู้ป่วยที่รอดชีวิต ในบางรายอาจพบว่า หากทดสอบการทำงานของปอดอาจยังมีผิดปกติบ้าง หรือหากเอกซเรย์ปอดยังพบความผิดปกติเล็กน้อย อยู่ได้นานถึงประมาณ 12 เดือน

การรักษาโรคซาร์ส

การรักษาโรคไข้หวัดมรณะ SARS ) หากพบว่าผู้ป่วยต้องสงสัยว่าจะป่วยเป็นไข้หวัดมรณะ ต้องรีบรับนำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อควบคุมาการระบาดของโรคและเฝ้าติดตามอาการ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคนี้ และไม่มีคำแนะนำที่แน่นอนในการเลือกใช้ยาสำหรับการรักษาโรคนี้ เพราะยังไม่มียาที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสซาร์สได้ การรักษาจึงทำได้เพียงการประคับประคองตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้แก้ปวด ให้ยาแก้ไอ ให้น้ำเกลือ ใช้เครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น

  • ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก หรือเป็นผู้สูงอายุ หรือมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ (เช่น มีโรคประจำตัว) จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและแยกผู้ป่วยอย่างรัดกุม
  • ผู้ป่วยที่มีอาการน้อย ร่างกายแข็งแรง อาจทำการแยกตัวโดยให้อยู่ที่บ้านได้ แต่ภายในบ้านต้องไม่มีเด็กอ่อน หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมทั้งต้องมีห้องน้ำและห้องนอนแยกเป็นส่วนตัว และต้องปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นอย่างเคร่งครัด เช่น การใส่ผ้าปิดปากปิดจมูก ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน รวมถึงแก้วน้ำ จาน ชาม ช้อน ส้อม และแยกทำความสะอาด แยกรับประทาน ส่วนขยะที่เกิดจากผู้ป่วยควรแยกถุงและแยกทิ้งแบบเป็นขยะติดเชื้อ ห้ามให้ผู้ป่วยออกจากบ้าน โดยต้องหยุดงาน หยุดเรียน หยุดทำธุระต่าง ๆ รวมทั้งต้องมีการติดตามอาการและการปฏิบัติตัวจากเจ้าหน้าที่ทุกวัน เช่น การโทรศัพท์สอบถาม
  • เมื่ออาการต่าง ๆ ทั้งไข้ ไอ หายใจหอบ หรืออื่น ๆ หายสนิทไปแล้วจนครบ 10 วัน ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำงาน ไปเรียน และใช้ชีวิตตามปกติได้โดยไม่ต้องแยกห้อง

การป้องกันโรคไข้หวัดมรณะSARS )

ต้องปิดปากและจมูก สวมหน้ากากป้องกัน เชื้อโรคเช้าสู่ร่างกาย ดูแลสุขอนามัย ให้สะอาด ไม่ให้มีเชื้อโรค ในพื้นที่ที่มีการระบาดก็ได้มีการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายของโรคอย่างเข้ม งวด โดยมาตรการสำคัญคือ การแยกผู้ป่วยและผู้ที่มีประวัติสัมผัสโรค ในบางพื้นที่ต้องมีการสั่งปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยนานนับเดือน รวมถึงโรงพยาบาลอีกหลายแห่งด้วย

  1. ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคซาร์สจะต้องมีการควบคุมป้องกันการแพร่กระจายของโรคอย่างเข้มงวด
  2. แพทย์และพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยซาร์สจะต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เช่น สวมถุงมือ ใส่เสื้อกาวน์ ใส่แว่นตาป้องกันการติดเชื้อ หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ เป็นต้น
  3. หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศหรือเขตพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคซาร์ส
  4. ดูแลสุขภาพร่างกายทั่วไปให้แข็งแรง โดยการหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ
  5. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
  6. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  7. งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์

โรคซาร์ส ( SARS ) ไข้หวัดมรณะ โรคติดต่อเกิดจากการติดเชื้อไวรัส 2 ชนิด คือ โคโรนาไวรัส และ พาราไมโซไวรัส ทำให้ปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง โรคติดเชื้อ พบครั้งแรกที่ประเทศจีน แพร่ระบาด ฮ่องกง เวียดนาม สิงคโปร์ แคนาดา สหรัฐ ฝรั่งเศส อังกฤษ ไต้หวัน และ เยอรมนี

โรคฝีดาษ ไข้ทรพิษ ไข้หัว Smallpox โรคติดต่อร้ายแรงจากเชื้อไวรัสวาริโอลา ติดต่อจากการหายใจและสัมผัสผู้ป่วย ทำให้ปวดหัว ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ ผื่นขึ้นที่ตามตัวโรคฝีดาษ โรคติดเชื้อ โรคผิวหนัง โรคติดต่อ

โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Variola ถือเป็นโรคติดต่อชนินหนึ่ง เป็นโรคติดต่อร้ายแรง โรคนี้เป็นโรคติดเชื้อจาก poxvirus ซึ่งผู้ป่วยจะมีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง สามารถระบาดได้ โรคเป็นโรคระบาด โรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษ หรือ ไข้หัว สำหรับใน ภาษาอังกฤษเรียกว่า Small pox หรือ Variola โดยคำว่า Variola มาจากภาษาละติน แปลว่า จุด หรือตุ่ม โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส โดยอาการหลักของผู้ป่วย คือ มีผื่นที่เป็นตุ่มหนองขึ้นตามผิวหนัง ซึ่งดูเป็นที่น่ารังเกียจ และผื่นเหล่านี้เองก็สามารถแพร่เชื้อได้ด้วย โรคนี้ติด ต่อกันได้ค่อนข้างง่าย มีโอกาสเสียชีวิตได้สูง ยังไม่มียารักษา มีวัคซีนสำหรับป้องกันได้ แต่ในปัจจุบันโรคนี้ได้ถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปแล้ว จึงไม่มีการแนะนำให้ฉีดวัคซีนในประชากรทั่วไปอีกต่อไป

สาเหตุของการเกิดโรคฝีดาษ

สาเหตุของโรคฝีดาษ เกิดจากไวรัส DNA เป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ พบว่ามี 2 ชนิด คือ ชนิดแรก variolar major มีความรุนแรงสูงอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ พบว่าอัตราการตายมากถึง 1 คน ใน 3 คน ชนิดที่สอง alastrim ชนิดนี้อาการไม่รุนแรงเท่ากับชนิดแรก ชนิดนี้ไม่ตายมากเท่าชนิดแรกแต่ผู้ติดเชื้อ จะมีสะเก็ดที่ผิวหนังนานเป็นปี

โรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษติดต่อกันได้อย่างไร โรคนี้สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสตัวผู้ป่วย หรือรับเชื้อโรคจากผู้ป่วย จากการ ไอ จาม หรือตอนพูด นอกจากนี้อาจจะสามารถติดต่อได้ทางเสื้อผ้า ที่นอน ผ้าห่ม หรือ เสื้อของผู้ป่วย

อาการของผู้ป่วยโรคฝีดาษ

สำหรับอาการของโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ ผู้ป่วยจะ ปวดหัว ปวดหลัง ปวดเมื่อยตามตัว มีไข้สูง ถ้าเกิดในในเด็กจะมีอาเจียน  มีอาการชัก และหมดสติ หลังจากนั้นผู้ป่วยโรคฝีดาษมีผื่นแดงแขนและขา จากนั้นจะมีอาการคันมากที่ผิวหนังและจะกลายเป็นตุ่มขึ้นที่ผิวหนังจากนั้นแผลจะแห้งและเป็นสะเก็ดในประมาณ 2 สัปดาห์ต่อมา อาการของโรคฝีดาษ สามารถแยกอาการเป้นข้อๆ ได้ดังนี้

  • อาการเริ่มแรก เริ่มด้วยปวดศีรษะ สะท้าน ปวดหลัง ปวดตามกล้ามเนื้อแขนขา ไข้จะขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว สูงไดถึง 41-41.5องศา ในเด็กจะมีอาเจียน ชัก และหมดสติ ในผู้ป่วยบางรายอาจจะมีผื่นแดงเกิดขึ้นใน 2 วันแรก ผื่นมักจะขึ้นบริเวณแขนหรือขา
  • ระยะออกผื่น ประมาณวันที่ 3 หลังมีไข้ ผื่นที่แท้จริงของฝีดาษจะเริ่มปรากฏขึ้นจะเริ่มที่หน้า แล้วไปที่แขน หลัง และขา ผื่นมักเป็นมากบริเวณที่ผิวหนังตึง เช่นที่ข้อมือ โหนกแก้ม สะบัก เป็นต้น ผื่นจะขึ้นเต็มที่ภายในเวลา 2 วัน ไข้จะเริ่มลงในวันที่ 2-3 หลังผื่นขึ้น และอาการต่างๆจะดีขึ้น ลักษณะผื่น จะเริ่มเป็นผื่นขนาดหัวเข็มหมุด และโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในวันที่2 และกลายเป็นตุ่มน้ำในวันที่ 3 ใส ในวันที่ 5 จะเป็นตุ่มน้ำขุ่น การเปลี่ยนแปลงของผื่นจะเป็นไปพร้อมกันทั้งตัว ในวันที่ 8 ผื่นจะเริ่มแห้งโดยเริ่มที่หน้าก่อน ผื่นจะกลายเป็นสะเก็ดในวันที่12-13
  • ระยะติดต่อตั้งแต่ตอนที่เริ่มมีอาการ และช่วงสัปดาห์แรก ที่จะเป็นช่วงที่มีโอกาสแพร่เชื้อได้ง่ายที่สุด ไปจนถึงตอนที่แผลแห้งเป็นสะเก็ดแล้ว

การรักษาโรคฝีดาษ

สำหรับ การรักษาโรคฝีดาษ หรือ การรักษาไข้ทรพิษ ในปัจจุบันนี้ยังไม่สามารถหายาที่มารักษาโรคนี้ได้โดยตรง แต่สามารถรักษาตามอาการ โดยเมื่อพบผู้ป่วยเราต้องแยกผู้ป่วยออกจากคนอื่น เพื่อป้องกันการติดเชื้อ จากนั้นให้ผู้ป่วยพักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำมากๆเพื่อป้องกันอาการขาดน้ำ รักษาความสะอาดให้มากที่สุด ไม่ต้องอาบน้ำเช็ดตัวก็พอ

  1. ปัจจุบันยังไม่มียาใดที่ใช้รักษาโรค
  2. ต้องแยกนอนโรงพยาบาลที่รับเฉพาะโรคติดต่อ
  3. การรักษาประคับประคองและรักษาตามอาการ
    • ให้ผู้ป่วยนอนพักในที่นอนที่สะอาด และทำความสะอาดที่นอนบ่อยๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย
    • แก้ไขภาวะขาดน้ำและความผิดปกติของเกลือแร่
    • ระวังรอยโรคที่ปากและตา โดยทำความสะอาดอวัยวะทั้งสองบ่อยๆ
    • ไม่ควรอาบน้ำหรือใช้น้ำยาใดๆทาเคลือบผิวหนัง

ภาวะแทรกซ้อนของโรคฝีดาษ

  1. ผิวหนัง อาจจะเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม เมื่อหายแล้วจะมีแผลลึก
  2. ระบบทางเดินหายใจ เกิดการอักเสบที่กล่องเสียง ทำให้กล่องเสียงบวม เกิดปอดบวมได้บ่อย
  3. กระดูก เกิดการอักเสบของกระดูกจากเชื้อไวรัสได้บ่อย มักพบในวันที่10-12 ของโรค ในเด็กมักจะเป็นรุนแรงและมีการทำลายของกระดูกและข้อ
  4. ตา เกิดเยื่อบุตาอักเสบ และการบวมของหนังตา
  5. ระบบประสาทส่วนกลาง เกิดการอักเสบของสมองในระยะท้ายของโรค

การป้องกันโรคฝีดาษ

สำหรับโรคฝีดาษนั้น สามารถป้องกันได้อย่างไร เราสารมารถป้องกันได้โดยการปลูกฝี ด้วยการฉีดวัคซีน หลังการฉีดวัคซีนจะมีภูมิอยู่ได้ 3-5 ปี การใช้วัคซีนก็ยังมีผลข้างเคียงเช่นกัน โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนบางรายอาจจะได้รับผลข้างเคียงไม่ร้ายแรง หรือบางรายอาจลุกลามกลายเป็นโรคฝีดาษได้ จึงทำให้ในปัจจุบันได้มีการยกเลิกการให้วัคซีนไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีวัคซีนเก็บรักษาไว้ในกรณีที่อาจเกิดการระบาดอย่างไม่คาดคิด

สมุนไพรแก้ปวดเมื่อย ไข้ทรพิษ อาการปวดเมื่อยตามตัวเป็นอาการหนึ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนเป็นไข้ทรพิษ ดังนั้นการใช้สมุนไพรแก้ปวดเมื่อยจะช่วยลดความปวดของผู้ป่วยได้ สมุนไพรแก้ปวดเมื่อย ประกอบด้วย

แคนา ต้นแคนา สมุนไพร ประโยชน์ของแคนาแคนา
กระเทียม สมุนไพร สมุนไพรไทย เครื่องเทศกระเทียม
หญ้าคา สมุนไพร สมุนไพรไทยหญ้าคา
ไมยราบ สมุนไพร สมุนไพรไทย พืชล้มลุกไมยราบ
มะเฟือง สมุนไพร สมุนไพรไทย ผลไม้มะเฟือง
มะระ สมุนไพร พืชรสขม ประโยชน์ของมะระมะระ
ขิง สมุนไพร สรรพคุณของขิง ประโยชน์ของขิงขิง
ฟ้าทลายโจร สมุนไพร สมุนไพรไทย ประโยชน์ของฟ้าทะลายโจรฟ้าทะลายโจร

โรคฝีดาษ ไข้ทรพิษ ไข้หัว ( Smallpox ) คือ โรคติดต่อร้ายแรง โรคระบาด เกิดจากเชื้อไวรัสวาริโอลา Variola Virus สามารถติดต่อจากการหายใจ และ ใกล้ชิดและสัมผัสผู้ป่วย ส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ เกิดผื่นที่แขน หลัง ขา และ บริเวณผิวหนังที่ตึง และทำให้เกิดแผลสะเก็ด


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove