กระเทียม สมุนไพร นิยมทำเป็นเครื่องเทศ ใส่ในอาหาร ลักษณะของต้นกระเทียม เป็นอย่างไร สรรพคุณของกระเทียม คุณค่าทางโภชนาการของกระเทียม โทษของกระเทียม

กระเทียม สมุนไพร สรรพคุณของกระเทียม สมุนไพรไทย

ต้นกระเทียม ( Garlic ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของกระเทียม คือ Allium sativum L. ชื่อเรียกอื่นๆของกระเทียม คือ  หอมเทียม (เหนือ) กระเทียมขาว (อุดรธานี) กระเทียมจีน (กทม) หอมขาว (อุดรธานี) ปะเซ้วา (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) หัวเทียม (ใต้) ซึง ปักทาง เสิง ฮวงซาง (จีน) เป็นต้น

กระเทียม เป็นพืชล้ม มีหัวอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว สามารถขยายพันธ์ โดยการแตกหน่อ และ เพาะเมล็ดพันธ์  หัวกระเทียม นิยมนำมาทำอาหาร กระเทียมมีกลิ่นฉุน ให้ความหอมในอาหาร และมีรสหวานหากนำมาต้ม การบริโภคกระเทียมก็เหมือนการกินยา

กระเทียมในประเทศไทย

หัวกระเทียม เป็นวัตถุดิบหลักในอาหารไทย กระเทียมจึงเป็นพืชเศรษฐกิจ สามารถหาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป ในประเทศไทยแหล่งปลูกประเทียม คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นฉุน คือ กระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกษ

คุณค่าทางโภชนาการของกระเทียม

สำหรับคุณค่าทางโภชนาการของกระเทียม นักโภชนาการได้ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของหัวกระเทียมสด ขนาด 100 กรัม พบว่าหัวปกระเทียมขนาด 100 กรัม ให้พลังงาน มากถึง 149 กิโลแคลอรี

โดย ในหัวกระเทียมขนาด 100 กรัม มีสารอาหารสำคัญ ประกอบด้วย กากใยอาหาร 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 33.06 กรัม น้ำตาล 1 กรัม  ไขมัน 0.5 กรัม โปรตีน 6.36 กรัม  วิตามินบี 2 0.11 มิลลิกรัม วิตามินบี 1 0.2 มิลลิกรัม วิตามินบี 3 0.7 มิลลิกรัม วิตามินซี 31.2 มิลลิกรัม วิตามินบี 5 0.596 มิลลิกรัม วิตามินบี 9 3 ไมโครกรัม วิตามินบี 6 1.235 มิลลิกรัม  ธาตุแคลเซียม 181 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 1.7 มิลลิกรัม ธาตุแมกนีเซียม 25 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 153 มิลลิกรัม ธาตุแมงกานีส 1.672 มิลลิกรัม  ธาตุสังกะสี 1.16 มิลลิกรัม ธาตุโพแทสเซียม 401 มิลลิกรัม และ ธาตุซีลีเนียม 14.2 ไมโครกรัม

ลักษณะของต้นกระเทียม 

ต้นกระเที่ยม เป็นพืชล้มลุก หัวของกระเทียมอยู่ใต้ดิน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว หัวกระเทียม นิยมนำมาทำอาหาร ลักษณะของต้นกระเทียม มีดังนี้

  • รากและหัวของกระเทียม1 เป็นส่วนที่อยู่ใต้ดิน ลักษณะของหัวกลม ภายในเป็นลักษณะกลีบ เนื้อมีกลิ่นฉุน ลำต้นอยู่เหนือดินทรงกระบอกยาวเนื้อสีขาว มีกลิ่นฉุนเล็กน้อย
  • ใบกระเทียม เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับตรงจากลำต้น ใบกลม ใบยาวสีเขียว ผิวใบเรียบ และมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย นิยมรับประทานเป็นผักสด
  • ดอกกระเทียม ลักษณะดอกเป็นช่อ ก้านดอกแทงออกมาจากหัวและลำต้น ก้านดอกทรงกลม ยาว ด้านในเป็นรูกลวง ดอกตูมรูปทรงคล้ายระฆัง
  • ผลและเมล็ดกระเทียม เจริญเติบโตรวมกัน เป็นกลุ่ม ด้านในมีเมล็ดขนาดเล็กจำนวนมาก เมล็ดลักษณะกลม สีน้ำตาลอมดำ

สรรพคุณของกระเทียม

ต้นกระเทียม สามารถนำมาใช้ประโยชน์ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค ใช้ประโยชน์จากหัวกระเทียม สรรพคุณของกระเทียม มีรายละเอียด ดังนี้

  • ช่วยบำรุงผิวหนัง ทำให้มีสุขภาพผิวดี
  • ช่วยการเจริญอาหาร ทำให้อยากกินอาหาร
  • บำรุงข้อต่อและกระดูกในร่างกาย
  • ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้
  • ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย ป้องกันอาการไอ ลดอาการน้ำมูกไหล ป้องกันไข้หวัด ช่วยแก้อาการหอบหืด ช่วยรักษาโรคหลอดลม ช่วยขับเสมหะ
  • บำรุงเลือด ลดไขมันในเส้นเลือด ลดน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว ช่วยละลายลิ่มเลือด ช่วยป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง
  • ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย
  • แก้อาการวิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ
  • เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยควบคุมฮอร์โมนทั้งหญิงและชาย ช่วยทำให้มดลูกบีบตัว
  • ช่วยป้องกันการเกิดโรคไต
  • บำรุงหัวใจ ช่วยลดความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
  • บำรุงเส้นผม ช่วยแก้ปัญหาผมบาง ยาวช้า รักษาเชื้อราตามหนังศีรษะและเล็บ
  • ช่วยขับพิษในเลือด ช่วยขับเหงื่อ
  • บำรุงเหงือกและฟัน ช่วยระงับกลิ่นปาก
  • บำรุงทางเดินอาหาร ช่วยควบคุมโรคกระเพาะ ช่วยขับลม รักษาจุกเสียดแน่นท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ
  • ช่วยขับพยาธิ เช่น พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย พยาธิเข็มหมุด พยาธิไส้เดือน เป็นต้น
  • ช่วยต้านฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย
  • บรรเทาอาการปวดข้อและปวดเมื่อยตามร่างกาย

โทษของกระเทียม

สำหรับการบริโภคกระเทียม และ ใช้กระเทียมเป็นยารักษาโรค มีข้อควรระวังในใช้ประโยชน์จากกระเทียม โทษของกระเทียม มีดังนี้

  • การกินกระเทียมสด อาจทำให้ระคายเคืองช่องปาก เช่น แสบร้อนบริเวณปาก
  • หากกินกระเทียมมากเกินไป อาจทำให้มีกลิ่นปาก และ ทำให้กลิ่นตัวแรง
  • สำหรับเด็กอ่อน กระเทียมสดๆอาจทำให้ผิวของเด็กเกิดอาการแสบร้อนและระคายเคืองได้
  • ผู้ป่วยโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ไม่ควรรับประทานกระเทียมสด เพราะ อาจทำให้ระคายเคืองระบบทางเดินอาหารได้
  • กลิ่นของกระเทียม หากสูดดมเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้

หญ้าปักกิ่ง หญ้าเทวดา สมุนไพร ต้นหญ้าปักกิ่งเป็นอย่างไร สรรพคุณของหญ้าปักกิ่ง ขับพิษในร่างกาย บรรเทาโรคระบบทางเดินหายใจ โทษของของหญ้าปักกิ่งมีอะไรบ้าง

หญ้าปักกิ่ง สมุนไพร หญ้าเทวดา สรรพคุณหญ้าเทวดา

ต้นหญ้าปักกิ่ง ( Angel Grass ) ชื่อวิทยาศาสตร์ของหญ้าปักกิ่ง คือ Murdannia loriformis (Hassk.) R.S.Rao & Kammathy สำหรับ สมุนไพรหญ้าปักกิ่ง มีชื่อเรียกอื่นๆ เช่น หญ้าเทวดา ต้นอายุยืน เล่งจือเช่า งู้แอะเช่า และ หนิวเอ้อเฉ่า เป็นต้น ต้นหญ้าปักกิ่ง มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนตอนใต้ แถบสิบสองปันนา จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกขนาดเล็ก จำพวกหญ้าที่มีอายุหลายปี

หญ้าปักกิ่งในประเทศไทย

ปัจจุบันประเทศไทย มีการนำเอาหญ้าปักกิ่ง มาใช้ประโยชน์ด้านจากการรักษาโรคในแพทย์แผนปัจจุบัน มีการนำเอาหญ้าปักกิ่งไปศึกษาทางการวิจัย ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา หญ้าปักกิ่ง ได้รับการสนับสนุนในการนำไปวิจัย จากสถาบันต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล องค์การเภสัชกรรมประเทศไทย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งประเทศไทย และ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นต้น

ซึ่งก่อให้เกิดองค์ความรู้มากมายด้านการรักษามะเร็ง หญ้าปักกิ่งมีสรรพคุณต้านมะเร็ง เพระา หญ้าปักกิ่ง มี สารกลัยโคสฟิงโกไลปิด ( Glycosphingolipid )ที่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ ใช้รักษา มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ และ มะเร็งตับ นอกจากนี้ ยังมี สรรพคุณเพิ่มเซลล์เม็ดเลือดขาว อีกด้วย

ลักษณะของต้นหญ้าปักกิ่ง

ต้นหญ้าปักกิ่ง พืชล้มลุก โตง่าย ชอบดินร่วนปนทราย แสงแดดอ่อน ๆ สามารถขยายพันธ์โดยการเพาะเมล็ดพันธ์ การปักชำ มักขึ้นตามริมลำธาร สำหรับประเทศไทย พบหญ้าปักกิ่งได้ในภาคเหนือ ลักษณะของต้นหญ้าปักกิ่ง มีดังนี้

  • ลำต้นหญ้าปักกิ่ง ต้นหญ้าปักกิ่งไม่มีลำต้นหลัก มีแต่เหง้าที่สั้นๆ รากหนา ความสูงของทั้งต้นประมาณ 20 เซนติเมตร ลำต้นมีใบเป็นกระจุก
  • ใบหญ้าปักกิ่ง ลักษณะเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับเป็นชั้น และกระจุกตรงเหง้า ลักษณะของใบคล้ายใบไผ่ ใบมีขน ใบหนา สีเขียว ผิวใบเรียบ
  • ดอกหญ้าปักกิ่ง ลักษณะดอกออกเป็นช่อ โดยมีก้านดอกออกมาจากเหง้า กลีบดอกมี 3 กลีบ สีของกลีบดอก มี สีน้ำเงิน สีฟ้า สีม่วงอ่อน สีม่วงน้ำเงิน หรือ สีบานเย็น
  • ผลหญ้าปักกิ่ง ลักษณะของผลหญ้าปักกิ่ง เจริญเติบโตจากดอกหญ้าปักกิ่ง ผลลักษณะคล้ายแคปซูลรูปสามเหลี่ยมทรงรี ผิวสีน้ำตาลอมเหลือง

สรรพคุณของหญ้าปักกิ่ง

สำหรับสรรพคุณของต้นหญ้าปักกิ่ง ด้านการบำรุงร่างกายและการรักษาโรค สามารถใช้ประโยชน์ได้จาก ทั้งต้น ดอก และ ใบ สรรพคุณของหญ้าปักกิ่ง มีดังนี้

  • ทั้งต้นหญ้าปักกิ่ง สรรพคุณป้องกันมะเร็ง เช่น มะเร็งในลำคอ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งมดลูก มะเร็งตับ มะเร็งผิวหนัง และ มะเร็งเม็ดเลือดขาว ช่วยบำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย เป็นยาอายุวัฒนะ  ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยรักษาเบาหวาน ช่วยรักษาระดับความดันโลหิต ช่วยลดไข้ บรรเทาอาการของโรคในระบบทางเดินหายใจ แก้ไอ แก้เจ็บคอ แก้ร้อนใน รักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบ แก้ปวดท้อง รักษาหนองใน รักษาแผลฝี รักษาแผลเรื้อรัง แก้อักเสบ รักษาอาการปวดบวม ช่วยขับพิษในร่างกาย
  • ดอกหญ้าปักกิ่ง สรรพคุณบำรุงหัวใจ รักษาอาการไตอักเสบ
  • ใบหญ้าปักกิ่ง สรรพคุณช่วยบำรุงกำลัง และ เสริมสร้างภูมิต้านทานโรค

โทษของหญ้าปักกิ่ง

สำหรับการใช้ประโยชน์จากหญ้าปักกิ่ง มีข้อควรระวังในการใช้ประโยชน์ ดังนี้

  • หญ้าปักกิ่งสรรพคุณเป็นยาเย็น ไม่ควรบริโภคติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพราะ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ แขนขาชา กล้ามเนื้อลีบจนไม่อาจเดินได้

หญ้าปักกิ่ง หญ้าเทวดา คือ สมุนไพร สรรพคุณของหญ้าปักกิ่ง เด่นด้าน การขับพิษในร่างกาย และ บรรเทาโรคระบบทางเดินหายใจ ลักษณะของหญ้าปักกิ่ง โทษของของหญ้าปักกิ่ง มีอะไรบ้าง


ขายถุงกระสอบ ถุงสายรุ้ง ย้ายหอ ย้ายบ้าน ต้องการถุงกระสอบ ถุงกระสอบราคาโรงงาน
ติดต่อ ทรัพย์ทวี Line Id : nongnlove