ขมิ้น พืชสารพัดประโยชน์ คู่สังคมไทย นิยมมาทำอาหารรวมถึงใช้รักษาโรค บำรุงผิวพรรณ ลักษณะของต้นขมิ้นเป็นอย่างไร ประโยชน์และโทษของขมิ้นมีอะไรบ้าง

ขมิ้น สมุนไพร สมุนไพรบำรุงผิว

ต้นขมิ้น ภาษาอังกฤษ เรียก Turmaric ชื่อวิทยาศาสตร์ของขมิ้น คือ Curcuma longa Linn สำหรับชื่อเรียกอื่นๆของขมิ้น เช่น ขมิ้นแกง ขมิ้นหยอก ขมิ้นหัว หมิ้น ขมิ้นป่า ขมิ้นทอง ขมิ้นดี ตายอ เป็นต้น ขมิ้นอยู่คู่สังคมไทยมาช้านาน นิยมนำไปใช้ในการประกอบอาหาร แต่งสีอาหาร แต่งกลิ่นอาหาร อาหารไทยที่มีขมิ้นเป็นส่วนประกอบ เช่น แกงไตปลา แกงกะหรี่ เป็นต้น

นอกจากนี้ ขมิ้นมีประโยชน์ทางสมุนไพรใช้รักษาโรคได้ มีประวัติในการนำขมิ้นใช้ในการรักษามากกว่า 5,000 ปี สรรพคุณของขมิ้นเช่น ช่วยแก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม ป้องกันมะเร็ง รักษาโรคกระเพาะ รักษาลำไส้อักเสบ รักษาโรคผิวหนัง ลดไขมันในเลือด เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ยาฆ่าเชื้อรา รักษาฝี รักษาแผลไฟไหม้ บำรุงตับ ช่วยย่อยอาหาร ลดไขมันในตับ เป็นต้น

ลักษณะของต้นขมิ้น

ขมิ้น เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าอยู่ใต้ดิน สามารถขยายพันธ์โดยการแยกหน่อ ลักษณะของต้นขมิ้น มีดังนี้

  • ลำต้นของขมิ้นชัน มีความสูงประมาณ  30 ถึง 95 เซ็นติเมตร
  • เหง้าของขมิ้นชัน เป็นลักษณะทรงรี รูปไข่ อยู่ใต้ดิน อ้วนและสั้น ในเนื้อของเหง้ามีสีเหลืองส้ม กลิ่นฉุน
  • ใบของขมิ้นชัน ลักษณะเป็นใบเดี่ยว ตรงกลางใบมีสีแดงคล้ำ ออกมาจากเหง้า เรียงซ้อนทับกันเป็นวง ลักษณะใบเป็นรูปหอก
  • ดอกของขมิ้นชัน ดอกออกมาจากเหง้าขมิ้นชั้น แทรกขึ้นตามก้านใบ ดอกขมิ้นรูปทรงกระบอก สีเหลืองอ่อน ใบประดับสีเขียวอ่อน

คุณค่าทางโภชนาการของขมิ้น

ขมิ้น มีวิตามินเอ วิตามินอี และวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันมะเร็งตับได้ ช่วยลดไขมันในตับ สมานแผลในกระเพราะอาหาร เปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ ทำความสะอาดลำไส้ ช่วยย่อยอาหาร

ขมิ้นชัน อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และเกลือแร่ต่าง ๆ รวมไปถึงเส้นใย คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน เป็นต้น

สรรพคุณของขมิ้น

สำหรับการใช้ขมิ้นในการรักษาโรคและการบำรุงร่างกาย สามารถใช้ประโยชน์จากเหง้าของขมิ้น ซึ่งสรรพคุณของขมิ้น มีดังนี้

  • ช่วยบำรุงร่างกาย เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยชะลอวัย เสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย
  • บำรุงผิวหนัง ช่วยป้องกันผิวหนังจากสภาพแวดล้อมต่างๆ แก้อาการผื่นคันตามร่างกาย รักษาโรคผิวหนัง รักษากลากเกลื้อน บรรเทาอาการผิวหนังพุพอง ทำให้ ผิวพรรณนุ่มนวล ขาวผ่องใส เต่งตึง รักษาสิวเสี้ยน สิวผด สิวอุดตัน
  • ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย รักษาโรคเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต
  • ช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ล้างพิษ ลดการเกิดพิษในร่างกาย
  • บำรุงกระดูก รักษาโรคเกาต์ ลดกรดยูริคในเลือด ลดอาการปวดบวมตามข้อ
  • บำรุงร่างกายสำหรับสตรีหลังคลอดบุตร ช่วยเพิ่มน้ำนม
  • รักษาโรคระบบทางเดินหายใจ ช่วยให้หายใจคล่อง บำรุงปอด
  • บำรุงสมอง ลดอาการสมองเสื่อม แก้อาการเวียนหัว
  • แก้ปวด ลดการอักเสบ บวมแดงของร่างกาย
  • ช่วยลดไข้ ลดอาการไอ
  • รักษาแผลที่ปาก แผลร้อนใน
  • บรรเทาอาการปวดท้อง ช่วยรักษาอาการท้องเสีย  รักษาอาการจุดเสียด ท้องอืดท้องเฟ้อ
  • บำรุงระบบทางเดินอาหาร รักษาโรคลำไส้อักเสบ รักษาโรคแผลในลำไส้ ช่วยเรื่องการขับถ่าย ลดการบีบตัวของลำไส้  รักษาอาการลำไส้ใหญ่บวม อาการอุจจาระไม่ออก ช่วยขับลม ป้องกันการเกิดกรดไหลย้อน
  • บำรุงตับให้แข็งแรงขึ้น ป้องกันการเกิดตับอักเสบ และตับอ่อนอักเสบ และป้องกันตับจากฤทธิ์ของยาพาราเซตามอล
  • แก้อาการตกเลือด แก้อาการตกขาว
  • รักษาแผลจากแมลงสัตว์กัดต่อย
  • ต้านการเจริญเติบโตของเชื้อรา
  • รักษาแผล ช่วยสมานแผล

โทษของขมิ้น

สำหรับการใช้ประโยชน์จากขมิ้นหากใช้อย่างไม่ถูกต้องสามารถทำให้เกิดโทษได้ ดังนี้

  • หากรับประทานขมิ้นแล้วเกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดหัว หรือ นอนไม่หลับ ต้องหยุดการรับประทานขมิ้นทันที
  • การใช้ขมิ้นเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เมื่ออาการเหล่านั้นหายดีแล้ว ควรเลิกรับประทาน ไม่ควรรับประทานต่อเนื่อง
  • ขมิ้นชั้นเป็นอันตรายสำหรับผู้ป่วยเกี่ยวกับท่อน้ำดี อาจทำให้เกิดการอุดตันของท่อน้ำดีได้

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร (แบ่งตามสรรพคุณรักษาโรคของสมุนไพร) โรค (แบ่งต่ามอาการป่วยของอวัยวะต่างๆ) แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลการดูแลตัวเองเบื้องต้น ข้อมูลดีๆในเว็ยไซต์แห่งนี้เนื้อหามีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา

ฟักทอง Pumpkin พืชคุณค่าทางอาหารสูง สรรพคุณของฟักทอง ช่วยควบคุมน้ำหนัก บำรุงผิว ขับปัสสาวะ แก้ไอ บำรุงร่างกาย บำรุงระบบประสาท บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา

ฟักทอง สมุนไพร สรรพคุณของฟักทอง

ต้นฟักทอง ภาษาอังกฤษ เรียก Pumpkin มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cucurbita maxima Duchesne. ชื่ออื่นของฟักทอง เช่น หมากอึ มะฟักแก้ว มะน้ำแก้ว น้ำเต้า หมักอื้อ หมากฟักเหลือง เหลืองเคล่า หมักคี้ล่า ฟักทอง นิยมนำมาทำเป็นส่วนประกอบของ อาหาร ตัวอย่าง อาหารเมนูฟักทอง เช่น  แกงเผ็ดไก่ฟักทอง แกงเลียง ฟักทองผัดไข่ ส่วนของหวานก็มี สังขยาฟักทอง ขนมฟักทอง บวดฟักทอง ฟักทองนึ่ง ฟักทองเชื่อม เป้นต้น

คุณค่าทางโภชนาการของฝักทอง

นักโภชนาการได้ศึกษาผลฟักทอง ขนาด 100 กรัม พบว่า ให้พลังงาน 26 กิโลแคลอรี มีสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์ประกอบด้วย
คาร์โบไฮเดรต 6.5 กรัม น้ำตาล 2.76 กรัม กากใยอาหาร 0.5 กรัม ไขมัน 0.1 กรัม โปรตีน 1 กรัม วิตามินเอ 476 ไมโครกรัม เบตาแคโรทีน 3,100 ไมโครกรัม ลูทีนและซีแซนทีน 1,500 ไมโครกรัม วิตามินบี 1 0.05 มิลลิกรัม วิตามินบี 2 0.11 มิลลิกรัม วิตามินบี 3 0.6 มิลลิกรัม วิตามินบี 5 0.298 มิลลิกรัม วิตามินบี 6 0.061 มิลลิกรัม วิตามินบี 9 16 ไมโครกรัม วิตามินซี 9 มิลลิกรัม วิตามินอี 0.44 มิลลิกรัม วิตามินเค 1.1 ไมโครกรัม ธาตุแคลเซียม 21 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 0.8 มิลลิกรัม ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม ธาตุแมงกานีส 0.125 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 44 มิลลิกรัม ธาตุโพแทสเซียม 340 มิลลิกรัม ธาตุโซเดียม 1 มิลลิกรัม และ ธาตุสังกะสี 0.32 มิลลิกรัม

เมล็ดดอกฟังทอง สามารถสกัดน้ำมันได้ สรรพคุณ ช่วยบำรุงประสาท ป้องกันโรคต่อมลูกหมาก ช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชาย

ลักษณะของต้นฟักทอง

ต้นฟักทอง จัดว่าเป็น ไม้ล้มลุก ลักษณะของลำต้น ใบ ดอก และ ผล มีดังนี้

  • ลำต้นฟักทอง ลักษณะลำต้นเป็นเถาเลื้อยไปตามพื้นดิน นิยมปลูกริมรั้ว เถาของฟักทองมีขนาดยาว ใหญ่ และมีขน ปกคลุม สีเขียว
  • ใบของฟักทอง เป็นใบเดี่ยว ใบของฝักทองมีแผ่นใหญ่สีเขียว แยกออกเป็น 5 หยักและมีขนสาก ๆ
  • ดอกของฟักทอง จะออกดอกเดี่ยวตามง่ามใบ และที่ส่วนยอดของเถาฟักทอง ลักษณะของดอกเป็นรูประฆังสีเหลือง
  • ผลของฟักทอง มีขนาดใหญ่ ลักษณะกลมแบน เปลือกของฟักทองจะแข็ง ผิวขรุขระ มีทั้งสีเขียวหรือสีน้ำตาล เนื้อของผลฟักทองมีสีเหลือง เมล็ดของฟักทองมีสีขาว

สรรพคุณของฟักทอง

สำหรับสรรพคุณทางด้านสมุนไพรไทยของฟักทอง สามารถใช้ประโยชน์ ทั้ง ใบ ดอก เมล็ด ราก  และ ผล มีรายละเอียด ดังนี้

  • ใบของฟักทอง วิตามินซีสูงเหมือเนื้อฟักทอง นอกจากวิตามินซีแล้ว ยังมีฟอสฟอรัสสูง
  • ดอกของฟักทอง มีวิตามินเอ แคลเซียม และฟอสฟอรัส สูงและวิตามินซีเล็กน้อย
  • เมล็ดฟักทอง มีคาร์โบไฮเดรต ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน มีสารคิวเคอร์บิตาซิน ( Cucurbitacin ) สามรถกำจัดพยาธิตัวตืด  ช่วยขับปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว และป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เมล็ดดอกฟังทอง สามารถสกัดน้ำมันได้ สรรพคุณ ช่วยบำรุงประสาท ป้องกันโรคต่อมลูกหมาก ช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชาย
  • รากฟักทอง นำมาต้ม ใช้ดื่มแก้ไอ ยังช่วยบำรุงร่างกาย
  • เยื่อกลางที่ผลของฟักทอง สามรถนำมาพอกแผลได้ แก้อาการฟกช้ำปวดอักเสบ
  • ผลฟักทอง มีไขมันน้อย จึงเหมาะแก่คนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ฟักทองยังมีกากไยอาหารมาก ช่วยระบบขับถ่าย
    มีคาร์โบไฮเดรตสูง ช่วยรักษาและบรรเทาอาการ แผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้ ฟักทองมีคอลลาเจนตามธรรมชาติ จะช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส  ผลของฟักทองยัง สามารถช่วยบรรเทาอาการหอบหืดที่เกิดจากหลอดลมอักเสบ  สตรีหลังคลอดบุตรหากทางฟักทอง ซึ่งตามตำราสมุนไพรไทยเขาเรียก”มีฤทธิ์อุ่น” จะช่วยย่อยอาหารทำให้กระเพาะอุ่น บำรุงกำลัง และลดการอักเสบ แก้ปวดได้ดีมากๆ
  • เปลือกของผลฟักทอง ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย รักษาโรคเบาหวานได้ ควบคุมความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพได้อีกด้วย

ฟักทอง ถือเป็นพืชในตระกูลมะระ ชนิดไม้เถาขนาดใหญ่ ผิวผลขณะยังอ่อนมีสีเขียว เมื่อแก่จะแล้วจะมีสีเขียวสลับเหลือง ผิวไม่เรียบขรุขระเปลือกมีลักษณะแข็งเนื้อในสีเหลือง มีเส้นใยอยู่ภายในเป็นสีเหลืองนิ่มพร้อมกับเมล็ดสีขาวแบนๆ ติดอยู่ ประโยชน์ของฟักทองนั้นมีมากมาย สามารถนำมาใช้กินบำรุงร่างกายและรักษาโรคได้ดี

โทษของฟักทอง

สำหรับการใช้ประโยชน์จากฟักทองด้านการอาหาร และ การรักษาโรค ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม จึงจะไม่มีอันตายต่อสุขภาพ โดยข้อควรระวังในการกินฟักทอง มีดังนี้

  • เมล็ดฟักทองทำให้เกิดแก็สสะสมในลำไส้ และ กระเพาะอาหาร หารกินมากไป อาจทำให้ท้องอืดได้ สตรีมีครรถ์ไม่ควรกินมากเกินไป อาจเป็นอันตรายได้
  • เมล็ดฟักทอง มีสารอาหารไขมันและให้แคลอรี่สูง สำหรับผู้ป่วยไขมันสูงไม่ควรกินมากเกินไป
  • ผลฟักทอง กระตุ้นให้ร่างกายร้อนขึ้น อาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้อง สำหรับกลุ่มคนที่มีอาการ เช่น กระหายน้ำ ปากเหม็น หิวง่าย ปัสสาวะเหลือง ท้องผูก มีแผลในช่องปาก เหงือกบวม ไม่ควรทานฟักทองมากเกินไป

ฟักทอง ( Pumpkin ) คือ พืชล้มลุก คุณค่าทางอาหารสูง สรรพคุณของฟักทอง ช่วยควบคุมน้ำหนัก บำรุงผิว ป้องกันมะเร็ง ยาถ่ายพยาธิ ขับปัสสาวะ รักษาหอบหืด รักษาเบาหวาน รักษาโรคกระเพาะ รักษาลำไส้อักเสบฟักทอง แก้ไอ บำรุงร่างกาย บำรุงระบบประสาท ควบคุมความดันโลหิต บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงดวงตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์เก่า

Beezab.com แหล่งความรู้ด้านสุขภาพ สมุนไพร โรค แม่และเด็ก อาหารเพื่อสุขภาพ โยคะ ธรรมะครูบาอาจารย์ ดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยข้อมูลดีๆ เนื้อหาในเว็บไซต์นี้มีไว้เพื่อการศึกษาหรือเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเท่านั้น เราไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือ การรักษาโรคแต่อย่างใด หากคุณมีอาการเจ็บป่วยหรือรู้สึกไม่สบาย ควรคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้งานของเรา

Beezab.com source of health knowledge, herbsdiseasesmothers and childrenhealthy foodyoga and Dhamma.   Take care of yourself first with good information. The content on this website is for educational purposes only. We are not intended to be a substitute for medical advice. Diagnosis of disease or treatment of disease in any way If you are sick or feel unwell You should consult a doctor. to receive proper treatment For more information, please see our Terms and Conditions of Use.


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove